ทันใดนั้นขอบตาของนางสนมเริ่มแดง แล้วมีน้ำตาคลอเบ้า ข้าเห็นรู้สึกสงสาร นางพูดขึ้นว่า“ถ้าเกิดหม่อมฉันพูดออกมา อาจจะทำให้ใต้เท้ารู้สึกลำบากใจได้”
“มีเรื่องอะไรพูดมา ไม่เป็นไร”
สุดท้ายเวลานั้นนางสนมทั้งสองจึงนั่งคุกเข่าต่อหน้าเฮ่อฟั่ง
“คือพวกเรา……”
นางสนมร้องไห้แล้วพูดว่า “ใต้เท้าได้โปรดพาหม่อมฉันสองคนออกจากไปที่นี่ทีเถิด!”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?หรือว่าใต้เท้าซูปฏิบัติกับพวกเจ้าไม่ดี?พวกเจ้าเป็นคนที่จักรพรรดิพระราชทานมาให้ ถ้าเขาปฏิบัติกับพวกเจ้าไม่ดี ข้าจะไปทูลบอกจักรพรรดิเอง”
นางสนมเอ่ย“ใต้เท้าซูเป็นคนดีมากๆ เพียงแต่……ใต้เท้าซูไม่เก่งการเต้นรำ และเรื่องผู้หญิง…… แต่หม่อมฉันทำได้เพียงสิ่งเหล่านี้ ……ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของหม่อมฉันไม่นานก็จะหายไป หม่อมฉันไม่อยากจะเสียเวลาทั้งชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ ”
นางสนมร้องไห้น้ำตาซึมมองไปที่เฮ่อฟั่ง “ใต้เท้า ท่านพาพวกเราไปจากที่นี่เถิด…… ถ้ามีเจ้านายก็ปรนนิบัติรับใช้ได้ ยังดีกว่าใช้ชีวิตอยู่ในที่มืดแห่งนี้……”
เฮ่อฟั่งเอ่ย “พวกเจ้าเป็นคนที่จักรพรรดิพระราชทานมาให้ใต้เท้าซู จะเกิดความคับแค้นข้องใจเช่นนี้ได้อย่างไร”
เพียงแต่นางสนมสองคนนี้รูปร่างหน้าตาช่างงดงาม จะมาอยู่ในจวนที่เงียบเหงาอย่างนี้มันก็สูญเปล่า มันน่าเสียดายมาก
เฮ่อฟั่งรู้ว่า ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานพวกนางมาให้ซูเจ๋อนั้น เพราะตั้งใจให้พวกนางคอยเผ้าติดตามซูเจ๋ออย่างใกล้ชิด
ไม่ว่าซูเจ๋อจะไม่มีพิรุธอะไร หรือไม่เขาก็อาจจะเก็บซ่อนเอาไว้ลึก แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานก็ยังไม่พบเบาะแสหรือเงื่อนงำอะไร
เฮ่อฟั่งยังอีกรู้ว่า ช่วงหลังมานี้องค์จักรพรรดินั้นเบื่อนางสนมทั้งสองคนนี้ มีบางครั้งที่นางสนมไปส่งจดหมาย ก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง
ทุกคนมีหัวใจที่งดงาม นั่นเป็นผลให้ที่นางสนมทั้งสองร้องไห้ต้องหน้าเขา ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว
เพียงแต่ต้องรักษาหน้าไว้ก่อน
นางสนมพูด “หม่อมฉันไม่กล้ามีความคับแค้นข้องใจ หม่อมฉันเพียงต้องการให้มีคนมาชื่นชม มีเจ้านายให้ปรนนิบัติรับใช้ แต่ไม่ใช่ความเงียบเหงา ไม่สนใจใยดีกัน……”
“พวกเจ้ารีบลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้ข้าจะไปถามกับพ่อบ้านที่นี่ก่อน”
นางสนมไม่ยอมลุกขึ้น เฮ่อฟั่งจึงยื่นมือเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้น
สาวงามหยาดเยิ้มรูปร่างบอบบาง เมื่อยืนขึ้นก็ยืนไม่ค่อยหยุดจึงล้มเข้าไปในอ้อมกอดของเขา วินาทีนั้นมันทำให้จิตใจเขาผ่อนคลายมากขึ้น
หลังจากที่ได้ถามพ่อบ้านถึงรู้ว่า ซูเจ๋อไม่แตะต้องพวกนางเลย ให้นางได้เป็นอิสระ อยากจะไปไหนก็ไม่เคยห้าม
ซูเจ๋อไม่อยากให้พวกนางเสียเวลา ถ้าเกิดกลับพระราชวังไปเต้นรำต่อได้ ซูเจ๋อก็ยินยอมให้ส่งพวกนางกลับไป และจะกลับไปแสดงความขอโทษต่อองค์จักรพรรดิด้วยตัวของเขาเอง
เฮ่อฟั่งได้ฟังแล้วรู้สึกโกรธจึงพูดขึ้นว่า “ใต้เท้าซูกล้าเฉยเมยต่อคนที่องค์จักรพรรดิพระราชทานมาให้”
พ่อบ้านตอบกลับว่า “ใต้เท้าเฮ่ออย่าได้โกรธไปเลย เพราะว่าใต้เท้าของข้า……สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ”
“ข้าว่าไม่ใช่ร่างกายเขาที่ไม่แข็งแรง แต่เขาไม่เชี่ยวชาญการเป็นผู้ชายมากกว่า!”เฮ่อฟั่งพูด “วันนี้ข้าจะพานางทั้งสองไปรายงานต่อองค์จักรพรรดิ รอให้องค์จักรพรรดิจัดการลงโทษ”
ดังนั้นสุดท้ายแล้วเฮ่อฟั่งจึงพานางสนมทั้งสองพาขึ้นรถม้าของตัวเอง แล้วพากลับบ้านตัวเองก่อน
เฮ่อฟั่งไม่ได้ตั้งใจจะพากลับไปส่งให้จักรพรรดิวันนี้อยู่แล้ว พากลับไปพักในบ้านให้สบายก่อน แล้วคืนนั้นก็เข้าห้องของหญิงสาวคนหนึ่ง พากันสู่ไปดินแดนแห่งความสุข
เข้าวันที่สอง เขาก็เพลิดเพลินกับเรือนร่างของนางสนมอีกนางหนึ่งอย่างเต็มที่
นางสนมทั้งสองได้รับการดูแลอย่างดี ใช้เรือนร่างที่อ้อนช้อยนุ่มนวลให้กลายเป็นวิธีเอาใจของเฮ่อฟั่ง
เฮ่อฟั่งเสียดายไม่อยากจะส่งพวกนางกลับไปพระราชวัง
ในคืนนั้น นางสนมที่กำลังนั่งขยับขึ้นลงอยู่เรือนร่างของเฮ่อฟั่ง ด้วยทักษะความสามารถ อีกทั้งความชุ่มชื้นและคับแน่น ใกล้จะพาเฮ่อฟั่งไปถึงจุดสุดยอด
เธอได้ใช้นิ้วลากวนไปบนแผงอกของเฮ่อฟั่ง อย่างนุ่มนวลอ้อนช้อย แล้วพูดว่า “ใต้เท้าอย่าได้ส่งตัวหม่อมฉันกลับไปได้หรือไม่?ให้หม่อมฉันได้อยู่ต่อ หม่อมฉันจะปรนนิบัติกับใต้เท้าเช่นนี้ทุกๆวัน……”
เฮ่อฟั่งจะทนได้ที่ไหน จับเอวของนางสนม ใช้แรงเพื่อให้ไปถึงจุดสูงสุด พูดอย่างเสียงหอบว่า “เจ้านางฟ้าตัวน้อย จะให้ข้าตัดใจไปได้อย่างไร!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...