ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 537

ทหารใหม่ซึ่งถูกเกณฑ์มาอยู่ที่แนวรบไม่มีประโยชน์อะไรเลย อย่างมากสุดก็แค่ช่วยหนุนทัพได้แค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง องค์จักรพรรดิไม่มีเวลาใส่พระทัยพวกหมานอี๋ทางซีอวี่และเป่ยเซี่ยที่เป่ยเจียง ในคืนเดียวกันนั้น ทรงออกพระราชโองการเร่งด่วนเรียกให้กองกำลังทหารจากซีอวี่และเป่ยเจียงเคลื่อนกำลังพลกลับมาป้องกันเมืองหลวง ขับไล่พวกกบฏ

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ องค์จักรพรรดิไม่สนพระทัยว่าทางซีอวี่และเป่ยเจียงถูกข้าศึกรุกรานเข้ามาหรือไม่ เพราะถ้าหากป้องกันเมืองหลวงไว้ไม่ได้ การป้องกันชายแดนจะมีประโยชน์อะไร

ด้วยกำลังทหารสองกองทัพจากชายแดนและทหารองครักษ์หนึ่งแสนนายจากเมืองหลวง จักรพรรดิไม่ทรงเชื่อว่าจะขับไล่พวกทหารกบฏออกไปไม่ได้

เหล่าขุนนางต่างหมดแรงทัดทานที่พระองค์ทรงทุ่มทุกอย่างเพื่อเดิมพันเช่นนี้

ตอนนี้ทรัพย์สินภายในท้องพระคลังว่างเปล่า ทั้งยังไม่มีเสบียงกรังให้นำมาเก็บเพิ่มอีกแล้ว กองทัพที่ออกไปทำศึกต่อต้านศัตรูโดยไม่มีเสบียงอาหาร ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่มีทางต้านไว้ได้นาน

องค์จักรพรรดิมีรับสั่งลงไปและใช้อำนาจบังคับให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่ที่ยังไม่ถูกพวกทหารกบฏยึดครองส่งเสบียงอาหารที่จำเป็นให้กองทัพ

ผู้ที่เดิมทีไม่มีอาหารและเครื่องนุ่งห่มพออยู่แล้วยิ่งต้องอยู่อย่างแร้นแค้น

เมื่อเทียบกันแล้ว กองทัพใหญ่จากทางใต้ดูมีแต่สิ่งที่ดีกว่า มีการขนส่งเสบียงอาหารและยุทธปัจจัยอย่างดี ไม่เพียงทำให้กองกำลังปราศจากความกังวล แต่ยังช่วยบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนได้อีกด้วย

จักรพรรดิทรงทราบในภายหลังว่าที่กองกำลังทหารจากเขตใต้มีเสบียงอาหารเพียงพอ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการจัดหาของพ่อค้าวาณิชผู้มีนามว่าเหลียนชิงโจว โดยที่ไม่รู้เลยว่าร้านเหลียนจี้กระจายไปอยู่ทั่วทั้งต้าฉู่ตั้งแต่เมื่อไร

จักรพรรดิทรงควบคุมด้านหลังของกองกำลังจากทางใต้ไม่ได้ ทำได้เพียงควบคุมจากสมรภูมิด้านหน้า ดังนั้นพระองค์จึงมีรับสั่งให้บุกค้นและยึดร้านเหลียนจี้ทั้งหมดที่อยู่บริเวณแนวหน้าของสงคราม

ไหนเลยจะรู้ว่าสินค้าในร้านค้าเหล่านั้นถูกโยกย้ายไปทางใต้ตั้งนานแล้ว และตอนนี้เหลือสินค้าอยู่เพียงไม่มาก ทว่าการที่จักรพรรดิทรงมีรับสั่งให้บุกค้นและยึดร้านเหลียนจี้กลับก่อให้เกิดความโกลาหลในสมรภูมิแนวหน้าโดยตรงเพราะการพังทลายของเศรษฐกิจ

ดินแดนที่เต็มไปด้วยความรกร้างว่างเปล่าของราชสำนักแห่งนี้ แม้ว่ากองทัพจะลงมือได้อย่างเต็มที่ แต่กลับยังก่อให้เกิดเสียงด่าทอของผู้คนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

กองกำลังทางชายแดนของต้าฉู่ที่เป่ยเจียงส่วนใหญ่เคลื่อนกำลังพลกลับไปป้องกันเมืองหลวงแล้ว ชายแดนจึงปลอดกองทหารคอยป้องกันในช่วงเวลาหนึ่ง โดยที่เป่ยเซี่ยไม่คิดจะออกศึกง่ายๆ และคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เรื่อยๆ

จักรพรรดิเป่ยเซี่ยเสด็จมาบังคับบัญชาที่ชายแดนด้วยพระองค์เอง หากไม่มีพระกระแสรับสั่งจากพระองค์ ทหารทุกเหล่าทัพจะบุ่มบ่ามทำอะไรโดยพลการไม่ได้

แม่ทัพใหญ่ผู้บัญชาการกองทัพของจักรพรรดิเป่ยเซี่ยพยายามโน้มน้าวว่า “กราบทูลองค์จักรพรรดิ ต้าฉู่ตกอยู่ในไฟสงครามครั้งแล้วครั้งเล่า นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะฉวยโอกาสจากความอ่อนแอ หากไม่ยกทัพลงใต้ครานี้แล้วจะรอเมื่อไร หรือองค์จักรพรรดิทรงใคร่จะเห็นองค์หญิงจิ้งเสียนปกครองไพร่ฟ้าพ่ะย่ะค่ะ”

สำหรับจักรพรรดิ เมื่อผลประโยชน์ของอาณาจักรอยู่เบื้องหน้า แม้แต่ครอบครัวยังไม่ต้องพูดถึง แล้วนับประสาอะไรกับองค์หญิงจิ้งเสียนที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับจักรพรรดิเป่ยเซี่ย ตอนนั้นเป็นเพียงเพื่อมิตรภาพอันดีระหว่างสองอาณาจักร พระองค์จึงมีพระราชโองการส่งพระธิดาบุญธรรมไปอภิเษกกับทางต้าฉู่ องค์หญิงจิ้งเสียนจึงเป็นเพียงพระราชนัดดาบุญธรรมซึ่งไม่ได้นับเป็นพระญาติกับจักรพรรดิเป่ยเซี่ยด้วยซ้ำ

แม่ทัพใหญ่กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้จักรพรรดิเคยช่วยชีวิตองค์หญิงจิ้งเสียนไว้ ก็นับว่ามีทั้งความเมตตาและความชอบธรรมแล้ว หากพระองค์ได้ถือครองอำนาจการปกครองของต้าฉู่ พระราชทานเรือนและที่ดินงามๆ ให้แก่นาง พระราชพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลให้ ก็นับว่ามีทั้งคุณธรรมและความชอบธรรมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิเป่ยเซี่ยมีพระชนมายุล่วงวัยกลางคนมาแล้ว เส้นผมบางเส้นที่มวยไว้เรียบร้อยในมงกุฎทองคำเริ่มกลายเป็นสีดอกเลา แต่ใบหน้าของพระองค์เคร่งขรึม สายพระเนตรเฉียบแหลม ทุกอิริยาบถมั่นคง สงบ และยังคงแฝงไปด้วยความมีสง่าน่าเกรงขามของกษัตริย์ ดูไม่เหมือนคนชราเลยแม้แต่น้อย

จักรพรรดิเป่ยเซี่ยตรัสว่า “เกรงว่าไม่ได้มีเพียงแต่เหล่าทัพของข้าที่รอสู้รบ แต่ฝ่ายเย่เหลียงคงกำลังรอโอกาสอยู่เช่นกัน ทันทีที่ข้าส่งทหารออกไป เย่เหลียงจะไม่ยอมล้าหลังและจะส่งกองทัพมาในเวลาเดียวกัน”

สงครามกลางเมืองในเป่ยเซี่ยครั้งก่อนกินเวลานานนับสิบปี ความแข็งแกร่งของอาณาจักรได้รับความเสียหายอย่างหนัก เพิ่งจะมั่นคงและเริ่มปรากฏให้เห็นความเฟื่องฟูในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

“ถ้าข้าส่งทหารไปทำสงคราม ความแข็งแกร่งของอาณาจักรจะถดถอยเหมือนในอดีต ความเป็นอยู่ของประชาชนจะไม่มั่นคง แล้วเราจะสงบสุขได้อย่างไร” องค์จักรพรรดิทรงสะบัดพระภูษาลายมังกร ประทับนั่งบนที่นั่งของผู้บัญชาการและกวาดสายพระเนตรมองแม่ทัพทุกนายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อย่างไรก็ตามเวลานี้ต้าฉู่กำลังตกอยู่ในความโกลาหล การรวบรวมให้เป็นปึกแผ่นยังต้องสูญเสียทรัพย์และแรงกำลังอีกมาก เช่นนี้แล้วยังคิดว่าเป็นเรื่องดีอีกหรือที่จะส่งทหารออกไปปล้นดินแดน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี