แม่บ้านจ้าวไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นและตกใจจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นทั้งสามคนจึงกลับไปที่สวนสระวสันตฤดู
เมื่อเดินผ่านจากห้องยามาถึงลานด้านหน้าเฉินเสียนก็เห็นพ่อบ้านเดินผ่านมาพอดี เธอหยุดและเรียกพ่อบ้านไว้ “ไม่กี่วันก่อนข้าได้ยินมาว่ามีปลิงอยู่ที่สระหลังบ้าน พ่อบ้านไปหาคนมาจัดการที ถ้ามันหลุดจากสระไปทำร้ายใครเข้าจะทำยังไง”
พ่อบ้านโค้งคำนับและกล่าวว่า “วันนี้บ่าวกำลังจะส่งคนไปทำความสะอาดที่สระพ่ะย่ะค่ะ ไปตามมาแล้ว คาดว่าอีกไม่นานคงจะมาถึง”
เฉินเสียนเดินผ่านเขาไปพร้อมกล่าวว่า “ดีแล้ว เรื่องแบบนี้ควรรีบดูแลแต่เนิ่นๆ จัดการให้เร็วกว่านี้หน่อย ไม่อย่างนั้นปลิงในสระจะยิ่งดื้อด้านจัดการยาก”
หลังจากกลับมาที่สวนสระวสันตฤดู อวี้เยี่ยนก็เล่าให้ฟังว่าทันทีที่กลับมาถึงจวน สาวใช้ผู้หนึ่งก็อ้างว่านางจ้าวขอให้นางไปช่วยหยิบยาบำรุงร่างกายมาให้เฉินเสียน
เดิมทีแม่บ้านจ้าวเป็นคนทำหน้าที่นี้มาตลอด อวี้เยี่ยนคิดว่าแม่บ้านจ้าวยุ่งจนปลีกตัวมาไม่ได้จึงตามสาวใช้ผู้นั้นไปที่ห้องยา ใครจะไปคิดว่าสาวใช้ผู้นั้นจะขังนางไว้ทันทีที่เข้าไปในห้อง
โชคดีที่ติดอยู่แค่พักเดียวจึงไม่เป็นอะไรมาก
เฉินเสียนถามว่า “จำได้ไหมว่าสาวใช้คนนั้นหน้าตาเป็นยังไง”
“ถ้าบ่าวเห็นนางอีกที บ่าวต้องจำได้แน่เพคะ”
ช่วงบ่ายวันนี้จวนแม่ทัพถูกกำหนดให้ตกอยู่ในความไม่สงบ
เฉินเสียนทำนู่นนี่นั่นอยู่ในเรือนของตัวเองอย่างใจเย็นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นที่สวนด้านหลัง
พ่อบ้านรีบพาคนไปทำความสะอาดสระน้ำที่อยู่ลึกเข้าไปในสวนด้านหลัง แล้วพบว่าหลิ่วเหมยอู่กำลังดิ้นรนอยู่ในสระในสภาพที่ดูไม่ได้
หลังจากช่วยนางออกมาก็พบว่ามีปลิงเกาะอยู่ทั่วร่าง น่ากลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะมอง ตอนนั้นนางยังพอมีสติ เมื่อได้รับความช่วยเหลือจึงค่อยผ่อนคลายความกังวลลงก่อนจะหมดสติไปในที่สุด
พอรู้ข่าวนี้แม่บ้านจ้าวก็ชักสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางมองเฉินเสียนแล้วพูดว่า “เมื่อตอนเที่ยงองค์หญิงไปไหนมาเพคะ”
เฉินเสียนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา “ข้าก็ชมดอกซิงอยู่ที่ศาลาไม่ใช่หรือ”
แม่บ้านจ้าวปาดเหงื่อ “ดอกซิงร่วงโรยไปนานแล้วนะเพคะ”
เรื่องชักจะยุ่งยาก ถ้าองค์หญิงยืนยันไม่ได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่นายหญิงน้อยตกลงไปในสระ นางไม่รู้เลยว่าแม่ทัพจะลงโทษอย่างไรเมื่อเขากลับมา!
แต่เฉินเสียนทำเหมือนไม่มีปัญหาอะไร เธอไม่ตื่นตระหนกเลยแม้ว่าฟ้าจะถล่มลงมา
เธอหยิบถ่านสีดำขึ้นมาก้อนหนึ่งและเริ่มวาดรูปอีกครั้ง พึมพำกับตัวเองว่า “นี่คือแรงบันดาลใจที่มาจากชีวิตจริง”
หลังจากจัดการหลิ่วเหมยอู่ไปแล้ว เธอก็พบว่าตัวเองวาดภาพได้ลื่นไหลขึ้น เค้าโครงเรื่องเกี่ยวกับการทะเลาะในครอบครัวดูสมจริงมาก เธอวาดทุกอย่างได้ง่ายดาย เสริมเติมแต่งได้อย่างที่ใจต้องการ
***
ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่หมอหลวงมาและเขียนใบสั่งยาให้ใหม่ เฉินเสียนก็ปลงตก
สุดท้ายลูกของเธอจะอยู่หรือตายก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้อื่น เธอพูดสิ่งที่ควรพูดและทำในสิ่งที่ควรทำไปแล้ว เหลือแค่ว่าคนในวังจะยอมปล่อยเธอไปหรือไม่
เฉินเสียนไม่ได้พยายามหลีกเลี่ยงภัยใดๆ หมอหลวงเองก็ไม่ได้สั่งยาที่มีผลเสียต่อร่างกายเช่นกัน หนำซ้ำยาเหล่านั้นยังเป็นยาที่มีผลดีต่อลูกของเธอด้วย
หมอหลวงไม่กล้าละเลยสิ่งที่เฉินเสียนพูดกับเขาวันนั้น เมื่อกลับมาถึงจึงรายงานให้จักรพรรดิฟังอย่างไม่มีตกหล่น
ในขณะนั้นจักรพรรดิกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรเพื่อออกว่าราชการแผ่นดินและฟังราวกับไม่ได้สนใจ หลังจากหมอหลวงทูลจบจักรพรรดิก็โบกมือให้เขาออกไป
หลังจากเขาออกไปแล้วพระองค์จึงทรงวางพู่กันในมือ เงยพระพักตร์ขึ้นและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...