เฉินเสียนรู้ดีว่าเขานั้นเหนื่อยล้ามากแล้ว เธอจึงไม่ชักช้า รีบจัดการบาดแผลของเขาให้เสร็จ เปลี่ยนชุดที่ชุ่มไปด้วยเลือดออก สวมชุดใหม่ที่สะอาด แล้วจึงค่อยๆ ประคองตัวเขาไปที่เตียง
ขณะที่ซูเจ๋อเอนตัวนอนลง เฉินเสียนเองก็ถูกรั้งให้โน้มตัวลงบนร่างกายเขาด้วย
เฉินเสียนจึงใช้แขนยันตัวไว้ เพราะกลัวว่าจะทับโดนบาดแผลของเขา เหลือช่องว่างให้ห่างจากเขามานิดหน่อย เธอจ้องมองเขา หน้าผากและปลายจมูกที่ห่างกันไม่ถึงนิ้ว เธอพูดขึ้นว่า : “ตอนนี้เป็นเด็กดีหลับตาแล้วนอนหลับซะ”
น้ำเสียงของเฉินเสียนราวกับมีเวทมนตร์ ที่สามารถทำให้ซูเจ๋อรู้สึกสบายใจ เธอพูดขึ้นต่อว่า : “ข้าจะคอยเฝ้าท่านไม่ห่างไปไหน”
และเขาเองก็เป็นคนกล่อมง่าย เมื่อได้ยินแล้วก็ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ
เพียงไม่นาน เขาก็หลับไป
อย่าว่าแต่เฝ้าเขาทั้งคืนเลย แม้ว่าจะให้เธอเฝ้าเขาทุกวันทุกคืน เธอก็ยินดีที่จะทำมันอย่างเต็มใจ
เพียงแต่ว่ายังมีเรื่องมากมายที่ต้องไปจัดการ เฉินเสียนจะนั่งว่างแบบนี้ไม่ได้ หากเหล่าทหารตามมาค้นถึงที่นี่ เรื่องราวคงจะบานปลายไปกันใหญ่แน่
เฉินเสียนก้มหน้าลง จูบประทับริมฝีปากพี่ค่อนข้างเย็นของเขาบางเบา แล้วจึงห่มผ้าให้กับเขา จากนั้นจึงค่อยลุกขึ้นไปเปิดประตูและหน้าต่าง
อากาศที่หนาวเย็นข้างนอกพัดโชยเข้ามา เพียงไม่นานก็สามารถถ่ายเทกลิ่นคาวเลือดออกไปจนหมด
ข้างนอกหน้าต่างนั้นคือค่ำคืนที่มืดสนิท เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะที่ตกหนักและปลิวว่อนไปในอากาศดุจขนห่าน
เธอไม่ชักช้ารีรอ รีบเก็บกล่องยา จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดคราบเลือดที่หยดลงบนพื้นจนสะอาดหมดจด แล้วนำน้ำเลือดไปเททิ้งที่แปลงดอกไม้ในลานสวน
เฉินเสียนเก็บชุดที่ชุ่มไปด้วยเลือดของซูเจ๋อขึ้นมา จากนั้นก็นำเศษผ้าที่เธอเก็บไว้ในแขนเสื้อออกมาเปรียบเทียบ อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ขาดไปส่วนหนึ่งจริงๆ ด้วย เศษผ้าวางลงบนรอยที่ขาดได้อย่างพอดิบพอดี
เธอรู้สึกทั้งดีใจและโล่งใจ โชคดีที่ฉินหรูเหลียงเก็บเศษผ้าผืนนี้ได้ และโชคดีที่เธอสามารถยืนยันได้ว่าเป็นของซูเจ๋อ เธอจึงมาได้ทันเวลา พอที่จะช่วยและแบ่งเบาเขาได้บ้าง
เฉินเสียนนำเศษผ้ายัดลงไปในเสื้อที่เปื้อนเลือด จากนั้นก็นำเสื้อที่เปื้อนเลือดของซูเจ๋อออกจากห้องไป
ยังไม่ทันที่จะออกจากลานสวน พ่อบ้านก็รีบเข้ามาหาทันที
เฉินเสียนยื่นเสื้อที่เปื้อนเลือดให้กับพ่อบ้าน พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เอาไปจัดการซะ อย่าให้หลงเหลือแม้แต่นิดเดียว”
พ่อบ้านจึงพูดขึ้นว่า : “องค์หญิงวางใจได้ ข้าน้อยจะนำไปจัดการให้เรียบร้อย ข้าน้อยเองได้ก่อไฟไว้แล้ว เปลวไฟกำลังลุกโชนเลยขอรับ”
จากนั้น พ่อบ้านก็หอบเสื้อเตรียมจะเดินออกไป แต่แล้วจู่ๆ ก็มีบ่าวรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก เขาพูดขึ้นเสียงเบาว่า : “แย่แล้ว ข้าน้อยเห็นทหารเข้ามาตรวจค้นในตรอกใกล้ๆ แล้วขอรับ หากพวกทหารตรวจค้นทีละหลังทุกครัวเรือนแล้วล่ะก็ อีกไม่นานก็จะตรวจค้นจนมาถึงที่นี่ขอรับ!”
ก่อนหน้านี้มีบ่าวรับใช้สองคนที่ถือโคมไฟออกไปตามหารอยคราบเลือด และยังไม่วางใจกลับเรือน ทั้งคู่ยังเฝ้าอยู่ที่ประตูหลังเรือนไม่ห่าง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเหล่าทหารจะมาถึงที่นี่จริงๆ
เฉินเสียนหรี่ตาลงอย่างสุขุม ดูแล้วเหล่าทหารรักษาพระองค์คงจะไม่ยอมปล่อยผ่านหากยังจับตัวนักฆ่าไม่ได้ พวกเขาค้นหาทุกครัวเรือนไม่เว้นแม้แต่หลังเดียว ผู้อาศัยที่นี่ส่วนใหญ่เป็นบุคคลสำคัญของเมืองหลวงที่ฐานะบรรดาศักดิ์ค่อนข้างสูง พวกเขาก็ยังไม่ละเว้น
คงจะต้องให้เขาตรวจค้นเท่านั้น หากค่ำคืนนี้พวกเขามาตรวจค้นที่นี่ เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ พวกเขาก็จะไม่สงสัยซูเจ๋อ
พ่อบ้านเองก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา จึงรีบพูดขึ้นว่า : “เราควรจะทำเช่นไรดีขอรับ?”
เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “เสื้อเปื้อนเลือดนี้คงจะเผาไม่ทันแล้ว เจ้ารีบนำไปฝังตรงที่มีกองหิมะหนาๆ หลังลานสวน แล้วค่อยเอาไปจัดการทีหลัง”
จากนั้นเธอก็หันไปออกคำสั่งกับบ่าวรับใช้คนนั้นว่า : “รีบไปแจ้งกับทุกคนว่าอย่าออกไปเฝ้าอยู่นอกเรือน ให้รีบกลับเข้าเรือนไปนอน หากว่ามีคนมาเคาะประตู ก็ค่อยลุกไปเปิด อย่าตื่นตระหนก ใจเย็นและระมัดระวังก็พอ หารอยคราบเลือดในตรอกใกล้กับประตูหลังเรือนเจอหรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...