มิน่าล่ะพวกเขาถึงรู้สึกคุ้นตา ที่แท้ก็คือจักรพรรดินีที่พาองค์ชายใหญ่มานั่งแทะมันเทศย่างอย่างไม่เปิดเผยสถานะตัวเองและไม่รักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย มาปฏิบัติเช่นนี้ได้อย่างไร!
แต่เนื่องจากบนสะพานนั้นยังมีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ในบางครั้ง จึงไม่เหมาะที่จะตำหนิได้ต่อหน้า ตอนที่เฉินเสียนและซูเซี่ยนเงยหน้ามองขึ้นก็เห็นใบหน้าคนแก่ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ ต่างฝ่ายก็ตกตะลึงกัน
สายตาเหล่านั้นก็สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง เฉินเสียนจึงเอ่ยปากขึ้นก่อนว่า“พวกเจ้ามองอะไรกัน?”
คนแก่นั้นรู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาท จึงน้อมตัวแสดงความเคารพไปทางเธอและซูเซี่ยน“ฝ่า……”พูดออกมาได้เพียงแค่คำเดียว ส่วนคำที่เหลือนั้นก็ติดอยู่ในปาก จากพูดออกมาก็ไม่ใช่ จะกลืนเข้าไปก็ไม่เชิง
เฉินเสียนพูด“พวกเจ้าอยากจะถามว่ามันเทศย่างซื้อได้จากที่ใดใช่หรือไม่?”เธอชี้ไปอีกด้านข้างสะพาน“ตรงนั้นมีตายายขายอยู่ รีบไปซื้อเร็ว”
ชายชราคนหนึ่งที่มีการตอบสนองได้ดีก่อนใคร พูดตำหนิด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า“นายหญิงพาท่านชายน้อยออกมาเปิดเผยต่อหน้าเหล่าสาธารณะชนได้อย่างไร!แล้วยังมานั่งกินขนมในตลาดอีก ไม่กลัวพยาธิเข้าไปในท้องแล้วทำให้ท้องเสียหรือ!”
เฉินเสียนลูบนิ้วไปที่ชายเสื้อของตัวเอง แล้วพูดอย่างสบายๆว่า“วันนี้เป็นวันเทศกาลสารทจีน ประราชานต่างก็สนุกเพลิดเพลินกัน ข้าก็ยังเห็นว่าพวกเจ้าชายชรายังมาร่วมเลย ทำไมข้าจะพาลูกชายข้ามาเที่ยวชมบ้างไม่ได้หรือ?”
แต่ทว่าสิ่งที่เหล่าชายชรานั้นสนใจก็คือชายผู้ที่ร่วมเดินทางมากับเฉินเสียนและซูเซี่ยน เขาสวมหน้ากากปีศาจที่เคลือบไปด้วยสีสันอันแปลกประหลาด ในเวลานั้นจึงมองไม่ออกว่าใบหน้าที่แท้จริงนั้นคือใคร เห็นแต่เพียงดวงตาที่มองออกมาอย่างเย็นชา
สายลมได้พัดแขนเสื้อของเขาขึ้น สัมผัสได้ถึงลมที่เย็นสบายและรับรู้ได้ถึงความเป็นอิสระ
ถ้าชายชรายังเดาไม่ออกว่าเขาคือใคร อย่าแม้แต่สวมใส่หน้ากากเลย แม้จะกลายเป็นเถ้ากระดูกไปแล้วตราบใดที่เขายังอยู่กับสองแม่ลูกนี้ ใช้นิ้วเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่าเขาคือใคร!
ในฐานะองค์จักพรรดินี จะพาองค์ชายมาเดินเที่ยวเล่นท่ามกลางประชาชนก็ถือว่าไม่เป็นไร สิ่งที่ทำให้เหล่าชายชรานั้นทนไม่ได้ก็คือคิดว่าสิ่งที่จักรพรรดินีไม่ได้พูดออกมานั้นมันจะสงบเงียบลงไปแล้ว แต่ในส่วนตัวจักรพรรดินีแล้วยังคงละเมิดข้อห้ามของพวกเขา
ถ้าเกิดว่าไม่รู้สถานที่แท้จริงของชายหญิงและเด็กชายคนนนี้ก็คงคิดว่าเป็นเพียงสามคนพ่อแม่ลูกออกมาเดินเที่ยวเล่นกัน แต่ถ้าเกิดรู้ว่าชายผู้นี้คืออาจารย์อาวุโสของผู้หญิงคนนี้ จะให้คนอื่นคิดว่าอย่างไร?
แต่จักรพรรดินีนั้นกลับไม่รู้สึกเป็นกังวลแม้แต่นิด กลับยังไปเดินที่ตลาดอย่างสงบนิ่งไม่กลัวที่จะถูกเปิดโปงเลยแม้แต่นิดหรืออย่างไร?
ชายชราอีกคนที่ระงับอารมณ์ไม่อยู่ ชี้ไปที่ซูเจ๋อ แล้วถามว่า “เขา เขา……นายหญิงทำไมถึงกับเขา!”
เฉินเสียนเลิกคิ้ว แล้วเอ่ยว่า“เขาเป็นพ่อของลูกข้า ทำไมข้าถึงจะมากับเขาไม่ได้?”
“แต่ว่าเขา แต่ว่าเขา…… เฮ้อ!”
ชายชราเมื่อเห็นว่ามีคนกัลงเดินผ่านมาทางนี้ จึงทำให้อธิบายออกมาได้อย่างชัดเจน
แต่ทว่าเฉินเสียนและซูเซี่ยนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร เมื่อกินมันเทศย่างหมดแล้ว จึงนำหน้ากากปีศาจมาสวมไว้ที่หน้าซูเซี่ยนยื่นมือไปดึงชายเสื้อของซูเจ๋อ แล้วมองไปยังเหล่าชายชราพูดขึ้นอย่างนิ่มนวลว่า“ท่านพ่อ ท่านปู่เหล่านี้ดูแปลกประหลาดจัง”
แม้เฉินเสียนไม่อยากจะยอมรับว่าด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของเขา เมื่อฟังแล้วก็เหมือนกับไปยั่วยุให้แก่เหล่าชายชราได้เป็นอย่างดี เขาเรียกซูเจ๋อว่าพ่อต่อหน้าเหล่าชายชรา ทำให้พวกเขานั้นรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อซูเซี่ยนพูดจบ ผู้คนที่เดินอยู่บนสะพานต่างก็หันมองและรู้สึกว่าเหล่าชรานี้นั้นแปลกประหลาด ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกันแล้ว สามคนพ่อแม่ลูกที่อยู่บนสะพานนั้นก็ดูธรรมดาอย่างมาก
ซูเจ๋อก้มตัวลงไปโอบอุ้มซูเซี่ยนขึ้นมา มืออีกข้างก็จูงมือเฉินเสียน ทั้งสามคนจึงเดินข้ามสะพานไป
เมื่อเหล่าชายชราเห็นว่าซูเจ๋อนั้นไม่ได้สนใจ หรือแม้แต่จะละอายแก่ใจสักนิด พวกเขาจะทน หรือว่าคืนนี้นอนพักค้างที่จวนของเขา!
มันเป็นไปได้อย่างไรกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...