ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 579

"พอได้แล้ว!" เฉินเสียนตบลงไปที่โต๊ะและกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง "แม้ข้าจะเรียกเขาว่าอาจารย์ แต่เขาก็อายุมากกว่าข้าไม่กี่ปีเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับข้า และข้าก็ไม่เคยบอกว่าทุกคนให้เคารพนับถือเขาหรือฝากตัวเป็นศิษย์ แล้วจะเกี่ยวข้องอะไรกับบิดาและพี่น้อง! พวกท่านจะนำเรื่องนี้มาพูดถึงประเด็นอื่นหรือ?"

"นั่นเป็นเพราะฝ่าบาทคิดไปเอง! ทั้งอาณาจักรต้าฉู่ รวมไปถึงเย่เหลียง เป่ยเซี่ย ต่างก็รู้ว่าว่าฝ่าบาทมีราชครู!"

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่นำเหล่าทหารและบรรดาขุนนางก้มลงโค้งคำนับในท้องพระโรงและกล่าวว่า "ต่อให้หม่อมฉันตายก็จะไม่ยอมให้ฝ่าบาทกระทำการผิดจารีตและหลักจริยธรรม เสียหลักคุณธรรม ทำให้คนผิดหวัง ทำให้ประชาชนราษฎรแตกแยก! ฝ่าบาทได้โปรดทรงพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบ!"

"ทรงพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบ!"

เป็นเวลานานที่เฉินเสียนได้ยินเสียงของเสียงพูดว่า "หากข้าบอกว่าไม่ล่ะ?"

ผู้นำขุนนางผู้ใหญ่ลุกขึ้นและกล่าวอย่างก้าวร้าว "ถ้าเป็นเช่นนั้นหม่อมฉันยอมตายเพื่อไปพบจักรพรรดิองค์ก่อนที่ถนนยมโลกและขอพระทานอภัยโทษ! หากเลือดของหม่อมฉันสามารถใช้เพื่อปลุกให้ฝ่าบาททรงตื่นจากวังวนนี้ได้ หม่อมฉันถือว่าเป็นเกียรติและคุ้มค่าอย่าหาที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!"

"จับตัวเขาให้ข้า!" เฉินเสียนมีลางสังหรณ์ว่าเขาจะทำอะไร จึงพูดเสียงดังทันที

สุดท้ายแล้วขุนนางเหล่านั้นก็จับตัวเขาไว้ไม่ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะหากวิธีนี้ได้ผลจริง พวกเขาก็ไม่อยากจะขัดขวาง ขุนนางผู้ใหญ่ที่พูดนั้นได้ลุกขึ้นจากพื้นและเดินเข้าไปกระแทกเข้ากับเสาที่อยู่ด้านข้างในท้องพระโรงโดยไม่ลังเล

โชคดีที่เฮ่อโยวรู้ทัน และคว้าตัวเขาไว้ได้ทัน

แม้ขุนนางผู้ใหญ่คนนั้นจะกระแทกเข้ากับเสาและทำให้ศีรษะของเขาแตก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาถึงตาย มีเพียงแค่บาดเจ็บและเป็นแผลเล็กน้อย

หัวใจของเฉินเสียนเต้นแรงและเร็วมาก เธอลุกขึ้นและเดินลงบันไดมา ใบหน้าของเธอดูมืดมนและเคร่งขรึม และเธอก็กัดฟันพร้อมด้วยดวงตาสีแดง และกล่าวว่า "ไม่รอให้ข้ากำจัดสิ่งเก่า ๆ อย่างพวกท่านทีละคนที่คอยเอาแต่ขัดขวางข้า แต่พวกท่านกลับเอาความเป็นความตายมาขู่ข้า? ตายไปก็ดี ตายไปจะได้ไม่มีใครมาคอยขัดขวางข้าได้อีก! ไม่รู้หรือว่าข้ารักและหลงใหลแต่เพียงซูเจ๋อหรือ เลือดแค่นี้หรือจะสามารถทำให้ข้ากลับใจ?!"

