ปกติแล้วเสี่ยวเฮอมักไม่ค่อยได้ไปโรงเรียนไท่ นับประสาอะไรกับการได้เจอหน้าบัณฑิตซูเจ๋อ แต่ตอนนี้เป็นเพราะเจ้าน่องน้อย นางจึงมีโอกาสได้มาเจอเขาที่โรงเรียนไท่ทุก ๆ วัน
ก่อนที่จะเลิกเรียน เสี่ยวเฮอจะไปถึงโรงเรียนไท่ก่อนเวลา และบ่อยครั้งก็จะได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลารูปงามของซูเจ๋อ ที่กำลังแนะนำสั่งสอนเจ้าน่องน้อย
เมื่อจับทั้งสองคนมาอยู่ด้วยกัน วันแล้ววันเล่า ก็ทำให้เสี่ยวเฮอเข้าใจอะไรได้มากขึ้น
วันนี้นางก็ทำเหมือนปกติไปรับเจ้าน่องน้อยกลับมา และพาเจ้าน่องน้อยกลับมาถึงพระตำหนักไท่เหอและส่งให้ถึงมือของเฉินเสียนอย่างปลอดภัย นางกล่าวว่า "วันนี้ที่บ่าวไปถึงยังไม่เลิกเรียน เลยได้เห็นบัณฑิตกำลังสอนเจ้าน่องน้อยอ่านหนังสืออยู่ องค์หญิงลองทายดูสิเพคะว่าบ่าวได้สังเกตเห็นอะไร?"
แม่นมซุยหยิบผ้าขนหนูอุ่น ๆ เดินเข้ามา และเฉินเสียนก็กำลังก้มตัวลงตรงหน้าของเจ้าน่องน้อย เช็ดลูบใบหน้าของเขาอย่างทะนุถนอมละเอียดอ่อน ฟังที่เสี่ยวเฮอพูดมาแบบนี้ จึงถามออกไป "สังเกตเห็นอะไรล่ะ?"
หลังจากที่อยู่ด้วยกันมานาน เสี่ยวเฮอรู้ว่าองค์หญิงอย่างเฉินเสียนไม่ได้มีความเย่อหยิ่ง การพูดคุยก็เหมือนกับอวี้เยี่ยนคุยได้ตามสบายและร่าเริง
เสี่ยวเฮอหัวเราะชอบใจและพูดติดตลกว่า "บ่าวสังเกตเห็นว่าบัณฑิตและเจ้าน่องน้อยช่างเหมือนกันมาก"
เฉินเสียนที่กำลังจับใบหน้าของเจ้าน่องน้อย การเคลื่อนไหวของมือที่กำลังเช็ดหน้าค่อย ๆ ช้าลงจนหยุดชะงักลงในที่สุด คำพูดของเสี่ยวเฮอทำให้นางมองไปยังใบหน้าเล็ก ๆ ข้างหน้าของนางด้วยความมึนงง และนางรู้สึกถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในหัวใจของเธอ
นางจำได้เมื่อตอนที่เจ้าน่องน้อยอายุได้เพียงหกเดือน หู ตา คอ จมูก ปากเล็ก ๆ นั้นเหมือนนางอย่างชัดเจน แต่ตอนนี้หนึ่งขวบแล้ว เติบโตขึ้นนิดหน่อย และค่อยๆ ดูไม่เหมือนนางเลย
มือของเฉินเสียนลูบไล้ไปที่ดวงตาของเจ้าน่องน้อยโดยไม่รู้ตัว เจ้าน่องน้อยหรี่ตามอง และปล่อยให้นางลูบ
และเพราะการหรี่ตาของเขา ปลายหางตาเรียวขึ้นเล็กน้อย ทำให้ดูราวกับกำลังเกียจคร้าน แล้วนี่เหมือนใครกัน?
ทันทีที่เสี่ยวเฮอพูดออกไป เฉินเสียนก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง และสีหน้าของแม่นมซุยก็เปลี่ยนไป
แม่นมซุยกำลังจะห้ามปรามไม่ให้นางพูดต่อ เฉินเสียนก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก แต่เป็นยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา และกล่าวว่า "เสี่ยวเฮอ เจ้าดูผิดไปหรือเปล่า? ตรงไหนกันที่บอกว่าเหมือน?"
เสี่ยวเฮอยังคงสัมผัสไม่ได้ถึงสิ่งผิดปกติและไม่ได้สังเกตอะไรเลย กล่าวว่า "บ่าวสังเกตมาหลายวันแล้ว ทุกครั้งที่บัณฑิตและเจ้าน่องน้อยอยู่ด้วยกัน เหมือนกันมาก ๆ บัณฑิตสอนอย่างตั้งใจ และเจ้าน่องน้อยก็ตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ ขนาดการแสดงสีหน้าก็ยังเหมือนกัน"
ฟังจากที่เสี่ยวเฮอพูด รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเสียนก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
แม่นมซุยรีบพูดตัดบท "พอแล้วเสี่ยวเฮอ ไม่ต้องพูดแล้ว"
เสี่ยวเฮอกำลังหมกมุ่นอยู่กับการค้นพบของนาง โดยไม่ได้ยินคำเตือนของแม่นมซุย และยังกล่าวว่า "บ่าวพูดจริง ๆ นะเพคะ ดูเหมือนว่าท่านชายน้อยจะมีพรสวรรค์ทางด้านการเรียน ลักษณะนิสัยแบบนี้คล้ายกับอาจารย์ที่เก่งที่สุดในโรงเรียนไท่ ไม่แน่ในอนาคต อาจจะได้เป็นเหมือนบัณฑิตก็ได้..."
เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นทันทีและจ้องไปที่เสี่ยวเฮอ
เสี่ยวเฮอไม่เข้าใจแววตาที่แสดงออกมา แต่กลับทำให้นางรู้สึกเหน็บหนาวไปถึงกระดูก และคำพูดในปากของนางก็หยุดลงกะทันหัน
แม่นมซุยทำสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวว่า "เสี่ยวเฮอ หยุดพูดมั่วไร้สาระได้แล้ว! เจ้าไม่รู้จักหรือยังไงปลาหมอตายเพราะปาก!"
เสี่ยวเฮอเป็นเพียงคนนอกที่เข้ามาดูแลรับใช้เฉินเสียนในภายหลัง และไม่เคยรับรู้เรื่องราวของเฉินเสียนในอดีต นางเพียงแค่พูดออกมาในสิ่งที่นางสังเกตเห็น
โชคดีที่เสี่ยวเฮอพูดถึงความเหมือนกันในเรื่องอารมณ์และพรสวรรค์ระหว่างซูเจ๋อและเจ้าน่องน้อย และไม่ได้คิดไปถึงเรื่องอื่น ๆ มิเช่นนั้นคงไม่พูดออกมาทั้งหมดอย่างไม่คิดอะไร
แม่นมซุยที่ดุว่านาง และสายตาของเฉินเสียนที่ทายไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไร ทำให้เสี่ยวเฮอตกใจกลัว จากนั้นก็คุกเข่าลงด้วยความสั่นสะท้าน และกล่าวว่า "องค์หญิงได้โปรดยกโทษให้บ่าวด้วย บ่าวพูดผิดไป บ่าวพูดจาเหลวไหล!"
ตอนหลังเสี่ยวเฮอเพิ่งจะนึกได้ว่า คำพูดเหล่านั้นจริง ๆ แล้วไม่ควรพูดต่อหน้าให้องค์หญิงได้รับรู้ ท่านชายน้อยเป็นลูกชายของท่านแม่ทัพในอดีต ตอนนางกลับบอกว่าเขาหน้าตาเหมือนบัณฑิตที่โรงเรียนไท่ นี่ไม่ใช่การทรยศหักหลังใช่ไหม!
"บ่าว บ่าวหมายความว่า ท่านชายน้อยมีพรสวรรค์ด้านการเรียน..."
อวี้เยี่ยนออกไปเตรียมน้ำชา ในห้องมีเพียงแค่เฉินเสียน แม่นมซุยและเสี่ยวเฮอ ไม่มีคนนอกคนอื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...