สถานการณ์การสู้รบครานี้ดุเดือดกว่าคราก่อน บนสนามรบเต็มไปด้วยปืนใหญ่มากมายไม่เลือนหาย
พวกหมานอี๋ถูกขับไล่ออกจากบริเวณชายแดนต้าฉู่โดยสิ้นเชิง และได้ถอยกำลังมาตั้งรับที่ด้านนอกซีฉวน
และหลังจากนั้นมีข่าวของการสู้รบครั้งสุดท้ายตามมาด้วยว่า อัครเสนาบดีซูเสียชีวิตระหว่างการสู้รบแล้ว
ท้องฟ้าขมุกขมัว พระอาทิตย์ยามตะวันรอนราวกับเลือด
ฉินหรูเหลียงมองหญิงที่วิ่งตะบึงไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกเพียงว่าเศร้ารันทดเป็นอย่างมาก จนถึงตอนสุดท้ายก็ไม่สามารถมาทันเวลาหรือ
แม้แต่โอกาสที่จะพบหน้าครั้งสุดท้าย เขาก็ไม่ให้
เฉินเสียนวิ่งไปถึงค่ายป้องการเขตชายแดน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแม่ทัพเจิ้นซีคาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะปรากฏตัวที่นี่
เขากำลังเขียนรายงานผลการรบที่ใหม่ที่สุดอยู่ และคิดวางแผนที่จะนำเรื่องของอัครเสนาบดีซูรายงานต่อราชสำนัก
แต่น่าเสียดายเขียนได้เพียงครึ่งหนึ่ง เฉินเสียนก็กระโจนเข้ามาในค่ายของแม่ทัพ แม่ทัพภายในค่ายเงียบสงบ บรรยากาศอึดอัดจนแทบขาดใจ
เฉินเสียนกระแอมคอ จ้องมองแม่ทัพเจิ้นซีนิ่ง กล่าวทีละคำว่า “ข้าต้องการพบอัครเสนาบดีซู เรียกเขามาพบข้า”
นายทหารและเหล่าทหารทั้งหมดคุกเข่าลง
แม่ทัพเจิ้นซีกราบทูลด้วยความเศร้าโศกว่า “กระหม่อมไร้ความสามารถ ไม่สามารถปกป้องอัครเสนาบดีซูไว้ได้ กระหม่อมมีความผิด กระหม่อมยินดีที่จะรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”
เฉินเสียนยืนไม่มั่นคง เธอนั่งยองๆลงช้าๆ จับที่หมวกเหล็กและเสื้อเกาะของแม่ทัพเจิ้นซี บังคับให้เขาเงยหน้าขึ้น แม่ทัพเจิ้นซ๊มองที่ดวงตาแดงก่ำของเธอ รู้สึกเพียงว่าตกตะลึงสะดุ้งอย่างแปลกประหลาด
น้ำเสียงของเธอแผ่วเบามาก แต่ทว่ากลับเข้าสู่โสตประสาทหูได้ “ข้าต้องการพบเขา เจ้าฟังไม่ชัดเจนหรือ?”
แม่ทัพเจิ้นซีกล่าวอย่างเศร้าโศกว่า “กระหม่อมไม่สามารถปกป้องอัครเสนาบดีซูให้ดีได้ ทำให้อัครเสนาบดีซูถูกทหารของศัตรูทำร้ายได้ ขอฝ่าบาทได้โปรดลงโทษพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าพูดสิ่งใด? เจ้าพูดอีกรอบสิ? เจ้าอยากจะบอกกับข้าว่าเขาตายไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เฉินเสียนยิ้มแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เขาจะตายได้อย่างไร ศิลปะการต่อสู้เขาล้ำเลิศ แผนและกลอุบายเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง เขาเป็นอัครเสนาบดีต้าฉู่ของข้า เขาเคยชนะนายทหารบรรดาศักดิ์อันสูงศักดิ์ ระดับอ๋องและโหวมากมาย เขาจะตายได้อย่างไร ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกหนึ่งครั้ง อัครเสนาบดีซูเล่า?”
