ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 536

แม่ทัพโฮ้วหันหน้าเข้าหาความมืด เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ข้ารู้เรื่องของท่านกับองค์หญิง หากมองข้ามเรื่องฐานะอันสูงส่งและต่ำต้อย ข้าถือว่าองค์หญิงเป็นหลานสาวของข้าผู้หนึ่ง ข้าจึงอยากจะถามท่าน ว่าท่านจริงใจกับพระองค์หรือไม่”

ซูเจ๋อคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบว่า “จะจริงใจหรือไม่นั้นสำคัญสำหรับแม่ทัพโฮ้วด้วยรึ หากว่าข้าอยากอยู่ร่วมกับพระองค์ คิดดูแล้วคงไม่ได้มีเพียงแค่แม่ทัพโฮ้วที่ไม่เห็นด้วย แต่ในอนาคตจะต้องมีคนอีกนับไม่ถ้วนที่คิดเช่นนั้น เพราะถึงอย่างไรสถานะของเราก็ไม่เท่าเทียมกัน”

“สถานะอะไรที่ไม่เท่าเทียม” แม่ทัพโฮ้วจ้องเขม็ง “หากท่านรู้ถึงสถานะที่แตกต่างอยู่แล้ว ท่านก็ไม่ควรก่อเรื่องยุ่งตั้งแต่แรก ในภายภาคหน้าไม่ว่าจะต้องเจออุปสรรคหรือหนทางที่ยากลำบากแค่ไหน ในเมื่อท่านมีความสามารถในการก่อความยุ่งยากขึ้น ท่านก็ต้องแบกรับมันให้ได้ เข้าใจหรือไม่”

ซูเจ๋อมึนงงเล็กน้อย

แม่ทัพโฮ้วดึงดาบออกจากฝักเล็กน้อยจนเผยให้เห็นแสงสะท้อนของคมดาบส่วนที่โผล่ออกมา เขากล่าวว่า “ในภายภาคหน้าท่านไม่เพียงแต่ต้องช่วยพระองค์ปกครองอาณาจักรอย่างสุดความสามารถ แต่ท่านยังห้ามทำผิดต่อพระองค์ มิเช่นนั้น ดาบในมือของข้าจะไม่ละเว้นท่าน”

หลังจากชะงักไปนิดหนึ่ง ซูเจ๋อจึงตอบแม่ทัพโฮ้วอย่างเคารพในฐานะผู้ที่อ่อนอาวุโสกว่า “ขอรับ”

แม่ทัพโฮ้วถอนหายใจครั้งหนึ่งและกล่าวอีกว่า “เพียงแต่ถึงอย่างไรท่านก็เป็นราชครูขององค์หญิง ซึ่งเป็นความจริงที่มิอาจลบเลือนได้ แม้ว่าข้าจะไม่สนใจกรอบประเพณีเก่าๆ แต่ผู้อื่นไหนเลยจะสนใจว่าพวกท่านอายุแตกต่างกันเท่าใด เป็นคนที่สนิทสนมรักใคร่กันมาตั้งแต่เยาว์วัยหรือไม่ พวกเขาแค่สนว่าท่านเป็นราชครูของพระองค์ และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป อย่าหาว่าข้าไม่เตือน ทางที่ดีท่านควรเตรียมใจไว้ล่วงหน้า ต่อไปในอนาคตไม่รู้ว่าจะมีเหล่าอาณาประชาราษฎร์หัวหงอกผู้ยึดมั่นถือมั่นสักกี่คนที่ยอมรับท่านได้ จะมีอีกกี่คนที่ต้องผิดหวังอย่างรุนแรง ถึงตอนนั้นชื่อเสียงอันดีของราชครูซูเจ๋ออย่างท่านอาจจะถูกทำลายลงได้”

แม่ทัพโฮ้วยังบอกอีกว่า “ท่านเองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าในภายภาคหน้าเมื่อท่านอยู่เคียงข้างองค์หญิงในฐานะของบัณฑิตผู้ซื่อสัตย์ ท่านอาจจะทำให้บัณฑิตผู้ด้อยโอกาสนับไม่ถ้วนในต้าฉู่พากันมาอุทิศตัวให้ราชสำนักได้ แต่ถ้าชื่อเสียงของท่านถูกทำลาย บัณฑิตเหล่านั้นก็จะหมดความนับถือท่าน”

สีหน้าของซูเจ๋อกลับไปเรียบเฉยตามเดิม ราวกับบึงน้ำที่ไม่อาจหยั่งรู้ถึงก้นบึ้ง

เขารู้มานานแล้วว่าหนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยขวากหนาม แม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดลง แต่บนเส้นทางก็ยังเต็มไปด้วยหนามแหลมคม หากเฉินเสียนยังยืนกรานว่าจะเดินไปกับเขา เท้าทั้งสองข้างจะบาดเจ็บจนรอยเลือดไหลลามไปเรื่อยๆ

วันหนึ่งเมื่อเธออยู่ในฐานะที่สูงส่ง เธอจะทำสิ่งใดตามใจชอบไม่ได้อีกต่อไป บางทีในใจของเธอ อำนาจและอาณาจักรอาจไม่มีทางสำคัญไปมากกว่าเขา แต่ถึงอย่างไรภาระหน้าที่นี้ย่อมหนักกว่าเขามาก

เขาไม่อาจอยู่ร่วมกับเธออย่างมีเกียรติในนามของซูเจ๋อ

มีหรือที่ซูเจ๋อจะไม่เคยคิดเรื่องนี้

แต่เขาไม่สนใจเลยว่าจะมีเกียรติหรือไม่

แม่ทัพโฮ้วกล่าวว่า “ข้ามีเรื่องที่จะร้องขอแค่เพียงอย่างเดียว ในภายภาคหน้า ไม่ว่าท่านจะทำอะไร อย่าทำสิ่งใดที่เป็นการคุกคามการปกครองของราชสำนักต้าฉู่และปากท้องของประชาชน และอย่าทำให้องค์หญิงต้องแบกรับความอัปยศของการละเมิดศีลธรรมเป็นอันขาด”

ซูเจ๋อยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ในเมื่อทำผิดต่อพระองค์ไม่ได้ ก็ย่อมทำผิดต่อโลกหล้ามิได้” เขาหันไปมองแม่ทัพโฮ้ว นัยน์ตาเรียวยาวฉายแววเศร้าโศกอย่างเลือนราง “ข้าอยู่ในสภาวะที่กลับไม่ได้ไปไม่ถึง ท่านแม่ทัพพอจะมีแผนการดีๆ ที่จะทำให้ทุกอย่างลงตัวหรือ?”

แม่ทัพโฮ้วตบบ่าซูเจ๋อก่อนจะหันหลังเตรียมเดินจากไป เขากล่าวว่า “ในตอนนั้นจักรพรรดิองค์ก่อนช่วยท่านไว้ ทั้งยังอนุญาตให้ท่านเติบโตมาพร้อมกับองค์หญิง ข้าเชื่อว่า พระองค์มองคนไม่ผิด”

ซูเจ๋อเอ่ยเรียบๆ ว่า “ความจริงแล้ว ข้าก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถทำได้ทุกอย่าง”

เฉินเสียนนอนอยู่บนเตียงแล้วเมื่อซูเจ๋อกลับมายังกระโจม เธอใช้มือทั้งสองข้างหนุนศีรษะ งอเข่าข้างหนึ่ง ยกขาข้างหนึ่งพาดไว้และกระดิกไปมา

เมื่อเห็นซูเจ๋อเข้ามาเฉินเสียนก็รีบลุกขึ้นทันที เธอนั่งหน้าดำคร่ำเครียดและถามซูเจ๋ออย่างประหม่าว่า “แม่ทัพโฮ้วพูดอะไรกับท่าน”

ซูเจ๋อปลดเสื้อคลุมไปแขวนไว้บนชั้นไม้อย่างไม่รีบร้อนและยืนขวางที่ข้างเตียงของเฉินเสียน ทันทีที่แสงตรงหน้าของเธอมืดสลัวลง ซูเจ๋อก็ดับเทียนที่อยู่ในมือและซุกตัวลงนอนข้างๆ เธอ ตอบไปอย่างเกียจคร้านว่า “แม่ทัพโฮ้วบอกข้าว่าอย่ารังแกท่าน”

แต่ในขณะที่พูดอยู่นั้นเขากลับคว้าเฉินเสียนมากอดไว้ ลูบไล้และกอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี