หลังจากเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่ในต้าฉู่ก็ผ่านมาสองสามปีแล้ว พรมแดนทางตะวันตกมีภูมิทัศน์เป็นภูเขาขรุขระได้เปรียบในการขัดขวางกลุ่มชาติพันธุ์หมานอี๋เข้ารุกราน ทว่ากลุ่มชาติพันธุ์หมานอี๋ก็ไม่ยอมราวี ฉวยโอกาสยามที่ภายในต้าฉู่วุ่นวายและแว่นแคว้นอ่อนแอ เข้ามาบุกรุกเขตชายแดนอย่างไม่ลดละ
โชคดีที่แม่ทัพเจิ้นซีประจำการอยู่ที่นั่น ทำให้กลุ่มชาติพันธ์ุหมานอี๋ไม่อาจเหยียบย่างเข้ามาในผืนแผ่นดินต้าฉู่แม้แต่ก้าวเดียว ทว่าพรมแดนทางตะวันตกไม่เคยหยุดการสู้รบเล็กๆเลย เผ่าหมานอี๋มีทหารชาญชัย ช่วงสองปีมานี้ชายแดนไม่เคยสงบสุข ชวนปวดหัวยิ่งนัก
ซูเจ๋อไปถึงพรมแดนทางตะวันตกจะจัดระบบทหารเพื่อปกป้องและทำลายภัยคุกคามในเขตชายแดนให้หมดสิ้น
เฉินเสียนทราบข่าวก็รีบเตรียมตัวออกจากวัง เพื่อเดินทางไปยังพรมแดนทางตะวันตก
เหล่าขุนนางย่อมทัดทานอย่างสุดแสน แว่นแคว้นจะไร้จักรพรรดินีปกครองไม่ได้แม้แต่วันเดียว
ทว่าเธอไม่อาจสนใจอันใดได้ อยู่กับความวิตกกังวลมาเนิ่นนาน เธอเกรงว่าหากชักช้าอีกนิดก็จะไม่ได้พบเจอซูเจ๋ออีก
ถ้าเกิดเขาไปที่อื่นอีกจะทำเช่นไร?
ฉินหรูเหลียงมาขัดเฉินเสียนอยู่หน้าประตูวัง
"ฝ่าบาทออกจากเมืองหลวงไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ" ฉินหรูเหลียงฉุกคิดได้ว่า ถึงแม้เวลานี้ซูเจ๋อจะอยู่ในพรมแดนตะวันตก ทว่าเขาก็ไม่อยากเห็นเฉินเสียนไม่หาเขาหรอก
"หลีกไป ข้าจะไปพาเขากลับเมืองหลวงด้วยตัวเอง"
ฉินหรูเหลียงหลีกไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งเฉินเสียนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา สุดท้ายก็ถูกเขาแบกกลับพระตำหนักไท่เหอ
ถึงแม้ท่าทางฉินหรูเหลียงจะแข็งกระด้าง แต่คำพูดคำจากลับอ่อนโยน "เส้นทางพรมแดนทางตะวันตกลาดชัน ขุรขระ ฝ่าบาทคงต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงสองเดือนกว่าจะไปถึง และด้วยความสามารถของซูเจ๋อ เขาไม่ต้องใช้เวลาสองเดือนก็ทำให้เผ่าหมานอี๋ถอยทัพได้แล้ว ฝ่าบาทไม่กลัวสวนทางกับเขาหรือพ่ะย่ะค่ะ"
เฉินเสียนไม่เคยนึกถึงจุดนี้ ฉินหรูเหลียงแจ้งเตือน เธอก็เงียบด้วยความตะลึงค้าง
ใช่แล้ว หากสวนทางกันล่ะ
ฉินหรูเหลียงกล่าวอีกว่า "ฝ่าบาทเดินทางไกลไปหาเขา ส่วนเขาก็รีบกลับเมืองหลวง สุดท้ายฝ่าบาทก็ยังไม่เจอเขาอยู่ดี ทั้งยังไปเสียเที่ยวอีก เหตุใดไม่ออกพระราชโองการให้เขากลับเมืองหลวงหลังจากที่สะสางธุระเสร็จเล่าพ่ะย่ะค่ะ"
พระราชโองการไปถึงพรมแดนตะวันตกอย่างรวดเร็ว
เดิมทีคิดว่าซูเจ๋อแค่จัดระบบป้องกันภัยเฉยๆ หากรู้ไม่ว่าเขานำทัพไล่ฟันศัตรูด้วย
ระหว่างหนึ่งถึงสองเดือนนี้เกิดการสู้รบนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเผ่าหมานอี๋ล้วนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทุกครั้งไป ราษฎรตามแนวตะเข็บชายแดนที่ถูกเผ่าหมานอี๋บุกรุกก็โล่งอกไปได้มากแล้ว
เป่ยเซี่ย
ใบประกาศของจักรพรรดินีแห่งต้าฉู่อยู่ในพระหัตถ์ของจักรพรรดิเป่ยเซี่ย พระองค์มองภาพในใบประกาศเนิ่นนาน แววตามืดมน เกิดความดีใจปะปนกับโทสะไว้ในที
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยถาม "เขาไม่อยู่ต้าฉู่แล้วหรือ?"
ท่านอ๋องมู่กล่าว "เหมือนจะออกจากราชสำนักเกือบหนึ่งปีแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ยังอยู่ในแคว้นต้าฉู่พ่ะย่ะค่ะ ได้ยินมาว่าช่วงนี้เขาไปสู้กับเผ่าหมานอี๋ที่พรมแดนตะวันตกแห่งต้าฉู่ ทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวยิ่งพ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยวางใบประกาศไว้ด้านข้าง พลางกล่าวว่า "ไม่กลับเป่ยเซี่ย แต่กลับทุ่มเทสติปัญญาเเลความสามารถเพื่อจักรพรรดินีต้าฉู่"
ท่านอ๋องมู่หัวเราะกล่าวอย่างเป็นมิตร "เพราะต้าฉู่มีพระคุณต่อเขา เสด็จพี่อย่าได้กังวลไปเลย กระหม่อมจะส่งคนไปอารักขาพ่ะย่ะค่ะ"
ถึงแม้พระราชโองการของเฉินเสียนส่งไปถึงที่หมายแล้ว ทว่าเธอก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ดี เธอไม่รู้ว่าซูเจ๋ออยู่ในสนามรบแล้วเป็นอย่างไรบ้าง มีดดาบไร้ตา ไม่รู้เขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่?
เฉินเสียนเข้าห้องของซูเซี่ยนกลางดึก มานั่งด้านข้างเตียงนอนของเขาสักพัก
ซูเซี่ยนตื่นแล้วมองเธอ พลางกล่าวว่า "ท่านแม่"
เฉินเสียนยิ้ม เอื้อมมือไปจับหน้าผากของเขา ก่อนจะกล่าวว่า "อาเซี่ยน แม่คงไม่อาจอยู่ฉลองวันเกิดครบห้าขวบของเจ้าแล้ว"
ซูเซี่ยนเงียบชั่วครู่ กล่าวว่า "ท่านแม่ไปเถอะ ไปตามท่านพ่อกลับมา"
"อาเซี่ยนเป็นเด็กดีเหลือเกิน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...