เฉินเสียนปลอมตัวอยู่ในค่ายทหารมานาน ตอนนี้ก็ได้เวลาโบกมืออำลาค่ายทหารแล้ว เมื่อเข้ามาในเมืองขุย ก็ควรที่จะจัดการกับตัวเองเสียหน่อย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยนอนหลับสบายๆอย่างที่ควรจะเป็น
ก่อนที่เฉินเสียนจะมาถึง เหลียนชิงโจวที่ได้รับข่าวก่อนหน้านั้นแล้ว จึงได้จัดเตรียมหาที่พักในลานเล็กให้กับเธอและซูเจ๋ออย่างเหมาะสม เสื้อผ้าที่อยู่ภายในห้องนั้นถูกจัดไว้อย่างครบครัน ทั้งยังเตรียมถังน้ำใหม่พร้อมกับเติมน้ำร้อนไว้อีกด้วย
เหลียนชิงโจวเล่าว่าตอนที่อยู่ในเมืองเจียงหนานได้รับใยไหมมาจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร ในเวลานี้มีเฉินเสียนเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว จึงได้นำใยไหมนั้นมาทำชุดกระโปรงให้เธอได้สวมใส่ เธอสามารถใส่ชุดเหล่านั้นโดยที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละวันได้นานเป็นเวลาถึงหนึ่งหรือสองเดือนกันเลยทีเดียว
เฉินเสียนชำเลืองมองเขาแล้วยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น เงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้านี่อวดร่ำอวดรวยเสียจริงนะ”
เหลียนชิงโจวพูด “ที่ไหนกันพ่ะย่ะค่ะ ต้องขอพระทัยองค์หญิงที่ให้โอกาสเช่นนี้กับกระหม่อม ทำให้กระหม่อมได้รับโชคลาภมาท่ามกลางความวุ่นวายเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
จะร่ำรวยมั่งคั่งแค่ไหน ตอนนี้ก็ไม่สามารถจะสนับสนุนกับความจำเป็นทางการเงินของกองทัพได้สินะ
หลังจากที่เหลียนชิงโจวได้จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้เธอเสียเวลาจึงได้ขอตัวทูลลาออกไป
เฉินเสียนขยับแขนขา บิดเอวไปมา เตรียมตัวที่จะไปปิดประตูแล้วถอดเสื้อผ้าอาบน้ำ
แต่ทว่าเมื่อเธอเดินไปถึงที่ประตู และกำลังจะปิดประตูแต่ยังไม่ทันได้ปิดสนิท ตอนนั้นเองเธอก็เห็นเงาดำแวบผ่านไป มีกลิ่นที่หอมสะอาดและสดชื่น ทันใดนั้นนั้นมือข้างหนึ่งก็ไปติดอยู่ที่ช่องประตู เธอจึงดันประตูเปิดออกไป
เมื่อตอนที่เฉินเสียนมองเห็นใบหน้าของซูเจ๋อผ่านช่องประตูได้อย่างไม่ชัดเจน เธอก็ขาดความมั่นใจขึ้นมาทันที
ชายหนุ่มผู้นี้นั้นรวดเร็วมาก เขาได้ชำระล้างร่างกายให้สะอาดเรียบร้อยแล้วเปลี่ยนชุดเครื่องแบบทหารนั้นออกไป ในเวลานี้เขาสวมใส่ชุดสีดำ ร่างกายมีกลิ่นอายที่หอมสะอาดจากการเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
เส้นผมส่วนที่แห้งครึ่งหนึ่งนั้นสยายลงมาบนไหล่มองดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่บริเวณปลายผมก็ยังคงมีหยดน้ำติดอยู่ น้ำหยดลงมาบนเสื้อสีดำของเขาไม่นานก็ซึบซับหายไปโดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้
ดวงตาเรียวยาวคู่นั้น ม่านตาสีดำดั่งน้ำหมึกและแววตาที่ยากจะพรรณนาออกมาได้
เฉินเสียนรู้สึกร้อนที่ทรวงอก พูดออกมาอย่างจุกแน่นที่คอว่า“ท่านมาทำอะไร เวลานี้ท่านควรจะพักผ่อนอยู่ที่ห้องของท่านไม่ใช่หรือ รีบปล่อยมือออกไป!”
ซูเจ๋อพูดเสียงเบาว่า“ทำไม ท่านกลัวหรือ?”
“ข้ากลัวที่ไหนกัน เพียงแต่ตอนนี้ข้าจะปิดประตูแล้วไปอาบน้ำ!”
“เปิดประตูออก”ซูเจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ข้าไม่!”ซูเจ๋อจึงใช้มือข้างหนึ่งดันประตูอยู่ด้านนอก เฉินเสียนรู้ว่าแรงเขามากกว่าเธอ เธอจึงต้องใช้สองมือเพื่อที่จะปิดประตู
เวลานั้นในใจของเธอก็เกิดความสับสนไม่แน่ชัด ว่าทำไมต้องกลัวเขา ความรู้สึกเช่นนี้มันเหมือนกับ——一คนคนหนึ่งที่กำลังเดินทางอยู่บนถนน เดิมทีก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไร แต่เมื่อมีคนวิ่งตามมาทางด้านหลัง แล้วก็ยังไม่ทันได้รู้แน่ชัดว่าเขาวิ่งกันทำไม แต่ตัวเองก็ควบคุมไม่ได้ที่จะไม่วิ่งตามเขาไป
ดังนั้นเมื่อซูเจ๋อยิ่งใช้แรงผลักประตู เธอก็ยิ่งต่อต้านที่จะดึงประตูปิด
ซูเจ๋อเลิกคิ้วขึ้น โดยที่รู้ว่าไม่สามารถจะออกแรงต่อสู้อย่างรุนแรงได้ เขาจึงผ่อนแรงลงในทันที ทำให้เฉินเสียนนั้นยึดครองประตูได้สำเร็จ
ซูเจ๋อพูดเสียงเบาว่า“ท่านหนีบมือข้าแล้ว”
เฉินเสียนมองอย่างละเอียด มือของซูเจ๋อนั้นโดนหนีบเข้าที่ช่องประตูจริงๆ เธอตกใจจึงลดการต่อต้านลง มือทั้งสองปล่อยออกจากประตู แล้วไปคว้ามือของเขาขึ้นมาสำรวจ เอ่ยขึ้นอย่างกังวลใจว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?หนีบเข้าเนื้อท่านหรือไม่?ท่านบาดเจ็บตรงไหน?”
มือที่งดงามเช่นนี้ ถ้าเป็นเพราะว่าเธอได้ทำให้เกิดรอยแผลขึ้น นั่นก็คงจะเป็นความผิดของเธอ
ซูเจ๋อก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนของเธออย่างสุขุมโดยที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น เมื่อเห็นท่าทางของเธอที่กำลังวิตกกังวลอยู่นั้น จึงหรี่ตามองแล้วก็รู้สึกว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลดีนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...