ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 472

แสงเปลวไฟในตะเกียงนั้นสั่นไหวไปมา จนในที่สุดก็ดับลง จากเดิมที่ถนนเส้นนี้นั้นมืดอยู่แล้วก็กลับยิ่งมืดเข้าไปอีก

แม่นมซุยนั้นรู้สึกได้ไวกว่าเฉินเสียน ตอนรอให้นางพูดออกมา เฉินเสียนก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามีฝีเท้าก้าวเข้ามาด้านหลังอย่างนุ่มนวล

ทุกฝีก้าวที่ก้าวเดินราวกับเหยียบอยู่บนหัวใจของเธอ

สายลมที่พัดตะเกียงนั้นดูเหมือนว่าจะมาจากการพัดแขนเสื้อของเขา ผสมกับกลิ่นหอมนุ่มนวลของไม้กฤษณา

เฉินเสียนมองเห็นเรือนร่างเขาไม่ชัด แต่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน ร่างกายที่แข็งเกรงของแม่นมซุยก็ค่อยๆผ่อนคลายลง

เฉินเสียนพูดเสียงแหบขึ้นว่ามา “เอ้อร์เหนียง ใช่เขาหรือไม่?”เหมือนเป็นการถามแม่นมซุย แต่กลับเป็นเหมือนการถามตัวเองมากกว่า

แม่นมซุยไม่ได้ตอบกลับ

ชั่วเวลาขณะนั้น เสียงที่อบอุ่นของในใจก็กลับดังขึ้นที่ข้างหูของเฉินเสียน“เอ้อร์เหนียง เจ้ากลับพระตำหนักไท่เหอไปก่อน”

ใจของเฉินเสียนสั่นไหว เพียงแค่มืออบอุ่นยื่นเข้ามากุมมือของเธออย่างเงียบๆ ปลายนิ้วค่อยๆหมุนไปรอบๆแล้วจึงมาพัวพันกำนิ้วของเธอไว้อย่างแน่น

เป็นเขาจริงๆ

เดิมทีค่ำคืนนี้ เฉินเสียนไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เข้าใกล้ ได้ฟังเขาพูดแล้ว เพราะเมื่อครู่ตอนที่เธอเดินออกมาแล้วหันกลับไปมอง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เธอจึงละทิ้งความพยายามไปแล้ว

แต่คิดไม่ถึงว่าในพริบตาเดียวเขาจะมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายเธอ

เวลานั้นการเต้นของหัวใจเธอก็ไหลรินมาอยู่บริเวณที่นิ้วมือ สัมผัสได้ถึงชีพจที่เต้นอย่างรุนแรง

แม่นมซุยตอบรับ แล้วหันหลังเดินกลับไป

เฉินเสียนพยายามจะดิ้นให้หลุด ซูเจ๋อก็กลับกุมมือให้แน่นไปอีก

เธอเป็นกังวล ใบหน้าและหูก็ร้อนราวกับถูกไฟไหม้อย่างนั้น เธอพูดขึ้นว่า “ท่านมาเช่นนี้ ถ้าถูกคนอื่นเห็นจะทำอย่างไร ท่านไม่ควรมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่”

ซูเจ๋อพูด “ถ้ากลัวคนอื่นเห็น ข้ากับท่านก็เดินให้ไวเท่านั้น”

ซูเจ๋อจูงมือเฉินเสียนเดินตรงเข้าไปในที่มืด เขาพาเธอเดินตรงผ่านไปตามแนวต้นอู๋ถง

เส้นทางนั้นเมื่อยิ่งเดินเข้าไปก็ยิ่งเปลี่ยว แสงไฟและเสียงรบกวนต่างๆก็ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง

ด้านหน้าคือโรงเรียนไท่ ช่วงเวลานี้ภายในโรงเรียนไท่นั้นมืดสนิท ตะเกียงของแต่ละคนก็ไม่มี

เวลาต่อมาบนถนนนั้นก็พบกับองครักษ์ที่กำลังเดินลาดตระเวนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมาจากฝั่งตรงข้าม ซูเจ๋อโอบกอดเอวของเฉินเสียนและดึงเธอเข้ามาด้านข้าง ทั้งสองหลบซ่อนอยู่ด้านหลังต้นอู๋ถงต้นใหญ่

เธอคิดว่าการหลบซ่อนเช่นนี้มันบ้าบิ่นกว่าการพบกันแบบซึ่งหน้าเสียอีก แต่ในเมื่อระหว่างทั้งสองมีคนใดคนหนึ่งก้าวเท้าออกไป อีกคนก็ไม่ลังเลที่จะก้าวเท้าตามออกไป

การได้เห็นหน้าเขา ได้เข้าใกล้เขา จะบ้าบิ่นแค่ไหนก็คุ้มค่า

หลังจากที่องครักษ์เดินลาดตระเวนผ่านไป ซูเจ๋อก็พาเฉินเสียนก้าวเดินเร็วขึ้น เมื่อเดินมาถึงที่ด้านหน้าโรงเรียนไท่ ผลักประตูแล้วเข้าไปอย่างราบรื่น

เมื่อเข้าไปในสำนักแล้ว จึงปิดประตู ภายในนั้นมืดสนิท เฉินเสียนถึงจะค่อยๆผ่อนลมหายใจที่ถูกเก็บกดไว้ออกมา

ด้านหลังของเฉินเสียนแนบชิดติดกับประตู กลิ่นอายของไม้กฤษณาอบอวนที่ด้านหน้า ซูเจ๋อค่อยๆโน้มตัวลงมาแล้วเว้นช่องว่างไว้ให้เธอ

หัวใจที่เต้นแรงไปทั่วทั้งร่างกายของเธอนั้นมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าขาทั้งสองข้างนั้นกำลังเหยียบอยู่บนนุ่น ที่ค่อนข้างนุ่มนวลราวกับฝันไป ลมหายใจที่ผันผวนไม่สามารถที่จะสงบลงได้อยู่เป็นเวลานาน

ถึงแม้ว่าเฉินเสียนจะสงบจิตใจมากแค่ไหน แต่เมื่อตรงหน้าของซูเจ๋อนั้น เธอไม่มีทางที่จะสงบจิตใจได้เลย

นานแค่ไหนที่ใจรอคอย นานแค่ไหนที่คิดถึง

“กังวลมากเลยรึ?”ซูเจ๋อขยับเข้ามาใกล้ ถามด้วยน้ำเสียงที่เบา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี