ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 410

เฮ่อฟั่งพูดจบ ก็ไม่เห็นว่าซูเจ๋อจะมีปฏิกิริยาอะไร

ซูเจ๋อพิงกำแพงที่หนาวเหน็บ ชุดสีขาวอาบเลือด เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยและเปลือกตาปิดลงเนิบนาบ ไม่รู้ว่าเขาเป็นลมไปตั้งแต่เมื่อไหร่

เฮ่อฟั่งมองหน้าต่างใหญ่เท่าฝ่ามือนั้นด้านนอกได้มืดลงแล้ว จึงลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “ก็ดี ค่ำคืนนี้ให้ท่านได้ปรับตัวกับความยากลำบากในคุกนี้สักหน่อย พรุ่งนี้ค่อยมาไต่สวนท่านอีกครั้ง ไม่แน่ว่าท่านคิดได้ก็คงจะสารภาพออกมา”

เฮ่อฟั่งหันกลับไปมองผลงานการเขียนตัวหนังสือด้วยพู่กันและภาพวาดชิ้นส่วนที่นำมาใช้ประดับ หุ่นกระบอกที่เขาขว้างลงพื้นก่อนหน้าก็ได้ปล่อยมันไป แต่ผลงานการเขียนตัวหนังสือด้วยพู่กันและภาพวาดชิ้นส่วนที่นำมาใช้ประดับเหล่านี้ยังนับว่าสวยละเอียดประณีต กลับกันสิ่งของเหล่านี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับข้อความในคดี ถึงแม้ว่าเขาไม่สนใจของเหล่านี้ แต่เอาไปมอบให้ผู้คน ให้ผู้คนโปรดปราณก็ไม่ได้เป็นภัยอันตรายใด

ครั้นแล้วตอนที่เฮ่อฟั่งออกไป เลยได้นำผลงานการเขียนตัวหนังสือด้วยพู่กันและภาพวาด ชิ้นส่วนที่นำมาใช้ประดับไม่กี่อย่างไปด้วย

ช่วงตกดึกเงียบสงัด ในคุกหนาวเหน็บอย่างมาก สำหรับผู้คุมนักโทษในคุกนั้น มันก็เป็นงานที่ลำบากได้รับผลตอบแทนน้อยเรื่องหนึ่งแหละ

ด้วยเหตุนี้ผู้คุมเลยได้ยกกระถางเผาถ่านมา ในกระถางมีไฟที่ร้อนแรง นำมาใช้ทำให้ร่างกายอบอุ่น และหุ่นกระบอกก่อนหน้านี้ที่ถูกเฮ่อฟั่งขว้างทิ้งลงบนพื้น ได้หยิบมารองกระถางเผาถ่านชั่วคราวด้วย

หลังจากช่วงกลางวันที่เฉินเสียนออกมาจากแม่น้ำหยางชุน เธอก็ได้มุ่งตรงกลับจวนฉินเลย

เธอกลับถึงสวนสระวสันตฤดูแล้วเข้าห้องเลย และไม่ได้ออกมาอีก หน้าเธอไร้อารมณ์นั่งที่โต๊ะหนังสือริมหน้าต่าง ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ มองทัศนียภาพด้านนอกหน้าต่าง และไม่มีการตอบสนองใดเลย

แน่นอนว่าแม่นมซุยกับอวี้เยี่ยนร้อนใจ เข้าห้องมาดูกี่ครั้ง เฉินเสียนล้วนนั่งอยู่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ทั้งสองก็ไม่กล้ารบกวนเฉินเสียนด้วย

เฉินเสียนไม่รู้ว่าเมื่อก่อน ตอนที่ซูเจ๋อพยายามคิดหาวิธีช่วยชีวิตเธอ ใช้สมองหนักแค่ไหนกันนะ และวันนี้ก็ควรที่จะวนมาถึงเธอแล้ว

แน่นอนว่าเธอต้องการช่วยซูเจ๋อ ไม่ว่าวิธีการใดก็ตาม

ในที่สุดรอจนอวี้เยี่ยนกล้าหาญเรียกเธอ เรียกอยู่หลายครั้ง เฉินเสียนถึงได้สติกลับมา พบว่าด้านนอกหน้าต่างฟ้ามืดลงแล้ว

อวี้เยี่ยนกล่าวเตือนสติว่า “องค์หญิง ถึงเวลากินอาหารเย็นแล้วเพคะ”

เธอนั่งอยู่ทั้งบ่ายโดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย

อาหารวางอยู่บนโต๊ะ เฉินเสียนล้วนไม่มีความอยากอาหารเลย อวี้เยี่ยนรีบไปเชิญฉินหรูเหลียงมากินข้าวด้วยกัน ก็ดีที่จะได้เกลี้ยกล่อมองค์หญิงด้วย

แม่นมซุยอยู่ด้านข้าง กล่าวขึ้นว่า “องค์หญิงมากแค่ไหนก็กินสักหน่อยเถิดเพคะ กินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงคิดหาวิธีช่วยใต้เท้านะเพคะ”

เฉินเสียนกล่าวอย่างราบเรียบว่า “เอ้อร์เหนียงวางใจ เวลานี้ข้าไม่มีทางทารุณร่างกายของข้าหรอก”

เธอเพียงแค่รอ รอให้ถึงค่ำคืนนี้อย่างรวดเร็ว

เฉินเสียนไม่สามารถทำให้สมองของตัวเองว่างเปล่าได้ มีท่าทางตึงเครียดและเตรียมป้องกันอยู่ตลอดเวลา เธอเกรงว่าพอตัวเองผ่อนคลายลงแล้ว ก็จะทำให้มีภาพบางอย่างที่เดิมทีเธอไม่สามารถจิตนาการได้ทะลวงเข้ามาในสมอง

เธอควบคุมตัวเองไม่ได้นึกถึงตอนที่ฉินหรูเหลียงเพิ่งจะออกมาจากศาลยุติธรรมต้าหลี่

เฮ่อฟั่งผู้นั้น ต้องไม่กรุณาแล้วใช้ความรุนแรงกับซูเจ๋อแน่

ซูเจ๋ออยู่ในคุก จะเปลี่ยนแปลงกลายเป็นอย่างไรล่ะ?

เฉินเสียนคล้ายดั่งแตกสลาย อีกด้านควบคุมไม่ให้คิดไม่ได้และอีกด้านก็หยุดความคิดตัวเองไม่ได้ด้วย

เมื่อก่อนซูเจ๋อต้องเหมือนกับเธอที่แตกสลายและต่อสู้ดิ้นรนเป็นแน่ เวลานั้นเขาควบคุมตัวเองอย่างไรกันนะ?

เฉินเสียนไม่ทันได้เคลื่อนตะเกียบ ฉินหรูเหลียงก็เดินเข้ามาทันที เพิ่งจะนั่งลงไม่ทันได้เอ่ยพูดสักกี่ประโยคพ่อบ้านก็ถือโอกาสแอบแฝงมาสวนสระวสันตฤดูตอนที่ฟ้ามืดลงได้ไม่นาน กล่าวกับเฉินเสียนว่า “องค์หญิง มีผู้มาส่งจดหมายพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนสีหน้าเปลี่ยน รีบเอื้อมมือไปรับมา เปิดออกดูอย่างรวดเร็ว สีหน้าเยือกเย็นลง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี