เมื่อได้ยินว่ามีหมอมา พ่อบ้านจึงรีบออกไปต้อนรับ แต่เมื่อออกไปก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหญิงสาวที่ยังเยาว์วัย เกล้าผมมวย ดวงตากลมโตสีดำสายตาแวววาว
เช่นนี้จะไปเหมือนกับผู้มีทักษะเชี่ยวชาญทางการแพทย์ได้อย่างไร คล้ายกับหญิงสาวที่ไม่มีประสบการณ์ในการรักษามาก่อน
พ่อบ้านรู้สึกว่านางไม่น่าเชื่อถือ จึงพูดขึ้นว่า “นายหญิงของข้าป่วยหนัก หมอที่มีชื่อเสียงในเมืองต่างก็รักษาไม่ได้ ถ้าแม่นางเพียงต้องการมาเพื่อลองความแปลกใหม่และความสนุกสนาน ก็ควรไปที่อื่นเถิด ”
หญิงสาวที่ยังเยาว์วัยเอ่ยว่า “ข้ารู้ องค์หญิงจิ้งเสียนป่วยใช่หรือไม่ เวลานี้คนทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้กันหมด”นางถอยหลังกลับไปที่บันไดด้านนอกแล้วมองดูไปยังวงกบประตูที่หรูหรา “แต่ก่อนที่นี่คงเป็นจวนของแม่ทัพใหญ่สินะ?”
พ่อบ้านพยักหน้า
หญิงสาวพูด “นั่นก็แสดงว่าข้ามาถูกที่แล้ว ข้ามาออกตรวจให้กับองค์หญิง”ขณะที่พูดก็ตบไปที่กล่องยาที่ตัวเองสะพายไว้ที่ไหล่ “ท่านก็เห็นว่าข้านำอุปกรณ์รักษามาด้วย”
เมื่อเห็นผู้ดูแลลังเลสองจิตสองใจ หญิงสาวจึงพูดขึ้นว่า “ท่านลุง ท่านคงจะไม่ได้รังเกียจว่าข้ายังเยาว์วัยอยู่หรอกนะ? รักษาได้หรือได้ไม่ได้ ท่านก็ให้ข้าไปลองรักษาดูก่อนแล้วท่านก็จะรู้เอง ที่บ้านท่านมีคนตั้งมากมาย มากลัวอะไรกับคนอย่างข้าคนเดียว?”
อย่างไรก็ตามตอนนี้อาการขององค์หญิงก็เป็นเช่นนี้แล้ว ถ้าลองให้หญิงสาวเข้าไปลองรักษาดูก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร
พ่อบ้านจึงเป็นคนนำทางพาหญิงสาวไปยังสวนสระวสันตฤดู
เมื่อเข้าไปแล้ว ฉินหรูเหลียงยังคงเฝ้าเกาะติดอยู่ที่เตียงของเฉินเสียนไม่ยอมออกห่างไปไหน อาการบาดเจ็บของเขายังไม่ค่อยจะดี แต่เขาก็ไม่ได้สนใจตัวเองเลยแม้แต่น้อย กระวนกระวายใจกับคนรับใช้ทั้งหมด
เมื่อได้ยินว่ามีหมอมา ฉินหรูเหลียงจึงหันไปมอง เมื่อมองหญิงสาวตั้งแต่ศรีษะจรดเท้าเพื่อพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วลุกขึ้นหลีกทางให้นาง
เขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่า หญิงสาวคนนี้จะมีความสามารถรักษาอาการของเฉินเสียนได้ แต่เขาก็รู้ว่าคนเราไม่ควรจะตัดสินคนแค่จากภายนอก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดหรือถามอะไร
หญิงสาวเข้ามาตรวจดูอาการของเฉินเสียนสักครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกแขนเสื้อของเฉินเสียนขึ้นมา ดึงแขนเสื้อของเธอขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ฝังเข็มเงินลงไปที่บริเวนแขนไม่กี่เข็ม แล้วนางก็นั่งลงยองๆอยู่ด้านข้างเตียงของเฉินเสียน เมื่อเห็นเส้นเลือดสีคล้ำปรากฏขึ้นมาบนแขนสีขาวนวลอย่างชัดเจน ในตอนสุดท้ายนางก็ฝังเข็มไปที่นิ้วกลางของเฉินเสียน แล้วพูดขึ้นว่า “รีบไปนำถาดมารองเร็ว”
เวลานั้นเลือดก็ไหลออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ค่อยๆไหลทีละหยดจากปลายนิ้วกลางของเฉินเสียน
ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เจ้ากำลังทำอะไร? ปล่อยเลือดให้นางรึ?”
หญิงสาวกล่าว “จากอาการขององค์หญิง น่าจะเกิดการติดขัดที่ปอด ทำให้เส้นลมปราณเกิดการอุดตัน การไหลเวียนของเลือดและพลังงานไม่สะดวก ข้าจึงจะทำให้พระองค์มีการไหลเวียนที่ดีก่อน อาจจะทำให้บรรเทาอาการป่วยได้”
เมื่อก่อนที่มีหมอมารักษา ก็พูดถึงเกี่ยวกับอวัยวะภายใน แต่ว่าเมื่อพวกเขาออกยารักษาแล้ว หลังจากกินยาเข้าไปอาการกลับยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิม แต่หญิงสาวคนนี้เป็นคนแรกที่ปล่อยเลือดให้กับเฉินเสียน
ถาดรองที่อยู่ด้านหน้าเตียงเต็มไปด้วยสีแดงคล้ำ
เมื่อหญิงสาวเห็นว่าถึงเวลาพอสมควรแล้ว จึงถอนเข็มเงินออก
แม้ว่าเฉินเสียนจะยังไม่ฟื้น แล้วก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ แต่ตอนที่หญิงสาวจับชีพจรนั้นนางก็พูดขึ้นว่า “ชีพจรนั้นดีขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน มองดูแล้วการรักษาเช่นนี้นั้นเป็นผลที่ดี ”
ทันทีที่เสียงพูดนั้นหายไป เฉินเสียนก็ขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าด้วยความเจ็บปวด ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นมาแล้วหันศรีษะนอนอยู่บนเตียง แล้วอาเจียนออกมาเป็นเลือด
“เฉินเสียน!” ฉินหรูเหลียงประคองเธอที่อยู่ด้านหน้าเอาไว้ แต่เมื่อเธออาเจียนเสร็จก็ล้มตัวลงไปนอนอย่างไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิม
ฉินหรูเหลียงดึงหญิงสาวเข้ามาไว้แน่น พูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า “ถ้านางเกิดเป็นอะไรขึ้นมา วันนี้เจ้าอย่าหวังจะได้ออกไปจากประตูเลย”
หญิงสาวชี้ไปในที่ถาดรองแล้วพูดว่า “เมื่อครู่ที่พระองค์อาเจียนออกมามันไม่ใช่เลือดสด แต่เป็นเลือดคั่งที่เกิดจากพิษ ต้องอาเจียนออกมาอาการถึงจะดีขึ้น”
ฉินหรูเหลียงเมื่อมองดู ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาเลยปล่อยนางลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...