มีคนจัดการสั่งให้อวี้เยี่ยนทำภารกิจมักจะดีกว่าการที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสมอ ครั้นแล้วอวี้เยี่ยนก็รีบไปหยิบเตาผิงมา
รอนางกลับมา เห็นฉินหรูเหลียงโอบกอดเฉินเสียนอยู่ ไม่หยุดถูมือสองข้างและเท้าทั้งสองข้างให้กับเฉินเสียนเลย
ฉินหรูเหลียงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เฉินเสียน ท่านเป็นก้อนน้ำแข็งหรือ?ท่านเป็นก้อนน้ำแข็งแหละ แล้วก็ควรที่จะถูกข้าหลอมละลาย ท่านก็ควรที่จะมีสติสักนิดหนึ่ง ให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่ตัวเอง! ”
ราวกับเฉินเสียนมีการตอบสนอง อีกทั้งคล้ายดั่งอยู่ในความฝัน ริมฝีปากที่มีความแห้งอ้าขึ้นราวกับกำลังพูดอะไรอยู่ คิ้วนั้นขมวดขึ้นไม่สงบเป็นอย่างมาก
ฉินหรูเหลียงก้มศีรษะลงไป แนบหูฟังอยู่ครู่ใหญ่ๆ ได้ยินเพียงคำเล็กน้อย ก็ไม่เข้าใจว่ารายละเอียดเฉินเสียนพูดสิ่งใดกัน
ฉินหรูเหลียงจึงมองอวี้เยี่ยนแล้วกล่าวถามว่า“เจียงหนานอะไรหรือ หกเจ็ดวันอะไรกัน? เจ้ารู้หรือไม่ว่านางกำลังพูดสิ่งใด?”
อวี้เยี่ยนจุกในลำคอ กล่าวว่า “บ่าวก็ไม่รู้เจ้าค่ะ บ่าวรู้เพียงว่าเมื่อคืนนี้องค์หญิงเขียนจดหมายส่งออกไปในคืนนั้นเลย คล้ายดั่งมีหนึ่งฉบับส่งไปที่เจียงหนาน แต่องค์หญิงพูดอะไรอีกว่าไม่ทัน เดินทางไปกลับเจียงหนานต้องใช้เวลาหกเจ็ดวัน ทันทีหลังจากนั้นก็เป็นลมไปเจ้าค่ะ.......”
ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปาก ไม่กล่าวอะไร
มือข้างหนึ่งของเขากุมมือทั้งสองข้างของเฉินเสียน ซ่อนไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง ดูดซับเอาความอบอุ่นที่แผงอกของเขา มืออีกข้างลูบผมเฉินเสียน และลูบไหล่ที่พิงอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง แล้วกอดเธอแนบแน่นอย่างอบอุ่น
เขาอยากนำอุณหภูมิของตัวเองมอบให้เฉินเสียน อบอุ่นเธอ
แต่ทว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างกายของหญิงผู้นี้ได้อ่อนยวบลง
ต่อมาร่างกายของเฉินเสียนไม่แข็งทื่ออีกแล้ว และก็ไม่ได้สั่นเทาเลือนรางอีกแล้ว
ปากของเธอไม่ได้ละเมอพูดอีก พิงอยู่ในอ้อมกอดของฉินหรูเหลียงอย่างว่าง่าย และนอนหลับอย่างสงบ
ดวงตาทั้งสองข้างของเธอปิดสนิท ผิวขาวนวล ผมที่อยู่ด้านหลังหล่นอยู่ที่ช่วงแขนฉินหรูเหลียง
คางฉินหรูเหลียงชนที่ผมของเธอ ตอนที่เธออยู่ต่อหน้าเขาน้อยมากที่สงบเช่นนี้
ฉินหรูเหลียงดึงผ้าห่ม ห่อหุ้มบนร่างกายเธออย่างแผ่วเบา ราวกับปลอบเด็กน้อยเข้านอน อ่อนโยนและมีน้ำอดน้ำทนเป็นอย่างมาก
รอแม่นมซุยพาเด็กสาวที่รักษาเฉินเสียนมาอย่างเร่งรีบ มองเห็นฉากนี้ล้วนตลึงตาค้าง
ในใจแม่นมซุยมีความรู้สึกซับซ้อน นางไม่อยากจะรบกวนเฉินเสียน แต่ฉินหรูเหลียงกอดเฉินเสียนเช่นนี้ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าฉินหรูเหลียงจะทำเพื่อสิ่งที่ดีต่อเฉินเสียน
ฉินหรูเหลียงบอกใบ้ว่าพวกนางไม่ต้องพูด หลีกเลี่ยงที่จะเสียงดังรบกวนผู้ที่อยู่ในอ้อมกอด เขาเพียงแค่กวักมือเรียกหญิงผู้นั้น บอกใบ้ให้นางเดินมาด้านหน้าจับชีพจรให้แก่เฉินเสียน
เด็กสาวตรวจอยู่สักพักหนึ่ง ปล่อยมือแล้วลุกขึ้น ออกไปพูดด้านนอกห้อง
อวี้เยี่ยนและแม่นมซุยเดินตามออกมา
เด็กสาวกล่าวว่า “องค์หญิงร่างกายอ่อนแอมาก ทนไม่ไหวกับการเหนื่อยจนเกินไป ตอนนี้นับว่ายังดี พักผ่อนพักหนึ่งก็สามารถตื่นมาแล้ว อนาคตหากเป็นเช่นนี้อยู่ ไม่แน่ใจเลยว่ามันจะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้”
อวี้เยี่ยนและแม่นมซุยล้วนทอดถอนหายใจอย่างโล่งอก
เด็กสาวกล่าวว่า “เป็นอย่างนี้ชั่วคราวเถิด ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายเป็นสภาพเดิมขององค์หญิงไม่แข็งแกร่ง เพื่อหลีกเลี่ยงพิษความเย็นบุกรุกร่างกาย มีคนที่ทำให้พระองค์อบอุ่นก็ดี พวกเจ้าผู้ใดจะไปรับยาต้มกับข้า?”
แม่นมซุยกล่าวว่า “อวี้เยี่ยนเจ้าไปเถิด ข้าจะเฝ้าอยู่ที่นี่”
ให้อวี้เยี่ยนเฝ้า ให้ฉินหรูเหลียงอยู่กับเฉินเสียนเพียงลำพัง แม่นมซุยก็ไม่วางใจ
แม่นมซุยคิดจิตใจฟุ้งซ่าน ทั้งเป็นห่วงความปลอดภัยหรืออันตรายของใต้เท้าตัวเอง อีกทั้งเป็นห่วงสุขภาพขององค์หญิง ตอนนี้เป็นห่วงเรื่องชายอื่นจะถือโอกาสมีช่องว่างเข้ามาด้วย กลัวมากว่าจะฉวยโอกาสตอนที่ใต้เท้าตัวเองไม่อยู่ แล้วทำให้คนแย่งองค์หญิงไปได้
เช่นนั้นใต้เท้ากับองค์หญิง ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความสุขไปชั่วชีวิตแล้วหรือ
แม่นมซุยเฝ้าอยู่ในห้องไม่เปะปะเลยแม้แต่น้อย งั้นก็เลยถือโอกาสให้ฉินหรูเหลียงโอบกอดเฉินเสียนเลย ไม่ได้ทำเรื่องราวที่ออกนอกกรอบอะไร
เฉินเสียนลืมตาช้าๆ ราวกับว่ายังอยู่ในความฝันโดยฉับพลัน ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่แห่งใด
เฉินเสียนพึมพำชื่อซูเจ๋อด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...