เฉินเสียนหอบหายใจและเอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า “คนสารเลว เพราะท่านข้าจึงต้องจับพลัดจับผลูมาเป็นแม่คน แค่ตัวเองข้าก็ยังเอาตัวแทบไม่รอด ยังต้องมาวุ่นวายกับเด็กอีก ข้ายังไม่เคยผ่านผู้ชาย ยังไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอิสระก็ดันมามีลูกชายเสียก่อน... สองปีมานี้ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อของลูก...”
เธอจ้องมองซูเจ๋อทั้งน้ำตา “ตอนที่ข้าคิดไปวุ่นวายว่าพ่อของลูกคือใคร ข้าคิดถึงความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน แต่ข้าไม่กล้าคิดว่าเป็นท่าน แม้แต่ตอนที่ท่านช่วยข้าวิเคราะห์ว่าเหลียนชิงโจวใช่พ่อของลูกข้าหรือไม่ ตอนนั้นท่านรู้แก่ใจอยู่แล้ว แต่ท่านก็ยังโกหกและปิดบังข้า ในเวลานั้นท่านคงจะนึกหัวเราะเยาะข้าอยู่ละซี...”
ซูเจ๋อตอบว่า “ข้าไม่เคยหัวเราะเยาะท่าน ตรงกันข้าม ข้ากลับรู้สึกร้อนใจมากและคิดอยากจะบอกท่านทุกอย่าง ทว่าข้ายังบอกท่านไม่ได้”
เขาพูดที่ข้างหูของเธอว่า “แล้วใครบอกว่าท่านไม่เคยผ่านผู้ชายมาก่อน ข้าไม่ใช่ผู้ชายหรอกหรือ”
คำพูดของซูเจ๋อทำให้เฉินเสียนสั่นสะท้านเบาๆ
ซูเจ๋อเอียงศีรษะเล็กน้อย พรมจูบไปทั่วใบหน้าของเธอและเลื่อนมาคลอเคลียที่ริมฝีปาก จากนั้นจึงขยับไปที่ใบหูและลำคอของเธออย่างอ้อยอิ่ง
เมื่อมือของซูเจ๋อไล่ลามเข้าไปในชุดนอนของเธอ เธอจึงได้สติขึ้นมาอย่างฉับพลันและสูดลมหายใจรับอากาศเย็นๆ เข้าปอด
เฉินเสียนยังไม่ทันจะตอบโต้ก็ถูกซูเจ๋อจับเอวเอาไว้ เมื่อเธอเผยอปาก ซูเจ๋อก็ก้มลงมาปิดกั้นริมฝีปากของเธอ กดเธอไว้บนเตียงและจูบเธออย่างดื่มด่ำ
ลมและหิมะด้านนอกยังคงพัดกรรโชก และเธอเองก็รู้สึกสั่นสะท้าน
ชุดนอนหลุดเลื่อนลงมาจากบ่าจนทำให้ไหล่ที่เปลือยเปล่ารู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างฉับพลัน ซูเจ๋อดึงอาภรณ์ของเธออย่างเบามือ และนิ้วเรียวยาวของเขาก็จับเธอไว้อย่างเต็มไม้เต็มมือ
เฉินเสียนยืดคอหนี แค่จะส่งเสียงออกมาสักเล็กน้อยก็ยังไม่มีโอกาส ทุกเสียงครางที่อยากจะเปล่งออกมาต่างถูกเขาสกัดกั้นไว้ที่ลำคอ
“อย่า... ไม่ได้นะ...”
เฉินเสียนไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ เธอก็รู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เธอไม่รู้ว่ากางเกงซับในถูกดึงลงไปตั้งแต่ตอนไหน เมื่อซูเจ๋อประชิดเข้ามา ความรู้สึกที่ร้อนผ่าวก็เคี่ยวกรำจนเธอกลายเป็นสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ
เฉินเสียนผลักหน้าอกของซูเจ๋อออก ภายในแววตาเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงและสับสน เธอเอ่ยด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า “อย่า... ตอนนั้นไม่ใช่ข้า นั่นไม่ใช่ข้า ข้าไม่ใช่เฉินเสียนผู้นั้น... คนที่ท่านสัมผัสวันนั้น นางไม่ใช่ข้า...”
หัวใจของเฉินเสียนเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
เธอไม่กล้าคาดหวังว่าซูเจ๋อจะเป็นพ่อของเจ้าน่องน้อย ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับมัน
เพราะลึกๆ แล้วเธอรู้อยู่แก่ใจ และเธอก็ยอมรับไม่ได้ว่าคนที่ซูเจ๋อสัมผัสในวันนั้นคือเฉินเสียนอีกคน ไม่ใช่เธอ
“ข้าไม่เคยเพรียกหาชื่อของฉินหรูเหลียง และข้าก็ไม่เคยชอบเขา... แต่ท่านก็ยังมีอะไรกับนาง...” เฉินเสียนไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร เธอเอ่ยอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“ข้ารู้ว่าข้าไม่ควรสนใจอดีตของท่าน แต่ข้า... ข้ายอมรับไม่ได้จริงๆ... ซูเจ๋อ อย่าทำอย่างนี้ ปล่อยให้ข้าสงบสติอารมณ์...”
ยังพูดไม่ทันจบซูเจ๋อก็ใช้แขนรั้งเอวของเธอขึ้นมา เปิดร่างกายที่ชุ่มฉ่ำของเธอออกและขยับเข้าไปใกล้
เขาประชิดเข้ามาที่ปราการของเธอและบุกเข้ามาที่ประตู
เฉินเสียนไม่มีเวลาคิดอะไร ขณะที่ดันไหล่ของซูเจ๋อออกไป เธอก็กัดฟันและถอยออกมา จากนั้นเขาก็ขยับมาข้างหน้าพร้อมๆ กับที่เธอถอยหนีไปข้างหลัง
จนกระทั่งเฉินเสียนขยับไปจนถึงหัวเตียงและถอยต่อไปอีกไม่ได้
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของซูเจ๋อสั่นคลอนหัวใจของเธอ “ท่านจะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร”
เฉินเสียนจ้องมองเขา ท่าทีของเขาเด็ดเดี่ยว แววตาคู่นั้นแข็งกร้าวราวกับได้ครอบครองท้องฟ้าและทะลวงเข้าไปในมหาสมุทรกว้าง และเรือนร่างที่ประชิดเข้ามาก็ค่อยๆ จู่โจมเข้ามาที่สี่ห้องหัวใจของเธอ
เตียงไม้เรียบๆ สั่นไหว
จนหุ่นกระบอกสองตัวที่อยู่บนหัวเตียงโคลงเคลงตามเล็กน้อย
ซูเจ๋อกักเอวของเธอไว้ ไม่มีที่ว่างให้เธอถอยหนี ทีละนิ้วๆ ค่อยๆ จมลึกเข้าไปในร่างกายของเธอ พร้อมกันนั้นเขาก็เอ่ยคำพูดที่เหมือนประหนึ่งเหล็กร้อน
“ข้าไม่สนว่าท่านจะเป็นเฉินเสียนคนนี้ หรือเฉินเสียนคนนั้น ข้ารู้เพียงว่า นอกจากท่าน ข้าจะไม่แตะต้องใครอีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...