องครักษ์วังหลวงยืนอยู่ในจวน แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณภายในจวนนั้นเงียบสงบ บนพื้นก็ไม่มีรอยเท้าของคน ทุกอย่างดูปกติดีหมด
แต่หัวหน้าองครักษ์วังหลวงนั้นก้าวเท้ายาวไปด้านหน้า ผลักไปที่พ่อบ้านแล้วพูดว่า “หลีกไป ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ ข้าแม่ทัพก็แค่เดินค้นหาแล้วก็จะไป ไม่รบกวนการพักผ่อนของท่านบัณฑิตหรอก”
แม้ว่าน้ำเสียงจะแข็งแกร่ง แต่ก็มีความเกรงใจแฝงอยู่ การค้นหาบริเวณละแวกแถวนี้นั้นส่วนใหญ่เป็นบ้านพักของขุนนางราชการ องครักษ์วังหลวงนั้นก็ไม่กล้าที่จะแสดงอำนาจอะไรมาก
องครักษ์วังหลวงธรรมดาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปค้นหา มีเพียงหัวหน้าองครักษ์วังหลวงที่นำคนเข้าไปค้นหาด้วยตัวเอง
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง หัวหน้าองครักษ์วังหลวงก็หยุดเดิน แล้วเอ่ยว่า “รบกวนเวลากลางคืน ต้องขอประทานโทษจริงๆ แต่เพราะในราชวังมีนักฆ่าปรากฏตัวอยู่ ข้าได้รับคำบัญชาขององค์จักรพรรดิให้มาตามสืบสวนและจับกุมนักฆ่า เลยต้องเข้ามาบุ่มบ่ามเช่นนี้ ขอใต้เท้าโปรดอภัย ใต้เท้าได้โปรดเปิดประตูให้ด้วย”
ซูเจ๋อยังไม่ตื่น เฉินเสียนที่นั่งอยู่ เส้นผมสีดำถูกปล่อยลงมาถึงหน้าอก เพื่อปกปิดครึ่งหน้าของเธอเอาไว้ โชคดีที่แสงไฟนั้นไม่ได้เคลื่อนมาที่หน้าประตู มีเพียงแสงไฟจากในจวนเท่านั้น และแสงไฟนั้นก็มืดสลัวเป็นอย่างมาก
เธองอขาทั้งสองข้าง แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมไว้ แล้วเหลือพื้นที่ว่างพอไว้ให้ซูเจ๋อได้ซุกเข้าไป ก็จะไม่มีใครมองออกว่าเตียงนี้มีสองคนได้ในชั่วขณะหนึ่ง
เฉินเสียนกลั้นเสียงอยู่ในลำคอ ไอออกมาอย่างอึดอัด อยากจะเอ่ยปากพูดออกมา จู่ๆก็มีเสียงอ่อนแอที่แฝงไปด้วยอาการสะลึมสะลือจากช่องด้านข้างๆดังขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ที่แท้ท่านแม่ทัพก็มาปฏิบัติการตามคำพระบัญชา ประตูไม่ได้ใส่กุญแจ เข้ามาเถิด”
เฉินเสียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คำพูดนั้นคือคำพูดของซูเจ๋อที่นอนอยู่ช่องด้านข้างของเธออย่างไม่น่าสงสัย คือเขาตื่นมาตั้งแต่เมื่อไร?
เมื่อหัวหน้าองครักษ์วังหลวงเปิดประตูเข้ามา ก็เห็นคนนั่งงออยู่บนเตียงคนเดียว เอามือปิดปากไว้แล้วไอไม่หยุด
เมื่อหยุดไอไปช่วงขณะหนึ่ง เฉินเสียนก็แกล้งทำเป็นกระแอม เสียงของซูเจ๋อก็ดังขึ้นมาอย่างพอดี“ข้ากระหม่อมซู เป็นไข้รากสาดน้อยจึงมีอาการไอ ขอท่านแม่ทัพได้โปรดอภัย แม่ทัพเข้ามาค้นหาเถิด มาดูในห้องของข้าว่ามีนักฆ่าหรือไม่ ”
น้ำเสียงของเขานั้นเย็นชาเล็กน้อย ดูคล้ายกับคนที่เพิ่งตื่นนอนมาจากความฝัน
หัวหน้าอยู่ในแสงไฟที่มืดสลัวภายนอก มองดูสภาพการณ์ภายในห้อง แล้วเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างจึงพูดขึ้นอย่างรีบร้อนว่า“แม่ทัพ ท่านอยากจะเข้าไปค้นหาก็เข้าไปด้านในเถิด บ่าวจะปิดประตูให้ใต้เท้า ใต้เท้าเป็นไข้รากสาดน้อยรุนแรง ไม่สามารถโดนอากาศเย็นได้ เพราะว่าถ้าโดนอากาศเย็นจะทำให้อาการหนักขึ้น หวังท่านแม่ทัพจะเข้าใจ”
เฉินเสียนก็ไอขึ้นมาอีกครั้ง ซูเจ๋อพูดอย่างเบาๆว่า “ไม่เป็นไร พ่อบ้านไปนำเสื้อของข้ามาให้ที”
พ่อบ้านรับคำสั่ง เพียงแต่เดินเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวังมากๆ นำเสื้อที่อยู่บนฉากบานพับลงมาแล้ววางไปบนตัวของเฉินเสียนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างพิถีพิถัน
เฉินเสียนไหลไปตามน้ำรวมเสื้อผ้าเข้าไว้ด้วยกัน และเป็นช่วงเวลาที่พ่อบ้านได้กางเสื้อออกไว้ที่เตียงพอดี หัวหน้าองครักษ์วังหลวงก็เดินเข้ามาใกล้ เวลานั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรบนเตียง เมื่อค้นหาดูในห้องอีกรอบก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด ก็เลยหันตัวเดินออกไป แล้วพูดว่า“รบกวนท่านแล้ว ใต้เท้าพักผ่อนต่อเถิด ข้าขอลา ”
ซูเจ๋อพูดกับพ่อบ้านว่า “ไปส่งแม่ทัพแทนข้าที”
พ่อบ้านพยักหน้าตอบรับ จากนั้นพวกเขาก็เดินออกจากห้องไปด้วยกัน แล้วหันกลับมาปิดประตู
เสียงจ้อกแจ้กจอแจและแสงสว่างด้านนอกก็ค่อยๆเคลื่อนออกไปไกล ได้ยินว่าหัวหน้าองครักษ์วังหลวงบอกว่าจะไปค้นหาที่ห้องอื่นๆด้วย ผู้ดูแลจึงเป็นคนนำทางไป
ภายในห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
ภายในห้องนั้นเงียบสงบ มีเพียงแต่เสียงลมหายใจเร็วถี่ของเฉินเสียนดังอยู่เล็กน้อย
เรื่องเมื่อครู่เธอจำเป็นต้องปรับลมหายและสภาพจิตใจ ลักษณะท่าทางของเธอจึงสงบนิ่งลงเป็นปกติ แต่เธอก็รู้ชัดเจนดีว่าถ้าคืนนี้ถูกจับได้ขึ้นมา ไม่เพียงแต่สถานะนักฆ่าของซูเจ๋อจะถูกเปิดเผย แต่การที่เธอและซูเจ๋อนอนอยู่บนเตียงเดียวกันนั้นจะถูกลงโทษร้ายแรงยิ่งกว่าและผลที่ตามอาจจะเป็นหายนะได้
เธอเพียงแค่พยายามไม่ให้ตัวเองแสดงอาการตื่นตระหนกออกมาแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้องครักษ์วังหลวงออกไปแล้ว เฉินเสียนจึงผ่อนคลายลง แต่หัวใจยังเต้นแรงและหายใจหอบถี่อยู่ รู้สึกกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ซูเจ๋อกุมมือเธอเอาไว้อย่างเงียบๆ แล้วพูดว่า“เหงื่อออกมือหมดแล้ว ไม่ต้องกลัวหรอก เขาออกไปแล้ว”
เฉินเสียนหันไปมองหน้าเขา พูดพึมพำว่า“เป็นข้าที่ควรจะพูดปลอบใจเจ้าสิ ทำไมถึงเป็นเจ้าที่มาปลอบใจข้าหล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...