เฉินเสียนหยุดและกล่าวว่า "พวกท่านฟังข้าให้ดี ไม่ใช่เป็นเพราะซูเจ๋อรู้ว่าผิดแล้วยังทำผิด แต่เป็นเพราะข้ารักเขา หากประชาชนราฎษรจะด่าว่า ก็มาลงที่ข้า ข้าเองต่างหากที่บังคับเขาให้ยินยอมในฐานะที่ข้าเป็นองค์จักรพรรดิ! เรียกคนมาที่นี่ นำตัวใต้เท้าซวีไปที่สำนักหมอหลวง!"

หลังจากนั้น เฉินเสียนก็สะบัดแขนเสื้อแล้วหันกลับไปด้วยความโกรธ แล้วกล่าวว่า "ยังมีใครอาสาพร้อมจะตายอีก ทำต่อได้เลย ยังไงซะข้าก็มองไม่เห็น ความตายของพวกท่านไม่มีประโยชน์อะไร ข้าเป็นคนไม่มีศาสนาและไม่นับถือเทพเจ้า เรื่องจะไปขออภัยโทษกับองค์จักรพรรดิองค์ก่อนอะไรนั่นเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งหมด"

ใต้เท้าซวีคนที่เดินเอาศีรษะไปชนเข้ากับเสานั้นมีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำหน้าที่ตรวจสอบกำกับดูแลการทำงานของเหล่าขุนนาง หรือแม้แต่องค์จักรพรรดิ กล้าตักเตือนอย่างตรงไปตรงมา เป็นคนหัวโบราณและหัวรุนแรงมาก

ตอนนี้เลือดที่หน้าผากของเขายังคงไหลออกมา และเขารู้สึกวิงเวียนอยู่พักหนึ่ง และในไม่ช้าก็ถูกนำตัวส่งสำนักหมอหลวง

หมอหลวงที่สำนักหมอหลวงได้รีบทำการรักษาให้กับเขา

บรรดาขุนนางเหล่านั้นต่างไม่สบายใจที่จะแยกย้ายกันไป จึงรวมตัวกันไปที่สำนักหมอหลวง และต่างถอนหายใจในขณะเดียวกัน

ขุนนางผู้ใหญ่ท่านหนึ่งถอนหายใจและกล่าวว่า "ใต้เท้าซวี ทำไมท่านถึงคิดทำเช่นนี้ ทำไมถึงเอาศีรษะไปกระแทกกับเสาจริง ๆ ล่ะ"

ใต้เท้าซวีกล่าวว่า "เดิมทีข้าคิดว่าจะสามารถหยุดยั้งความคิดขององค์จักรพรรดิได้ ให้พระองค์ยกเลิกความคิดเช่นนั้น แต่ตอนนี้เรื่องในราชสำนักยังไม่ถูกพูดถึงออกไปข้างนอก หากถูกพูดถึงแล้วและประชาชนต่างก็รับรู้เข้า นี่ถึงจะเรียกว่าแย่จริง ๆ"

"ใช่ ๆ เรื่องคราวก่อนที่ซูเจ๋อกระทำไว้ที่กำแพงเมือง รวมถึงการแสดงออกขององค์จักรพรรดิทำให้ถูกเป็นที่พูดถึงในเมืองหลวงอยู่หลายวัน เรื่องราวระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์นี้จะทำให้ภาพลักษณ์ขององค์จักรพรรดิเสียหายอย่างมากหากถูกพูดถึงออกไป"

ในขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดีนั้น และการหารือกันยังไม่มีข้อสรุป องค์ชายหกที่ออกมาเดินเล่นก็ได้เดินมาถึงสำนักหมอหลวง

เมื่อเข้ามาถึงในสำนักหมอหลวง ก็มองเห็นเหล่าบรรดาขุนนางอย่างไม่มีพิษมีภัยและกล่าวว่า "ใต้เท้าทั้งหลายมาปรึกษาหารืออะไรกันที่สำนักหมอหลวงหรือ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี