เฉินเสียนเม้มปาก เธอหยิบสิ่งของที่ถูกเผาจนร้อนและกลายเป็นสีดำออกมา แม้ว่าจะร้อนมือ แต่เธอก็โยนทิ้งไม่ได้
เมื่อเห็นสีของมัน เฉินเสียนก็พอจะเดาได้ทันทีว่าสิ่งนี้คืออะไร
มันคือพระราชโองการ...
เธอคิดไม่ถึงว่าจะมีของแบบนี้อยู่ ซูเจ๋อปิดบังเธอ และตอนนี้ยังคิดจะทำลายสิ่งนี้ทิ้งลับหลังเธอด้วย
เฉินเสียนค่อยๆ เปิดดูพระราชโองการ แม้ว่าผ้าไหมสีเหลืองสดที่ห่ออยู่ด้านนอกจะถูกรมควันจนกลายเป็นสีดำ แต่ตัวอักษรที่อยู่ด้านในยังพออ่านออก
สีหน้าของเฉินเสียนเปลี่ยนไปมาหลายต่อหลายครั้งขณะที่อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ และท้ายที่สุดก็กลายเป็นสีหน้าที่อ่านได้ยาก
เฮ่อโยวพอจะรู้เหมือนกันว่าซูเจ๋อตั้งใจจะเผาทำลายของสิ่งนี้ลับหลังเฉินเสียน ดังนั้นเนื้อหาที่อยู่ข้างในจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
เขาขยับเข้าไปใกล้และเหลือบมองพลางถามว่า “มันเขียนว่าอะไร”
แต่น่าเสียดายที่เขาทันอ่านแค่ตอนต้นเท่านั้น เพราะอยู่ๆ เฉินเสียนก็ปิดพระราชโองการลงทันที จากนั้นจึงก้าวออกไปจากตรงนี้พลางกัดฟันแน่น “ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
เธอมุ่งตรงไปที่หน้าประตูห้องของซูเจ๋อ
แสงไฟในห้องของเขายังคงสว่างไสว
ภายในใจของเฉินเสียนร้อนรุ่มไปด้วยโทสะซึ่งไม่มีทางระงับลงได้ ก่อนจะตัดสินใจเผชิญหน้าอย่างใจเย็น เธอก็ยื่นมือออกไปผลักประตูห้องของซูเจ๋อให้เปิดออกอย่างแรง
ในเวลานี้ซูเจ๋อยังไม่หลับ ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้ลงกลอนประตู
ซูเจ๋อกำลังเปลี่ยนยาทำแผลแขนข้างที่บาดเจ็บของตัวเอง การเคลื่อนไหวของเขาค่อนข้างช้าเพราะไม่ค่อยถนัดเมื่อต้องใช้แขนเพียงข้างเดียว
เมื่อเฉินเสียนเข้ามา เขาซึ่งสวมชุดซับในสีขาวจึงค่อยๆ ลดแขนเสื้อลง เมื่อเงยหน้ามองและเห็นพระราชโองการที่ถูกเผาจนกลายเป็นสีดำในมือของเฉินเสียน สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น
เฉินเสียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอสาวเท้าเข้าไปยืนอยู่ข้างโต๊ะและหันไปเผชิญหน้ากับซูเจ๋อ
เธอเอ่ยว่า “ซูเจ๋อ ท่านไม่คิดจะพูดอะไรกับข้าเลยหรือ”
ซูเจ๋อตอบว่า “ท่านเห็นหมดแล้ว ข้ายังต้องพูดอะไรอีก อาเสียน ท่านฟังก่อนได้หรือไม่”
เฉินเสียนเม้มริมฝีปากด้วยความโกรธ เธอกระแทกพระราชโองการลงบนโต๊ะและถามว่า “พระราชโองการฉบับนี้มีมาตั้งแต่เมื่อใด”
“นี่เป็นพระราชโองการลับจากเมืองหลวง มันถูกสกัดไว้เมื่อสองวันก่อน และเพิ่งมาถึงมือข้าวันนี้”
“แล้วท่านอ่านเนื้อหาข้างในหรือยัง”
มือของซูเจ๋อที่วางอยู่บนโต๊ะชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นเขาจึงพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าอ่านแล้ว”
เฉินเสียนกล่าวว่า “ในเมื่อท่านอ่านแล้ว เหตุใดจึงไม่บอกข้า ในเมื่อท่านอ่านแล้ว เหตุใดจึงไม่กลับเมืองหลวง ทั้งยังคิดจะออกเดินทางลงใต้พรุ่งนี้?! ทำไมท่านต้องหลอกข้าด้วยว่าเจ้าน่องน้อยจะไม่เป็นอะไร และท่านจะหาวิธีไปช่วยเขา!”
เธอขยับเข้าไปใกล้ซูเจ๋อและเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ในพระราชโองการบอกว่าเจ้าน่องน้อยถูกพาเข้าไปในวัง ตอนนี้เขาป่วยหนัก ท่านบอกข้าสิ บอกมาว่าท่านคิดจะช่วยเขาอย่างไร! ท่านพยายามปิดบังข้ามาตลอด จะให้ข้าทิ้งลูกชาย ไม่สนว่าเขาจะเป็นจะตายอย่างไรนะหรือ!”
ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยความตึงเครียดและแรงกดดัน เมื่ออยู่ต่อหน้าซูเจ๋อ เธอดูเหมือนแม่วัวที่พยายามจะปกป้องลูก ถ้าเกิดมีใครคิดจะมาทำร้ายลูกของเธอ เธอพร้อมจะกระโจนเข้าใส่อย่างห้าวหาญโดยไม่คิดจะถอยหนี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...