เมื่อเฉินเสียนเห็นถึงกับงง “ซูเจ๋อให้เจ้ารึ?”
เฮ่อโยวยิ้มอย่างแปลกๆ แล้วพูดขึ้นว่า “รับไปเถิด นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะเป็นคนคอยส่งของให้แก่พวกท่าน”
“ครั้งสุดท้าย เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“ก็หมายความอย่างที่ท่านได้ยินนั้นแหละ” เฮ่อโยวหยุดพักแล้วพูดขึ้นต่อว่า “ท่านถามว่าวันนี้ข้าเรียกท่านมาเพราะมีเรื่องอันใด นั่นก็คือข้าอยากจะอำลาท่าน”
เฉินเสียนเลิกคิ้ว “อำลา?”
อาหารขึ้นชื่อที่หลากหลายในหอสุรานั้นค่อยๆทยอยเข้ามา วางบนโต๊ะทีละอย่าง ด้วยสีสันและรสชาติที่น่ารับประทาน
เหล้าก็เหล้าชนิดเดิม อาหารก็อาหารเหมือนเดิม เธอคิดถึงเมื่อตอนที่เธอได้กินได้ดื่มกับเฮ่อโยวที่นี่ ไม่มีครั้งไหนที่กลับไปอย่างไม่สนุกสนาน
เพียงแต่วันนี้ เฉินเสียนนั้นกลับไม่รู้สึกอยากอาหาร
เฮ่อโยวที่กำลังคีบอาหารไปใส่ในจานเธอ พูดขึ้นว่า “ท่านพูดถูก เมื่อก่อนข้าคิดเรื่องอะไรง่ายๆไปหมด คนเราจะไปสามารถทำตามใจตัวเองตลอดได้อย่างไร และอีกอย่างตัวเองก็ยังอยู่ในเมืองหลวงที่มีความปรวนแปรเช่นนี้”
เฮ่อโยวพูด “ ข้ามีแค้นที่ต้องชำระ เมื่อข้ากำจัดเฮ่อฟั่งได้แล้ว ก็จะเหลือข้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลเฮ่อ ข้ามีคนในตระกูลเฮ่อที่ต้องดูแล ข้าไม่อยากให้ตระกูลเฮ่อตกต่ำไปเหมือนกับตระกูลฉินอย่างน่าเวทนา”
เฉินเสียนเงียบไปสักครู่ แล้วถามว่า “เจ้าคิดดีแล้วใช่ไหม?”
“อืม ข้าคิดดีแล้ว ข้าไม่สามารถที่จะมาปรึกษาหารือกับท่านในเรื่องต่างๆได้อย่างเสรี ข้าแค่คิดว่าตอนนี้ข้าดำรงตำแหน่งขุนนาง ต่อไปในอนาคตก็มีโอกาสที่จะเลื่อนขั้น ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงปลอดภัยนั่นก็ดีมากแล้ว”
เฉินเสียนคิดว่าตัวเองนั้นเข้าใจเฮ่อโยว เพราะเขาดูเป็นคนที่บริสุทธิ์จิตใจดีมีเมตตามาโดยตลอด เป็นคนที่มองแวบเดียวก็สามารถมองได้อย่างทะลุปรุโปรง
แต่ตอนนี้ เธอกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่สามารถมองให้ทะลุปรุโปรงในตัวเขาได้
เฉินเสียนได้แต่เพียงหัวเราะ แล้วพูดว่า “แต่ทำไมมาถึงตอนนี้ข้ายังคิดว่าเจ้ายังเสแสร้งทำอยู่นะ?เฮ่อโยวที่ข้ารู้จัก ไม่ใช่คนที่เจ้าพูดบรรยายออกมา”
“ข้าขอโทษ ข้าหลอกท่าน” เฮ่อโยวกล่าว “ตั้งแต่เมืองหลวงไปยังพรมแดนทางใต้ ตลอดทางที่กลับมา ข้าหลอกลวงท่านทั้งหมด ข้าคือคนที่องค์จักรพรรดิส่งไปให้คอยจับจ้องท่านกับบัณฑิต และข้าก็ทำอย่างนั้นจริงๆ การไม่เคยฝ่าฝืนความปรารถนาเดิมของข้า นั้นแหละคือด้านที่ข้าเสแสร้งแกล้งทำ ”
ใบหน้าของเฉินเสียนที่ยิ้มอยู่นั้น ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเย็นชา เธอจ้องมองไปที่เฮ่อโยวโดยไม่พูดอะไร มองเขาเป็นเวลานานแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าไม่เชื่อ”
เฮ่อโยวที่กำลังกินอาหารอยู่อย่างสบายๆ พูดขึ้นว่า “เรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อข้าก็ไม่สำคัญ มาถึงตอนนี้คนที่ไม่เข้าใจกระจ่างแจ่มชัดก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่กลับเป็นท่านเอง”
เฉินเสียนเงียบขรึม
“อย่าลืมหล่ะ “อย่าลืมหล่ะ ตอนแรกเป็นท่านเองที่วิ่งกลับมาอย่างชะล่าใจ เป็นท่านที่เตือนสติข้าให้ข้าหันกลับมองสถานการณ์ต่างๆของตระกูลของข้าให้ชัดเจน ตอนนี้ข้าทำตามอย่างที่ท่านต้องการทั้งหมด ท่านควรจะดีใจสิ”
เฮ่อโยวพูดเตือนสติ “อย่าตะลึงไปเลย กินข้าวเถิด ข้าจำได้ว่าอาหารเหล่านี้แต่ก่อนท่านชอบกินมาก หลังจากอาหารมื้อนี้จบลงแล้วต่างคนต่างแยกย้าย ข้าก็จะเดินไปบนเส้นทางที่สดใสของข้า ท่านก็เดินไปบนเส้นทางที่อันตรายของท่าน เราสองคนไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกัน”
ที่เขาเชิญเธอมาดื่มเหล้า นั่นเป็นเพราะต้องการบอกลานั่นเอง
เฉินเสียนรู้สึกหมดกำลังใจแต่ก็แฝงไปด้วยความโกรธนิดหน่อย สักพักเธอก็กลับมายิ้มอย่างเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “แบบนี้ก็ดี เจ้าได้กำหนดขอบเขตเพื่อหลีกเลี่ยงการยุ่งเกี่ยวกับข้า เจ้าเป็นเช่นนี้ก็ดีกว่าที่จะเป็นฉินหรูเหลียงสอง ”
“ท่านเข้าใจได้ ข้าก้ดีใจ” เฮ่อโยวยกแก้วเหล้าขึ้นเพื่อต้องการคาราวะกับเธอ “ไม่ว่าจะอย่างไรครั้งนี้ข้ากับท่านก็ได้มากินข้าวและมาดื่มเหล้ากันแบบนี้ แล้วเหล้าแก้วนี้ท่านจะดื่มหรือไม่?”
เฉินเสียนพูด “ต้องดื่มแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...