ในห้องเหลือเพียงซูเจ๋อกับเฉินเสียน และบรรยากาศก็ไม่ได้หนาวเหน็บเหมือนในตอนแรก
เฉินเสียนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่หลอมละลายแผ่ซ่านไปสู่แขนขาของเธอ ความสะท้านซาบซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย
"ยังขมอยู่หรือเปล่า?" ซูเจ๋อถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาบาง
เฉินเสียนคล้องคอของเขาด้วยแขนของเธอ ส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาของเธอปนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าที่ขาวซีดในตอนแรก ได้กลายเป็นใบหน้าที่แดงระเรื่อทั่วทั้งหน้า ดูแล้วมีเสน่ห์ชวนหลงใหล เธอตอบกลับไปว่า : "ไม่ขมแล้ว"
รสที่เธอรับรู้ในตอนนี้ มีเพียงความหวานและความอบอุ่นเท่านั้น
ซูเจ๋อจึงพูดขึ้นว่า : "เหรอ ข้าชิมดูหน่อย"
แต่ครั้งนี้เฉินเสียนไร้ซึ่งความกลัวและความวิตกกังวลใดๆ เธอเอนตัวเข้าสู่อ้อมกอดของซูเจ๋อเอง โอบแขนรอบตัวเขาและตอบสนองเขาอย่างลึกซึ้งและเร่าร้อน แม้ว่าจะจูบจนริมฝีปากชาก็ไม่อาจที่จะแยกจากกันได้
จากนั้นเฉินเสียนก็ถูกแช่อยู่ในห้องเนิ่นนานจนทำให้เธอเริ่มหายใจหอบเล็กน้อย รู้สึกสับสนวุ่นวายและฟุ้งซ่านไปหมด
ซูเจ๋อใช้นิ้วมือลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ จากนั้น เขาก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก ที่ดูแล้ววิจิตรตราตรึงใจเป็นที่สุด เขาพูดขึ้นว่า : "สำหรับผู้ป่วยอย่างท่าน ข้าจะไม่ทรมานท่านต่อ อาเสียน ดูแลรักษาตัวเองให้ดี จำไว้ว่าอย่าเบื่ออาหาร นอกจากดื่มยาแล้ว ข้าวก็ยังต้องทานด้วย"
เฉินเสียนพยักหน้าเบาๆ รู้ว่าซูเจ๋อไม่สามารถอยู่กับเธอในห้องจนถึงรุ่งเช้าได้ เขายังคงต้องจากไปอยู่ดี หัวใจของเธอเหมือนค่อยๆ หล่นฮวบลง เธอหลุบตาลงต่ำพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ข้ารู้แล้ว ขอแค่อย่าให้ข้าต้องกินโจ๊กเนื้องูก็พอ"
แววตาของซูเจ๋อเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขากระซิบเสียงเบาว่า : "ดีงูเนื้องูข้าให้ท่านกินเพียงครั้งเดียวก็พอ วันข้างหน้าข้าจะไม่ให้ท่านกินอีก"
เฉินเสียนยิ้มขึ้นเบาบาง
"ข้าต้องไปแล้ว รักษาตัวด้วย"
เฉินเสียนเองก็พยักหน้าเบาๆ
ซูเจ๋อรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้มีอะไรอยากจะพูด จึงขยับผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เธอ หยิบหมวกขุนนางที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมา เหลือทิ้งไว้เพียงเงาแผ่นหลังที่สูงตระหง่านของเขา
เฉินเสียนที่ทำใจไม่ได้ รู้สึกเหมือนความอบอุ่นทั้งหมดกำลังจะสลายจางหายไปพร้อมกับเขายังไงอย่างงั้น
เธอจึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า : "ท่านจะมาอีกหรือเปล่า?"
ซูเจ๋อชะงักฝีเท้าลง ค่อยๆ หมุนตัวกลับมา นัยน์ตาของเขาดุจเปลวไฟที่ลุกโชน เขายิ้มขึ้นที่มุมปากเบาบาง : "ไม่รู้ว่าครั้งหน้านั้นจะเป็นเมื่อไหร่กัน"
สีหน้าแววตาของเฉินเสียนท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกที่ผิดหวัง ตอบกลับไปด้วยนำเสียงที่เบาบางว่า : "ข้ารู้แล้ว"
ซูเจ๋อจึงพูดขึ้นว่า : "ท่านทำใจจากข้าไม่ได้ แต่กลับไม่ยอมพูดอยู่แบบนี้ ข้าจะรู้ได้อย่างไรกัน"
เฉินเสียนอึ้งไปเล็กน้อย เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ท่านรู้ดีอยู่แก่ใจว่าข้าทำใจให้ท่านจากไปไม่ได้อยู่แล้ว"
แววตาของซูเจ๋อลุ่มลึก และเมื่อได้ยินเฉินเสียนพูดคำว่า "ทำใจไม่ได้" ออกมา มันก็ยิ่งลุ่มลึกเข้าไปใหญ่ ราวกับว่าจะดูดเฉินเสียนเข้าไปทั้งตัวยังไงอย่างงั้น
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บางเบาว่า : "ยังมีอะไรที่อยากจะพูดอีก ข้าจะไปจริงๆ แล้ว"
เฉินเสียนจึงถามขึ้นว่า : "ท่านรีบหรือเปล่า หากท่านไม่รีบ ข้าอยากจะกอดท่านอีกสักครั้ง"
ซูเจ๋อหัวเราะเบาๆ แล้วจึงตอบกลับไปว่า : "ไม่ค่อยรีบ"
เขาจึงเดินกลับมาที่ข้างเตียง วางหมวกขุนนางลง แล้วจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปรั้งตัวของเฉินเสียนเข้ามากอดไว้
จากกันครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กอดเขาแบบนี้ คลอเคลียเขาแบบนี้ และได้ยินเสียงของเขาข้างหูแบบนี้อีก
ความคิดถึงคะนึงหาในแต่ละวันมันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน
เธอกลัวว่าการที่ไม่ได้พบเจอนานเกินไป จะทำให้เธอฟุ้งซ่านคิดแต่เรื่องไร้สาระเท่านั้น
เพราะการพบเจอเขาในทุกๆ ครั้ง ทุกๆ อย่างมันช่างมีค่าเสียเหลือเกิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...