ซูเจ๋อกล่าว "หากช่วยไม่ได้ ท่านพูดแล้วว่า ผลที่เลวร้ายที่สุดคือท่านกับข้าไปยังยมโลกด้วยกัน"
บางครั้ง เฉินเสียนมีเป้าหมายอะไรสักอย่าง จำเป็นต้องพยายามสุดความสามารถโดยไม่คำนึกสิ่งอื่น และเขาก็ต้องปล่อยวางอย่างเหมาะสม
อนาคตข้างหน้า คงมีหลายเรื่องราวที่เขาแทรกแซงไม่ได้ หรือเขาทำแทนเธอไม่ได้ ยิ่งไม่มีทางช่วยเธอวางแผน ซึ่งหาไม่แล้ว คงไม่เป็นผลดีต่อเธอแน่
เฉินเสียนหัวเราะเสียงเบา "ปลงขนาดนี้เชียวหรือ?"
หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย ไยเธอจะไม่คิดเหมือนกัน สิ่งที่เธอจะทำต้องทุ่มเทให้ถึงที่สุด ผลร้ายแรงที่สุดก็แค่ร่วมเป็นร่วมตาย ขอเพียงได้อยู่กับซูเจ๋อ ดูเหมือนความเป็นความตายก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย
ซูเจ๋อเอานิ้วมือไปจับใบหน้าเฉินเสียนเบาๆ กล่าวว่า "อยู่กับท่านต้องปลงสักหน่อย ไม่งั้นหากกังวลเกินไปก็อายุสั้น"
คำนี้ฟังแล้วขมฝาดยิ่งนัก มุมปากเฉินเสียนยกขึ้น ก่อนจะค่อยๆโน้มตัวกลับไปนิ่งอยู่ในอ้อมแขนเขาสักพัก จากนั้นก็กล่าวว่า "ซูเจ๋อ เห็นแก่ที่ท่านปลงขนาดนี้ ทั้งยังเชื่อมั่นในตัวข้าขนาดนี้ หากทำไม่สำเร็จ ท่านต้องไปยมโลก เช่นนั้นข้าก็ไม่มีชีวิตต่อเช่นกัน"
"อาเสียนกำลังร่างสัญญาร่วมเป็นร่วมตายอยู่หรือ"
"หา สิ่งปรารถนาสูงสุดของข้าในชั่วชีวิตนี้ก็คือสามารถอยู่กับท่านตราบนานเท่านาน ซึ่งท่านรู้ดี หากภพนี้ไม่อาจสมหวัง ไปยมโลกได้อยู่เคียงข้างกันก็ถือว่าสมปรารถนาแล้ว
แววตาซูเจ๋อลุ่มลึก กลีบปากเผยรอยยิ้มเจือจาง กล่าวว่า "หากเป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าท่านต้องอยู่บนโลกสักพักหนึ่งก่อน รอให้ชุบเลี้ยงซูเซี่ยนจนเติบใหญ่แล้วค่อยไปหาข้า"
เฉินเสียนกล่าว "ข้าพาเขาไปพร้อมกับท่านไม่ได้หรือ?"
"เขาเพิ่งหนึ่งขวบ ไม่เคยเห็นโลกอันศิวิไลซ์ ยังไม่เคยสัมผัสการเกิดแก่เจ็บตาย หากเป็นเช่นนั้น ท่านอุ้มท้องเขาสิบเดือนและคลอดออกมาอย่างยากลำบาก ก็เท่ากับไร้ประโยชน์ ไม่ใช่หรือ?"
เฉินเสียนกอดซูเจ๋อแนบแน่น พึมพำว่า "ซูเจ๋อ ข้าไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้เลย เหมือนท่านกำลังสั่งเสียอย่างไรอย่างนั้น"
"ท่านไม่ชอบฟัง ข้าก็ไม่พูด" ขอเพียงเธอเข้าใจก็พอ
ไม่มีสิ่งใดตายตัว ต้องมีความเสี่ยงเป็นเรื่องธรรมดา หากสุดท้ายเขาไม่อาจเดินเป็นเพื่อนเธอถึงจุดหมายปลายทาง เขาหวังให้เธอมีที่พึ่งพิงและที่ฝากฝัง
เธอยังมีเจ้าน่องน้อย ยังมีลูกชายของพวกเขาเป็นความหวัง
"ซูเจ๋อ ข้าไม่ให้ท่านเกิดเรื่องเด็ดขาด" เฉินเสียนกล่าวด้วยความนิ่งและตั้งมั่น "อีกเรื่องก็คือ ในจดหมายข้าบอกให้แม่ทัพโฮ้วเตรียมตัวให้พร้อม รอให้ผ่านเหมันตฤดู พอถึงวสันตฤดูของปีหน้าเมื่อไหร่ก็ให้เขานำทัพมาตีในเมืองหลวงได้เลย"
ซูเจ๋อกล่าว "งั้นก็ใกล้แล้วนี่"
ปกติเฉินเสียนรู้สึกราตรีในเหมันตฤดูช่างหนาวเหน็บและยาวนานเหลือเกิน ทว่าคืนนี้เวลากลับผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เธออยากให้คืนนี้ยาวนานกว่านี้ เธอจะได้อยู่ข้างกายซูเจ๋อนานขึ้น
ฉินหรูเหลียงเห็นทั้งสองสวมกอดกัน ความรักทำให้พวกเขาทั้งสองรู้สึกอบอุ่นแล้วหรือไม่? เมื่อคิดได้ดังนี้ ฉินหรูเหลียงจึงย้ายเตาถ่านวางไว้ข้างทาง เพื่อให้ความอุ่นแก่ทั้งสองคน
ซูเจ๋อยื่นมือออกจากห้องคุมขังแล้วจับสิ่งของที่รองเตาถ่านไว้เบาๆ
เฉินเสียนมองตามจึงเห็นอะไรบางอย่าง กล่าวอย่างตกตะลึงว่า "สองอันนี้ไม่ใช่หุ่นกระบอกในเรือนท่านหรอกหรือ?"
ซูเจ๋อหัวเราะ กล่าวอย่างขี้เกียจว่า "ท่านเห็นแล้วจะแอบขโมยพวกมันกลับไปหรือไม่?"
เฉินเสียนลุกขึ้นไปยังริมทางเดินแล้วยื่นมือไปยกเตาถ่าน ซูเจ๋อเห็นจึงกล่าวเตือนว่า "อาเสียน อย่าใช้มือ ระวังร้อน"
ฉินหรูเหลียงเดินมาสองก้าวก็ถึง ก่อนจะดึงเฉินเสียนออกมา กล่าวว่า "อันนี้เป็นเตาหลอมโลหะ ท่านอยากเจ็บตัวหรือไง? หลีกไป"
ฉินหรูเหลียงใช้ปลายเสื้อตัวเองหุ้มรอบเตาแล้วก็ยกขึ้นมา ไม่ทันไรเฉินเสียนก็เอาหุ่นกระบอกที่ยังอุ่นและมีรอยไหม้อยู่มาครอบครองสำเร็จ
เฉินเสียนถาม "พวกมันอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"
ซูเจ๋อกล่าว "สมบัติในเรือนของข้าคงเหลือเพียงหุ่นกระบอกคู่นี้แล้ว ข้าฝากพวกมันไว้กับท่านด้วย หุ่นกระบอกนี้แทนความรักระหว่างท่านกับข้า"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...