ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 362

สรุปบท ตอนที่ 362 ความตั้งใจของซูเจ๋อ: ข้าคือหงส์พันปี

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 362 ความตั้งใจของซูเจ๋อ – ข้าคือหงส์พันปี โดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว

บท ตอนที่ 362 ความตั้งใจของซูเจ๋อ ของ ข้าคือหงส์พันปี ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ทันใดนั้นขอบตาของนางสนมเริ่มแดง แล้วมีน้ำตาคลอเบ้า ข้าเห็นรู้สึกสงสาร นางพูดขึ้นว่า“ถ้าเกิดหม่อมฉันพูดออกมา อาจจะทำให้ใต้เท้ารู้สึกลำบากใจได้”

“มีเรื่องอะไรพูดมา ไม่เป็นไร”

สุดท้ายเวลานั้นนางสนมทั้งสองจึงนั่งคุกเข่าต่อหน้าเฮ่อฟั่ง

“คือพวกเรา……”

นางสนมร้องไห้แล้วพูดว่า “ใต้เท้าได้โปรดพาหม่อมฉันสองคนออกจากไปที่นี่ทีเถิด!”

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?หรือว่าใต้เท้าซูปฏิบัติกับพวกเจ้าไม่ดี?พวกเจ้าเป็นคนที่จักรพรรดิพระราชทานมาให้ ถ้าเขาปฏิบัติกับพวกเจ้าไม่ดี ข้าจะไปทูลบอกจักรพรรดิเอง”

นางสนมเอ่ย“ใต้เท้าซูเป็นคนดีมากๆ เพียงแต่……ใต้เท้าซูไม่เก่งการเต้นรำ และเรื่องผู้หญิง…… แต่หม่อมฉันทำได้เพียงสิ่งเหล่านี้ ……ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของหม่อมฉันไม่นานก็จะหายไป หม่อมฉันไม่อยากจะเสียเวลาทั้งชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ ”

นางสนมร้องไห้น้ำตาซึมมองไปที่เฮ่อฟั่ง “ใต้เท้า ท่านพาพวกเราไปจากที่นี่เถิด…… ถ้ามีเจ้านายก็ปรนนิบัติรับใช้ได้ ยังดีกว่าใช้ชีวิตอยู่ในที่มืดแห่งนี้……”

เฮ่อฟั่งเอ่ย “พวกเจ้าเป็นคนที่จักรพรรดิพระราชทานมาให้ใต้เท้าซู จะเกิดความคับแค้นข้องใจเช่นนี้ได้อย่างไร”

เพียงแต่นางสนมสองคนนี้รูปร่างหน้าตาช่างงดงาม จะมาอยู่ในจวนที่เงียบเหงาอย่างนี้มันก็สูญเปล่า มันน่าเสียดายมาก

เฮ่อฟั่งรู้ว่า ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานพวกนางมาให้ซูเจ๋อนั้น เพราะตั้งใจให้พวกนางคอยเผ้าติดตามซูเจ๋ออย่างใกล้ชิด

ไม่ว่าซูเจ๋อจะไม่มีพิรุธอะไร หรือไม่เขาก็อาจจะเก็บซ่อนเอาไว้ลึก แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานก็ยังไม่พบเบาะแสหรือเงื่อนงำอะไร

เฮ่อฟั่งยังอีกรู้ว่า ช่วงหลังมานี้องค์จักรพรรดินั้นเบื่อนางสนมทั้งสองคนนี้ มีบางครั้งที่นางสนมไปส่งจดหมาย ก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง

ทุกคนมีหัวใจที่งดงาม นั่นเป็นผลให้ที่นางสนมทั้งสองร้องไห้ต้องหน้าเขา ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว

เพียงแต่ต้องรักษาหน้าไว้ก่อน

นางสนมพูด “หม่อมฉันไม่กล้ามีความคับแค้นข้องใจ หม่อมฉันเพียงต้องการให้มีคนมาชื่นชม มีเจ้านายให้ปรนนิบัติรับใช้ แต่ไม่ใช่ความเงียบเหงา ไม่สนใจใยดีกัน……”

“พวกเจ้ารีบลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้ข้าจะไปถามกับพ่อบ้านที่นี่ก่อน”

นางสนมไม่ยอมลุกขึ้น เฮ่อฟั่งจึงยื่นมือเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้น

สาวงามหยาดเยิ้มรูปร่างบอบบาง เมื่อยืนขึ้นก็ยืนไม่ค่อยหยุดจึงล้มเข้าไปในอ้อมกอดของเขา วินาทีนั้นมันทำให้จิตใจเขาผ่อนคลายมากขึ้น

หลังจากที่ได้ถามพ่อบ้านถึงรู้ว่า ซูเจ๋อไม่แตะต้องพวกนางเลย ให้นางได้เป็นอิสระ อยากจะไปไหนก็ไม่เคยห้าม

ซูเจ๋อไม่อยากให้พวกนางเสียเวลา ถ้าเกิดกลับพระราชวังไปเต้นรำต่อได้ ซูเจ๋อก็ยินยอมให้ส่งพวกนางกลับไป และจะกลับไปแสดงความขอโทษต่อองค์จักรพรรดิด้วยตัวของเขาเอง

เฮ่อฟั่งได้ฟังแล้วรู้สึกโกรธจึงพูดขึ้นว่า “ใต้เท้าซูกล้าเฉยเมยต่อคนที่องค์จักรพรรดิพระราชทานมาให้”

พ่อบ้านตอบกลับว่า “ใต้เท้าเฮ่ออย่าได้โกรธไปเลย เพราะว่าใต้เท้าของข้า……สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ”

“ข้าว่าไม่ใช่ร่างกายเขาที่ไม่แข็งแรง แต่เขาไม่เชี่ยวชาญการเป็นผู้ชายมากกว่า!”เฮ่อฟั่งพูด “วันนี้ข้าจะพานางทั้งสองไปรายงานต่อองค์จักรพรรดิ รอให้องค์จักรพรรดิจัดการลงโทษ”

ดังนั้นสุดท้ายแล้วเฮ่อฟั่งจึงพานางสนมทั้งสองพาขึ้นรถม้าของตัวเอง แล้วพากลับบ้านตัวเองก่อน

เฮ่อฟั่งไม่ได้ตั้งใจจะพากลับไปส่งให้จักรพรรดิวันนี้อยู่แล้ว พากลับไปพักในบ้านให้สบายก่อน แล้วคืนนั้นก็เข้าห้องของหญิงสาวคนหนึ่ง พากันสู่ไปดินแดนแห่งความสุข

เข้าวันที่สอง เขาก็เพลิดเพลินกับเรือนร่างของนางสนมอีกนางหนึ่งอย่างเต็มที่

นางสนมทั้งสองได้รับการดูแลอย่างดี ใช้เรือนร่างที่อ้อนช้อยนุ่มนวลให้กลายเป็นวิธีเอาใจของเฮ่อฟั่ง

เฮ่อฟั่งเสียดายไม่อยากจะส่งพวกนางกลับไปพระราชวัง

ในคืนนั้น นางสนมที่กำลังนั่งขยับขึ้นลงอยู่เรือนร่างของเฮ่อฟั่ง ด้วยทักษะความสามารถ อีกทั้งความชุ่มชื้นและคับแน่น ใกล้จะพาเฮ่อฟั่งไปถึงจุดสุดยอด

เธอได้ใช้นิ้วลากวนไปบนแผงอกของเฮ่อฟั่ง อย่างนุ่มนวลอ้อนช้อย แล้วพูดว่า “ใต้เท้าอย่าได้ส่งตัวหม่อมฉันกลับไปได้หรือไม่?ให้หม่อมฉันได้อยู่ต่อ หม่อมฉันจะปรนนิบัติกับใต้เท้าเช่นนี้ทุกๆวัน……”

เฮ่อฟั่งจะทนได้ที่ไหน จับเอวของนางสนม ใช้แรงเพื่อให้ไปถึงจุดสูงสุด พูดอย่างเสียงหอบว่า “เจ้านางฟ้าตัวน้อย จะให้ข้าตัดใจไปได้อย่างไร!”

รอไม่นาน เฮ่อฟั่งก็ออกมา และยังพานางสนมทั้งสองที่อยู่ในจวนของซูเจ๋อขึ้นรถม้าไป

ซูเจ๋อไม่สามารถสั่งให้เขาพานางทั้งสองกลับไปพระราชวัง แม้ว่าจะมีคนน้อยมากที่รู้ว่าเดิมทีหน้าตาของนางสนมนั้นหน้าตาเป็นเช่นไร แต่เมื่อเข้าวังแล้วก็ง่ายต่อการถูกเปิดเผยอย่างยิ่ง

ดังนั้น?

นึกไม่ถึงว่าซูเจ๋อจะให้เฮ่อฟั่งพาพวกนางไป นั้นก็เพราะต้องการใช้พวกนางจัดการกับเฮ่อฟั่ง?

มิน่าล่ะนางสนมทั้งสองคนนั้นแต่งตัวอย่างงดงาม สวมเสื้อผ้าสีสันสดใส ต้องการพุ่งเป้าหมายตรงไปหาเฮ่อฟั่ง

เมื่อไปถึงมือของเฮ่อฟั่ง พวกนางคงจะต้องการหาวิธีตั้งหลักปักฐานในบ้านของเฮ่อฟั่ง

เฮ่อฟั่งคิดเพียงแต่ว่านางสนมสองคนนี้เป็นนางรำในพระราชวัง ดังนั้นจะไม่สงสัยในฐานะของพวกนางเลยแม้แต่น้อย

อย่างที่รู้กัน ว่านี่คือการเปลี่ยนตัวกันไว้ก่อนแล้ว

เมื่อรถม้าของเฮ่อฟั่งเคลื่อนตัวออกไปไกล เวลานั้นเฉินเสียนก็เข้าใจในความหมายของซูเจ๋อ

หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ยินข่าวว่าเอ่อฟั่งจะพานางสนมกลับเข้าพระราชวังอีก

หลังจากที่เฮ่อโยวกลับมาเมืองหลวง กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อลูก พ่อลูกทั้งสองคนต่างไม่มีอะไรจะพูดกัน

เฮ่อเซียงมองเห็นลูกชายที่เคยชอบดื่มชอบเที่ยว ในที่สุดก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผันผวนและความรู้สึกหดหู่

เฮ่อโยวโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้รักใคร่เฮ่อเซียงเหมือนแต่ก่อนได้แล้ว

แน่นอนว่าเฮ่อเซียงไม่รู้ว่าเขาอยู่ข้างนอกเป็นตายร้ายดีอย่างไร ลำบากมามากแค่ไหน ถึงได้กลับมาเติบโตได้อย่างวันนี้

เฮ่อโยวเข้ามารายงายในพระราชวัง ช่วงบ่ายพระราชวังได้ส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไปที่จวนของ แต่งตั้งให้เฮ่อโยวเป็นขุนนางฝ่ายพิธีการ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี