หากว่าให้เธอรบอย่างดุเดือด สามารถขจัดความเคียดแค้นที่ใจเธอได้ แน่นอนว่าฉินหรูเหลียงก็จะคอยรับใช้
มีองค์จักรพรรดินีและท่านแม่ทัพใหญ่กระโดดลงมาบัญชาด้วยตนเอง ขวัญกำลังใจทหารบริเวณชายแดนสูงมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉินเสียนนำกองกำลังทหารสามเหล่าทัพผ่านหุบเขา ข้ามผ่านชายแดนต้าฉู่ ไปทำศึกกับพวกหมานอี๋
พวกหมานอี๋เพิ่งจะแพ้ราบคาบมาหนึ่งครั้ง กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ทหารอ่อนแอลง คิดไม่ถึงเลยว่าต้าฉู่จะข้ามผ่านแนวกั้นอาณาเขตระหว่างสองชายแดนมา หมานอี๋ตื่นตระหนกตกใจถอยหลังออกจากตรงนั้นราวหนึ่งร้อยลี้
เฉินเสียนจะยอมวางมือที่ไหนกันเล่า เธอคับแค้นใจอย่างมาก แต่ทว่าก็ไม่ได้ไม่มีหลักการเป็นของตนเอง ตลอดเส้นทางสุขุมและมีความมั่นใจ เธอไม่ละความพยายามเลยแม้แต่น้อย
พวกหมาอี๋ถูกประชิดจนไร้หนทางที่จะถอย มีเพียงแต่จะใช้กำลังทั้งหมดที่มีสู้กับศัตรู
เฉินเสียนสังหารอย่างบ้าคลั่ง ทั้งตัวอาบไปด้วยเลือด ราวกับหญิงสาวที่เป็นพญายมปีนป่ายขึ้นมาจากขุมนรก
หลังจากนั้นพวกหมานอี๋ที่เป็นเมืองเล็กๆได้ขอสงบศึกด้วยตนเอง ยินยอมที่จะก้มหัวอยู่ใต้บังคับบัญชาต้าฉู่ตลอดกาล และยอมแพ้แก่ต้าฉู่
แต่ทว่าจักรพรรดินีของต้าฉู่ปฏิเสธการขอสงบศึกนี้
เธอนำกองกำลังทหารต้าฉู่ ประชิดเข้าใกล้ดินแดนของหมานอี๋ ปราบปรามดินแดนหมานอี๋ให้เกิดความสงบสุข
เดิมทหารทางพรมแดนทางทิศตะวันตกคิดว่าสามารถขับไล่พวกหมานอี๋อกนอกชายแดนต้าฉู่ได้แล้ว ทำให้พวกเขาไม่กล้ามาทำผิดรุกรานอีก นี่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ทว่าคิดไม่ถึงตอนสุดท้ายจักรพรรดินีจะบัญชาการนำทหารไปเอาดินแดนของพวกหมานอี๋ สุดท้ายก็รวมเข้าในอาณาเขตของต้าฉู่ได้
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทิศตะวันตกของต้าฉู่ ก็ไม่ได้มีพวกหมานอี๋บุกรุกและก่อกวนอีก และยังยึดดินแดนและแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่กว้างใหญ่ไพศาลด้วย
อาณาประชาราษฎร์ของต้าฉู่สามารถโยกย้ายไปใช้ชีวิตและทำงานอย่างสงบสุขนอกภูเขาซีฉวนได้
ครั้งนี้ เย่เหลียงกับเป่ยเซี่ยทั้งหมดล้วนรู้สึกได้ถึงความประหลาดใจ
ต้าฉู่ไร้ซูเจ๋อแล้ว แต่พละกำลังของจักรพรรดินีไม่ลดลงเลย และยังทำสงครามปราบปรามเฉียบขาดกว่าเมื่อก่อน ครั้งนี้ต้าฉู่ยึดชิงดินแดนกับแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติ พลังของชาติบ้านเมืองก็เพิ่มขึ้นอีกก้าว ไม่สามารถประเมินต่ำได้
ตอนที่ออกจากพรมแดนทิศตะวันตก เฉินเสียนนั่งเรือ เลียบตามแม่น้ำฉวีเจียงลงมา
ต้นน้ำของแม่น้ำฉวีเจียงไหลเชี่ยว ภูเขาเขียวขจีริมแม่น้ำทั้งสองข้างถดถอยไปด้านหลัง ช่วงที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้ถูกหิมะช่วงเหมันตฤดูปกคลุมแล้ว