นายทหารในกระโจมกล่าวตอบกลับว่า“ฝ่าบาท การสู้รบครั้งนี้นำโดยอัครเสนาบดีซูเป็นสนามรบหลัก ท่านแม่ทัพพยายามรั้งอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ท่านอัครเสนาบดีซูต้องการนำทหารไปสู้รบกับพวกหมานอี๋ด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ ระหว่างการสู้รบ มีผู้เห็นท่านอัครเสนาบดีซูถูกพวกหมานอี๋ยิงตกหลังม้า แล้วตกลงไปในแม่น้ำฉวีเจียง ท่านแม่ทัพพยายามช่วยชีวิตแล้วแต่ไร้หนทางที่จะช่วยชีวิตกลับมา พวกกระหม่อมยินดีที่จะร่วมรับโทษกับท่านแม่ทัพพ่ะย่ะค่ะ!”
ทหารทั้งสองฝ่ายสู้รบกันกลางหุบเขา บริเวณข้างๆแม่น้ำฉวีเจียง แม่น้ำฉวีเจียงเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของต้าฉู่ ต้นกำเนิดหลักอยู่กลางหุบเขาทางพรมแดนทิศตะวันตก เส้นทางหลักโครงข่ายสายน้ำที่โยงใยสลับซับซ้อนถูกอาณาเขตต้าฉู่ครอบคลุมไว้เกือบจะครึ่งหนึ่ง ปลายแม่น้ำฉวีเจียงก็เป็นเจียงหนานที่อุดมสมบูรณ์
การสู้รบกันครั้งนี้ มีทหารที่บาดเจ็บล้มตายจำนวนไม่น้อย ก่อนที่เฉินเสียนจะมาถึง แม่ทัพเจิ้นซีได้ตรวจสอบจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและตายแล้ว
ศพทหารที่ลอยอืดอยู่บนน้ำถูกตักช้อนขึ้นมา แต่ในน้ำนั้นตามหาร่างของอัครเสนาบดีซูไม่เจอเลย
ไร้ข่าวคราว เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงยากที่จะทำให้ทหารเศร้าและหวาดกลัว พอข่าวคราวแพร่สะพัดออกไป ทหารและอาณาประชาราษฎร์ต่างคิดว่าอัครเสนาบดีซูตายในสนามรบ จนกระทั่งไม่สามารถนำร่างขึ้นมาได้ โดยส่วนใหญ่คิดว่าเป็นอาหารปลาแล้ว วิญญาณล่องลอยอยู่ที่ภูเขาและแม่น้ำของต้าฉู่ นี่เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญของอัครเสนาบดีซู
ไม่สามารถตักช้อนศพของอัครเสนาบดีซูขึ้นมาได้ แม่ทัพเจิ้นซีก็ไม่มีทางบุ่มบ่ามตัดสินชี้ขาดได้ แต่แม่น้ำฉวีเจียงทั้งลึกและกว้างใหญ่ อันตรายอย่างยิ่ง อีกทั้งอัครเสนาบดีซูถูกลูกธนูยิงตกลงไปในน้ำด้วย แค่คิดก็รู้แล้ว เกรงว่าสถานการณ์เลวร้ายมากกว่าจะเป็นดี
เฉินเสียนคล้ายดั่งไม่มีสถานที่ไป ล่องลอยอยู่บริเวณริมแม่น้ำฉวีเจียง เธอตัดใจไม่ลงตามหาตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่แม่น้ำที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา นอกจากน้ำที่ไหลรินแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นความเงียบสงบ
แม่ทัพเจิ้นซีจัดสรรส่งคนตามหาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงกลางแม่น้ำ ก็ไม่ได้เห็นศพลอยขึ้นมาอีก
เฉินเสียนไม่เชื่อ เธอไม่เชื่อว่าซูเจ๋อจะมาตายอยู่สถานที่เช่นนี้
เมื่อครั้งในอดีต คลื่นพายุลมแรงเท่าไหร่ก็สามารถข้ามผ่านมาได้ เขาประสบความสำเร็จแล้วจะตายอยู่ที่สถานที่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...