เปลวไฟแห่งสงครามใต้ฝ่าเท้าที่ยังไม่ดับไป เลือดไม่ได้ถูกชะล้าง และศพของทหารองครักษ์วังหลวงนับไม่ถ้วนที่ได้ถูกฝังไว้นอกเมือง
เฉินเสียนเหยียบย่างพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเลือด และเดินไปยังวังหลวงทีละก้าว
ในความคิดมีเศษเสี้ยวของความวุ่นวายมากมาย ได้เริ่มปรากฏขึ้น
ความทรงจำของเฉินเสียนจากอดีต การถูกจองจำเป็นเวลาหลายปีเปรียบเสมือนคำสาป และเมื่อวันนี้คำสาปได้ถูกยกขึ้น ในที่สุดก็ปลุกพวกมันทั้งหมดให้ตื่นได้
ดังนั้นในความคิดจึงเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ การต่อสู้ และยังมีเลือดอุ่นๆ ที่ได้ไหลออกมาจากศพอย่างช้าๆ
เฉินเสียนหยุดก้าวกะทันหัน เมื่อปีนั้นผู้คนนับหมื่นในวังและทหารองครักษ์หลายหมื่นคนที่เฝ้าประตูวัง แล้วนอกจากนางแล้ว ทั้งหมดได้ถูกจักรพรรดิสังหาร จนไม่มีผู้ใดรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว
นางมองเห็นได้ชัดเจนว่า ในวังหลวงสีทองอันเยือกเย็นและงดงามนี้ จักรพรรดินีที่ถูกตรึงบนเก้าอี้มังกร เลือดสีแดงหยดลงผ่านเก้าอี้มังกรลงลู่สู่พื้น
เฉินเสียนกุมหน้าผาก จ้องมองไปที่ดวงตาคู่นั้น และหายใจหอบ
ความหดหู่และความสิ้นหวังนั้น ความเจ็บปวดที่บีบหัวใจแบบนั้น ทุกเหตุการณ์ดูเหมือนจะอยู่ในนั้นและก็รู้สึกถึงเหมือนกัน
ทุกที่นางได้เห็นทหารในชุดเกราะที่เย็นชา และทุกหนทุกแห่งที่พวกเขาได้ลงดาบฆ่าอย่างเย็นชา นางได้ซ่อนตัวอยู่ในมุมอย่างสั่นเทาโดยไม่มีทางหนี
นางได้ถือตุ๊กตาหุ่นกระบอกไว้ในมือ ด้านหลังมีคนกอดนางอย่างอ่อนโยน จากนั้นผลักนางออกไป "อาเสียน ไปข้างเขา มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถทำให้ท่านมีชีวิตอยู่ได้ ท่านต้องมีชีวิตที่ดี"
ตุ๊กตาหุ่นกระบอกตัวนั้นตกลงบนพื้นเปื้อนเลือด
นางเห็นฉินหรูเหลียงที่อาบเลือดกลับมา
ต่อมาฉินหรูเหลียงกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของต้าฉู่ และคนที่อยู่ด้านหลังคนนั้นได้ผลักนางออกไป จากนั้นก็หันหน้าไปนำกลุ่มขุนนางที่คอยช่วยเหลือมาถวายบังคมกับจักรพรรดิองค์ใหม่
นั่นคือครั้งหนึ่งเคยเป็นอาจารย์ที่เฉินเสียนให้ความเคารพมากที่สุด นางเกลียดเขามาก เกลียดชังที่เขาปล่อยให้นางมีชีวิต แต่กลับทรยศนาง
ความสงบเสงี่ยมของนางซ่อนความบ้าคลั่ง ดวงตาที่ระทมทุกข์คู่นั้นสามารถมองเห็นเรื่องราวของโลกได้
ย้อนภาพในอดีต ภาพทั้งหมดหวนคืนสู่จิตใจของเฉินเสียน รวมถึงการรู้จักความคุ้นเคยของนางกับฉินหรูเหลียง รวมถึงชายหนุ่มซูเจ๋อตั้งแต่นางได้มีความทรงจำก็ได้อยู่เคียงข้างนางมาตลอด ให้ความรู้แก่นาง และสั่งสอนให้นางอ่านและเรียนรู้อักษร
พวกเขาเคยผ่านเวลาทั้งวันคืนร่วมกัน และหลักการชีวิตของเฉินเสียนทั้งหมดได้รับการสอนโดยเขา ความสุขของเฉินเสียน เป็นเขาที่แบ่งปัน ความเศร้าโศกของเฉินเสียน ก็เป็นเขาที่คอยปลอบใจ
ปรากฏว่าเฉินเสียนไม่ได้โง่ นางไม่เคยโง่ นางเพียงต้องการซ่อนหัวใจของนาง นางได้ทำงานหนักเพื่อให้มีชีวิตอยู่
เฉินเสียนยิ้มเยาะเย้ย ในขณะที่หัวเราะ พบว่าตัวเองมีน้ำตาไหลลงเต็มใบหน้า ปรากฏว่ามีความเจ็บปวดและความคับข้องใจมากมายได้ซ่อนอยู่ในหัวใจของร่างกายนี้
ความทรงจำเหล่านั้น เฉินเสียนคนเดิมได้มอบให้กับนางแล้ว เป็นเพราะนางช่วยเติมเต็มความปรารถนาอันยาวนานของนางหรือไม่? เป็นเพราะวันนี้เวลานี้นางได้ให้อภัยอาจารย์ของนางในที่สุดหรือไม่?
เฉินเสียนไม่รู้ สิ่งเดียวที่นางรู้คือ เฉินเสียนแต่ก่อนได้มอบตัวเองให้กับนางอย่างสมบูรณ์ และต่อไปเฉินเสียนก็คือนาง นางก็คือเฉินเสียน พวกนางไม่ใช่คนสองคนที่มีจิตวิญญาณต่างกันอีกต่อไป แต่เป็นคนหนึ่งที่แทรกซึมและผสมผสานเข้าด้วยกัน
"อาเสียน" ซูเจ๋อกระซิบกับนาง เสียงอ่อนโยนยังมั่นคงเหมือนเมื่อก่อน สงบพอที่จะบรรเทาทุกอย่าง
เฉินเสียนตะกุกตะกักในคอ เช็ดน้ำตาให้แห้ง และพูดอย่างขมขื่น "ฉันสบายดี แต่จู่ๆ มันก็เหมือนกับความฝัน ถึงตอนนี้เวลานี้เพิ่งได้ตื่นนั้นมาอย่างไรอย่างนั้น"
ด้านหลังเฉินเสียนคือกองทัพที่เกรียงไกร นางยืนอยู่หน้าประตูวังหลวง เพียงแค่นางออกคำสั่ง ก็สามารถบีบบังคำให้จักรพรรดิสละราชย์ได้ทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...