หิมะหลั่งไหลลงมาบนแม่น้ำที่เป็นสีเขียวมรกต ชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียวก็ละลายหายไป แต่บนดาดฟ้าของเรือยังเป็นสีขาว ละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ
บนดาดฟ้าของเรือมีเตาหนึ่งอัน เปลวไฟแสงอ่อนๆ ด้านบนมีกาน้ำชาอยู่
เฉินเสียนเกาะติดอยู่ข้างกาต้มน้ำชา เอนตัวนอนลงบนดาดฟ้าของเรือ หิมะที่ล่องลอยอยู่บนอากาศร่วงลงมาที่ผมของเธอ บนใบหน้าและปลายกระโปรงด้วย
เธอมองท้องฟ้าสีครามที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา หรี่ตาลงเล็กน้อย ในดวงตาเรียบเฉยไร้แววเปล่งประกาย ขนตาเปียกชื้นด้วยหิมะที่ละเอียดเล็ก อดไม่ได้ที่จะสั่นเทาระริก
ปีที่แล้วเฉินเสียนได้รับจดหมายของซูเจ๋อ บนจดหมายบอกว่าเขานั่งเรือชมวิวบนทะเลสาบ อีกด้านชื่นชมความงามของหิมะและต้มชาไปด้วย เธอจินตนาการ เวลานั้นตัวเองจะมีสภาพการณ์ที่สบายอกสบายใจอย่างไรนะ
และวันนี้ เธอก็นับว่าได้เห็นทิวทัศน์หมะตกที่เจียงหนานแล้ว เธอไม่เคยนอนมองหิมะอย่างนี้เลย พูดไม่ออกว่าเป็นรสชาติชีวิตยังไง ทัศนวิสัยของการมองเห็นโดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นความว่างเปล่าและความผิดหวังที่ผสมผสานร้อยเข้าด้วยกัน
ทหารอารักขาชุดดำถือเสื้อคลุมกันลมออกมา แล้วกล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท อากาศหนาวเหน็บ รักษาสุขภาพด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนกล่าวว่า “ข้าไม่หนาว”
ทหารอารักขาชุดดำถือชุดคลุมยืนอยู่ด้านข้าง ทหารอารักขาผู้นี้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตา ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเกาเหลียงที่เข้ามาสอบที่เมืองหลวงเมื่อสมัยนั้น
วันนี้เขาอยู่ข้างกายฉินหรูเหลียง ได้ถูกจัดอยู่ในประเภทขององครักษ์หลวงแล้ว มักอยู่ข้างกายของเฉินเสียน เพื่อปกป้องดูแลความปลอดภัยของเธอ
สำหรับเกาเหลียง นับว่าประสบความใฝ่ฝันที่มีมาเนิ่นนานแล้ว
ในความทรงจำของเขา เมื่อสมัยนั้นหญิงที่อยู่ตรงหน้าช่างมีชีวิตชีวาเหลือเกิน ทำให้คนไม่สามารถละสายตาได้ ชั่วพริบตาเดียวกลับเหลือเพียงแค่เธอเพียงคนเดียวที่ชื่นชมหิมะบนแม่น้ำนี่
เขาที่อยู่ข้างกายเธอ สัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวเดียวดาย
สุขภาพร่างกายของเฉินเสียนไม่ดี ตั้งแต่ครั้งนั้นหลังจากได้รับความเย็นแล้วไม่สบายก็เป็นซ้ำไปซ้ำมา ตอนที่ฉินหรูเหลียงออกมา เห็นเกาเหลียงที่ถือเสื้อคลุมกันลมยืนอยู่อีกด้าน ก็มีสีหน้าที่อึมครึมเดินมา มือข้างหนึ่งชูเสื้อคลุมกันลมขึ้น สะบัดออกในลมที่หนาวเหน็บ แล้วเอื้อมมือลงมาคลุมที่บนร่างกายของเฉินเสียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...