สรุปเนื้อหา บทที่ 51 หน้าเนื้อใจเสือ – ข้าคือหงส์พันปี โดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว
บท บทที่ 51 หน้าเนื้อใจเสือ ของ ข้าคือหงส์พันปี ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เซียงซั่นจ้องนางตาเขม็ง จากนั้นก็กลับเข้าห้องของตัวเองไป
อวิ๋นเอ๋อร์ ฝากไว้ก่อนเถอะ!
วันรุ่งขึ้น เซียงซั่นก็ตรงไปยังโรงม้า
ลานโรงม้าอยู่ค่อนข้างไกล ต้องใช้เวลาในการเดินพอสมควร บ่าวในโรงม้าเป็นบ่าวชนชั้นต่ำสุด ปกติไหนเลยจะได้เห็นเซียงซั่นบ่าวที่งามดุจบุปผาในหุบเขาแบบนี้ที่นี่
บนใบหน้าของเซียงซั่นเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ไม่ได้รังเกียจที่นี่เลยแม้แต่น้อย จึงทำให้บ่าวรับใช้ต่างพากันชื่นชอบในตัวนาง
เซียงซั่นได้นำเอาชาสมุนไพรมาให้บ่าวรับใช้ดื่มด้วย
บ่าวรับใช้ที่นี่ทำงานหมุนเวียนเป็นกะ เวลาที่เซียงซั่นมานั้น พอดิบพอดีกับที่บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งที่ทำความสะอาดรอบโรงม้าเรียบร้อยแล้ว กำลังเตรียมตัวกลับไปพักผ่อน
เซียงซั่นจึงได้จังหวะเรียกเขามาให้ดื่มชา
บ่าวรับใช้ผิวดำหยาบกร้าน นิสัยขี้อาย เขายิ้มอย่างขวยเขินแล้วถามขึ้นว่า : "แม่นางเซียงซั่น มาได้อย่างไร?"
มีหญิงงามอยู่ตรงหน้า ชาจึงน่าดื่มยิ่งขึ้น บ่าวรับใช้รู้สึกเหมือนจะลอยยังไงอย่างงั้น
เซียงซั่นเอ่ยขึ้นว่า : "ช่วงนี้นายหญิงของข้าสนใจอยากจะขี่ม้า รับสั่งว่าหากมีเวลาแล้วจะมาฝึก จึงให้ข้ามาศึกษาทำความเข้าใจก่อน"
เซียงซั่นเดินรอบๆ โรงม้า แล้วชี้ไปยังม้าตัวสุดท้าย พร้อมกับถามขึ้นว่า : "ทำไมม้าสองตัวนี้กินหญ้าไม่เหมือนกับม้าตัวอื่น?"
บ่าวรับใช้จึงชี้นิ้วไปยังม้าตัวหนึ่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "นี่เป็นม้าของพลทหาร ไม่เหมือนกับม้าตัวอื่นๆ ต้องฝึกตั้งแต่การกินหญ้า และต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ"
"แล้วตัวนี้ล่ะ?"
"ม้าพันธุ์นี้" คนรับใช้พูดขึ้นอย่างนอบน้อม : "อย่าเข้าใกล้มันมาก ตอนนี้อยู่ระหว่างฤดูใบไม้ผลิเข้าสู่ฤดูร้อน มันไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ เจ้าจะถูกทำร้ายเอาได้ ม้าพันธ์ุดีที่จวนแม่ทัพมี ต่างก็ต้องพึงมันทั้งนั้น"
เซียงซั่นถามอย่างละเอียด จึงรู้แจ้งว่าในระหว่างฤดูใบไม้ผลิเข้าสู่ฤดูร้อน พวกเขาจะใช้ม้าตัวนี้นำไปผสมพันธุ์กับม้าตัวเมียตัวอื่นๆ เพื่อออกลูก
และยาที่ให้ม้ากินนั้น มีส่วนผสมของตัวยากระตุ้นการติดสัด ทำให้ม้าตัวผู้ตื่นเต้นกับตัวเมีย
สีหน้าของเซียงซั่นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ บ่าวรับใช้คนนั้นจนใจต้องหยิบตัวยาที่จะให้ม้ากินมาให้นางดู
ในระหว่างที่บ่าวรับใช้กำลังดื่มชาสมุนไพรและไม่ทันได้สังเกต เซียงซั่นก็แอบหยิบตัวยาขึ้นมาเล็ก แล้วซ่อนมันไว้ในชายแขนเสื้อ
ก่อนที่เซียงซั่นจะกลับไป นางได้หันหน้ามายิ้มให้กับบ่าวรับใช้พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "จริงสิ วันนี้ที่ข้ามา เจ้าอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ นายหญิงไม่อยากให้ท่านแม่ทัพรู้ว่านางจะฝึกขี่ม้า เพราะขี่ม้ามันค่อนข้างอันตราย ท่านแม่ทัพอาจจะโกรธเอาได้"
บ่าวรับใช้รีบตอบกลับไปว่า : "ข้ารู้แล้ว"
ฉินหรูเหลียงที่พึ่งกลับมาจากข้างนอก ปกติแล้วจะไปพักผ่อนที่สวนดอกพุดตาน เวลานี้อวิ๋นเอ๋อร์ก็กำลังปรนนิบัติรับใช้อยู่ แน่นอนว่าไม่ได้มาสนใจอะไรกับเซียงซั่น
เซียงซั่นตุ๋นซุปมาหนึ่งถ้วย นางสูดลมหายใจเข้าเต็มอก จากนั้นก็เอายาที่ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าในแขนเสื้อออกมา เทลงไปในซุปแล้วจึงคนให้เข้ากัน
บรรยากาศพลบค่ำที่โพล้เพล้ ได้ยินมาว่าฉินหรูเหลียงกลับมาที่เรือนหลักแล้ว เซียงซั่นจึงยกน้ำซุปแล้วตรงไปที่เรือนหลักทันที
เวลานี้ฉินหรูเหลียงกำลังอยู่ในห้องตำรา เมื่อเห็นนางมาแล้ว จึงขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้นว่า : "ไม่อยู่เฝ้ารับใช้เหมยอู่ เจ้ามาถึงที่นี่ทำไม"
เซียงซั่นยกน้ำซุปวางลงบนโต๊ะอย่างเหนียมอาย พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "นี่เป็นซุปที่นายหญิงสั่งให้อวิ๋นเอ๋อร์ต้ม เพราะเป็นห่วงท่านแม่ทัพที่ยุ่งทำงานหลวงไม่ได้หยุดพัก ลำบากทั้งวันทั้งคืน บ่าวจึงยกมาส่งให้ท่านแม่ทัพดื่ม เพื่อให้ท่านแม่ทัพได้ผ่อนคลายลงบ้างเจ้าค่ะ"
"วางไว้ตรงนั้น"
เซียงซั่นส่งน้ำซุปเสร็จแล้วก็กลับไปทันที ขณะที่หมุนตัวจากมา นางก็ยกยิ้มมุมปากมาอย่างมีชัย สำเร็จไปแล้วครึ่งทาง
ในขณะที่กำลังจะกลับไปยังสวนดอกพุดตาน ก็เจอเข้ากับหลิ่วเหมยอู่และอวิ๋นเอ๋อร์
อวิ๋นเอ๋อร์อยู่เฝ้าหลิ่วเหมยอู่ที่สวนดอกพุดตาน ราวกับว่ากำลังแกล้งยั่วโมโหนาง
หลิ่วเหมยอู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : "เจ้าไปไหนมา?"
"บ่าวไปเดินเล่นมาเจ้าค่ะ"
ซุปที่นางมาส่งเมื่อตอนเย็น ไม่มีเหตุผลว่าฉินหรูเหลียงจะไม่ดื่มมัน
รอให้เขาเสร็จงานแล้ว ฟ้าก็เริ่มมืดสนิท เมื่อดื่มน้ำซุปจนหมด ยังไม่ทันที่จะรับอาหารค่ำ เขาก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ
แต่เวลานั้นดึกมากแล้ว
เมื่อเซียงซั่นไปถึงเรือนหลัก มีเพียงห้องหนังสือที่ยังมีแสงสว่างอยู่ ที่เหลือนอกนั้นมืดสนิท
เซียงซั่นยืนอยู่หน้าห้องตำรา หอบทั้งใจมาเคาะประตู : "ท่านแม่ทัพ ท่านอยู่ข้างในหรือไม่เจ้าคะ?"
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงกระเส่าสายหนึ่งดังขึ้น เสียงที่ต่ำและขึงขัง : "เข้ามา"
เซียงซั่นเปิดประตูเข้าไป เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็สบเข้ากับสายตาสวาทของฉินหรูเหลียง ที่แดงก่ำและดุดันราวกับเสือร้ายไม่มีผิดเพี้ยน จนนางเองก็ตื่นตกใจจนตัวสั่น
ฉินหรูเหลียงสัมผัสได้ถึงกลิ่นกรุ่นของสตรี จมูกของเขาสูดดมกลิ่น ซึมซาบเข้าไปในหัวใจ
เขามองไปยังเงาร่างนั่น รู้เพียงแต่ว่าเป็นชุดสีเขียวอ่อน เป็นชุดที่เขาเคยซื้อให้หลิ่วเหมยอู่เมื่อนานมาแล้ว
ร่างนั้นปรากฏตัวต่อหน้าเขา แต่สายตาของเขากลับพร่ามัวมองไม่ชัด จึงนึกว่านางเป็นหลิ่วเหมยอู่ เขาจึงพูดขึ้นด้วยความปรารถนาอันแกร่งกล้า : "เหมยอู่ มานี่"
เซียงซั่นรู้สึกคอแห้งผาก นางเดินเข้าไปทีละก้าว ยังไม่ทันจะไปถึง ก็ถูกฉินหรูเหลียงดึงเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแกร่ง
ฉินหรูเหลียงหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เมื่อรู้สึกว่าฉินหรูเหลียงขาดสติสัมปชัญญะไปแล้ว จึงผลักแผงอกแกร่งของเขาออก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แห้งผาก : "ท่านแม่ทัพ บ่าวไม่ใช่นายหญิง บ่าวคือเซียงซั่น......"
บุรุษที่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้ ใบหน้าหล่อเหลาตรึงใจ เค้าโครงใบหน้าคมกริบ เมื่อก่อนนี้เซียงซั่นไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่ตอนนี้นางกลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เซียงซั่นหวังเพียงว่าฉินหรูเหลียงยกนางแทนที่หลิ่วเหมยอู่ และก็แอบหวังว่าฉินหรูเหลียงจะมีอะไรกับนางตอนที่เขายังมีสติ
ฉินหรูเหลียงกำลังตกอยู่ภายใต้ ฤทธิ์ยากระตุ้นการติดสัด เขาไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครเป็นใครแล้ว และเขาเองก็ไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่คำเดียว
ในหัวของเขามีเพียงความต้องการในอิสตรี ที่จะมาตอบสนองความต้องการของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...