ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 504

คันชั่งสีทองประดับพู่ไหมสีแดงถูกยื่นออกมา เกี่ยวผ้าคลุมหน้าของเธอแล้วเปิดขึ้นช้าๆ

เทียนแดงค่อยๆ เผาไหม้และหลอมละลาย น้ำตาเทียนสัมผัสโดนไส้เทียน จึงก่อให้เกิดเป็นเสียงเผาไหม้ของเปลวเทียนขึ้นมา พลอยทำให้แสงเปลวเทียนสั่นไหวริบหรี่ไปด้วย

แต่เมื่อคันชั่งเกี่ยวโดนชายผ้าคลุมหน้าแล้ว จู่ๆ เฉินเสียนก็ยื่นมือออกมา มือที่ขาวเรียวยาวและบอกบางภายใต้แขนเสื้อที่หลวมใหญ่ ดูมีพลัง ที่เวลามองแล้วมิอาจจะถอดถอนสายตาได้ เธอคว้าด้ามคันชั่งอย่างรวดเร็ว

เฉินเสียนที่ยังคงหลุบตาต่ำ เธอพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า : “ที่ข้ายังไม่ปลดผ้าคลุมหน้าออก ไม่ใช่เพราะข้ากำลังรอเจ้ามาเปิดผ้าคลุม แต่เป็นเพราะว่าข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าต่างหาก”

อีกฝ่ายเงียบไม่ตอบอะไร ทั้งคู่ต่างพากันนิ่งเงียบไม่ไหวติง

เฉินเสียนพูดขึ้นว่า : “เฮ่อโยว เมื่อครู่ที่โถงสักการะ การกราบไหว้ฟ้าดินของพิธีแต่งงานยังไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นเจ้าและข้าไม่ถือว่าเป็นสามีภรรยาต่อกัน หากเจ้าไม่อยากจะโดนข้าจัดการเหมือนรอบก่อน ก็รีบออกไปเสียตอนนี้”

เมื่อก่อนเฉินเสียนเคยนึกว่าวันหนึ่ง เธอจะสวมชุดมงคลสมรส และคนที่จะเคียงข้างเธอเดินเข้าโถงพิธีแต่งงาน คนที่จะจับมือเธอตลอดไปนับร้อยปีนั้น จะเป็นคนคนเดียวกับคนที่อยู่ในหัวใจของเธอ

น่าเสียดายที่ไม่ใช่

งั้นชุดแต่งงานนี้ เธอสวมใส่เพื่อใครกัน และผ้าแดงที่คลุมหน้านี้ เก็บไว้ให้ใครผู้ใดกัน

เธอกำปลายคันชั่งแน่น ในขณะที่เธอกำลังจะออกแรง ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ : “ถึงแม้ทุกอย่างจะไม่ได้เป็นดังใจหวัง แต่ก็ยังดี ที่พาท่านออกมาจากพระราชวังได้”

มือของเฉินเสียนชะงักไปในทันที

อาการชะงักของเธอเมื่อครู่นี้ ถูกส่งไปยังฝ่ายตรงข้ามผ่านด้ามจับคันชั่ง

เธอเบิกตากว้าง ค่อยๆ ช้อนตาขึ้น สายตาของเธอจับจ้องไปยังรองเท้าหนังสีดำสนิทที่โผล่พ้นจากชายชุดของเขา

นี่ไม่ใช่ชุดมงคลสมรสสีแดงที่เฮ่อโยวสวมใส่ แต่เป็นชุดสีดำสนิท ตัดกับสีที่ใช้ตกแต่งในห้องหออย่างสิ้นเชิง ดูโดดเด่นและสะดุดตา

คันชั่งสมดังปรารถนา ใช้โอกาสขณะที่มือเฉินเสียนผ่อนแรงลง ก็เกี่ยวเข้ากับปลายของชายผ้าคลุมหน้า ค่อยๆ เปิดขึ้นช้าๆ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า : “ท่านกับเฮ่อโยว ไม่ได้ทำพิธีสมรสจนเสร็จสมบูรณ์ แน่นอนว่าไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน”

เธอมองตามด้ามจับของคันชั่ง เห็นมือที่ถือคันชั่งอยู่ มือที่ทั้งขาวและสะอาดสะอ้าน

ห้วงเวลาที่เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นมามองนั้น จังหวะการเต้นของหัวใจเธอยังสงบปกติดี แต่ครั้นเมื่อได้มองเห็นใบหน้าเขาอย่างชัดเจน หัวใจก็เต้นโครมครามดุจคลื่นและพายุที่พัดโหมกระหน่ำขึ้นมาทันใด

คนที่ปรากฏตัวขึ้นในห้องหอเวลานี้ ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ ไม่ใช่เฮ่อโยว แต่เป็นซูเจ๋อ

ผมที่ยาวและดำสนิทของเขา แสงเปลวเทียนที่กระทบลงบนเค้าโครงของเขา ตัดเป็นเงาคมกริบขึ้นมา แสงสว่างสั่นไหวกระทบลงใบหน้าหน้าของเขา ที่มีทั้งชัดเจนและหมองมัว

เขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

จากสีหน้าที่ซีดและอ่อนล้าเล็กน้อยของเขา เมื่อมองเห็นใบหน้าของเธอแล้ว ก็ผ่อนคลายและปล่อยวางลง

เฉินเสียนจ้องมองเขาอยู่เนิ่นนาน ดวงตาแดงก่ำ ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่แม้แต่กะพริบตา เพราะกลัวว่าแค่กะพริบตาเบาๆ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นจะหายตัวไป

แม่นมที่อยู่ด้านนอก ยกซุปสร่างเมามา เห็นว่าที่ทางเดินนั้นไม่มีใคร เมื่อมองเข้าไปยังห้องหอ ก็เห็นเงาของผู้ชายคนหนึ่ง จึงคิดว่าเป็นเจ้าบ่าวเฮ่อโยว

แม่นมจึงจะเปิดประตูเข้าไป แต่ปรากฏว่าบานประตูนั้นถูกลงกลอนอยู่ นางจึงพูดขึ้นว่า : “ท่านราชบุตรเขย ซุปสร่างเมาที่ท่านสั่งไว้ ข้าน้อยยกมาแล้วเจ้าค่ะ”

ซูเจ๋อมองเฉินเสียนด้วยสายตาที่ลุ่มลึก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : “ตอนนี้ข้าไม่ต้องการซุปสร่างเมาแล้ว เจ้าถอยไปเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี