ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 628

วันนี้ในวังหลังมีความว่างเปล่า พอเทียบกับพระตำหนักเย็นแล้ว ไม่ได้หนาวยะเยือกขนาดนั้น เจ้านายที่อยู่ในพระตำหนักเย็นจะมีนางกำนัลมาคอยปรนนิบัติโดยเฉพาะ มิต้องกลัดกลุ้มเรื่องเสื้อผ้าอาหาร เพียงแต่สถานที่นี้เงียบสงบอยู่บ้างเล็กน้อยเท่านั้นเอง

คิดไม่ถึง ดอกบ๊วยในพระตำหนักเย็นเบ่งบานแล้ว ทิวทัศน์ในท้องนภาเต็มไปด้วยหิมะ

เย่ซวิ่นว่างไม่มีอะไรทำ ฝึกฝนร่างกายทุกวัน และได้เด็ดดอกบ๊วยลงมาแล้วนำไปใส่ในแจกันดอกไม้ มีเวลาว่างสบายอกสบายใจก็ตัดเล็มให้เข้ารูปทรง

ตอนที่ซูเซี่ยนไป เห็นในมือของเขาถือกรรไกร นั่งอยู่ในศาลาเซวีย ร่างกายมีเสื้อคลุมกันลมปกคลุมอยู่ ใบหน้าราวกับดอกบ๊วยที่อยู่ในแจกันดอกไม้ ค่อนข้างเชื่อมโยงสง่างามอย่างมาก

ดอกบ๊วยที่เขาตัดเรียบร้อยแล้ว ไม่เสมอกันแต่ทว่าสวยงามมาก

ซูเซี่ยนยืนมองเขาอยู่ด้านนอกศาลาเซวีย

เย่ซวิ่นยิ้มขึ้นมา อย่างคนอารมณ์ดี กล่าวขึ้นว่า “โอ้ แขกที่นานๆมาครั้งนี่”

ซูเซี่ยนกล่าวว่า “ถูกให้มาอยู่ที่พระตำหนักเย็น พระองค์ยังมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขสมรื่นรมย์”

ในมือเย่ซวิ่นรองแจกันดอกบ๊วยไว้ แล้วเดินออกมาจากศาลาเซวียอย่างเอ้อระเหย ก้มศีรษะลงมองเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า แล้วกล่าวว่า “นางกำนัลของข้าที่นี่คอยปรนนิบัติอย่างดี หิวแล้วมีของกิน หนาวแล้วมีไฟผิง เบื่อแล้วยังสามารถให้นางกำนัลเต้นระบำให้ข้าดูได้ ยังนับว่าสุขสบาย ก็ไม่รู้ว่าออกจากประตูของพระตำหนักข้าแล้ว สรุปว่าด้านในประตูพระตำหนักเป็นพระตำหนักเย็น หรือว่าด้านนอกประตูเป็นพระตำหนักเย็น”

ใบหน้าเล็กๆของซูเซี่ยนไร้อารมณ์ความรู้สึก มือไขว้หลังแล้วหันเดินกลับตามเส้นทางที่มา กล่าวว่า “ช่างเถิด เหมือนว่าพระองค์จะชอบที่นี่ เช่นนั้นก็อยู่ต่อไปเถิด”

เย่ซวิ่นกล่าวว่า “ท่านพ่อของเจ้าตายแล้ว ข้าเพิ่งจะรู้สึกว่าเจ้ากลายเป็นเด็กที่น่าสงสาร เหตุใดชั่วพริบตาเดียวก็ยังน่าเกลียดน่าชังอยู่ล่ะ”

ซูเซี่ยนหยุดชะงักฝีเท้า

เย่ซวิ่นมองร่างเล็กของเขา ทันใดนั้นรู้สึกว่าตนเองได้พูดเกินไปแล้วหรือใช่หรือไม่ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเด็กห้าขวบ ไม่มีท่านพ่อแล้วอย่างไรก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดทรมานใจ วันนี้เขาเป็นเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าเฉินเสียนจะเป็นเช่นไร

ข่าวเรื่องการตายของซูเจ๋อเขาก็เพิ่งรู้เมื่อสองวันก่อนหน้า เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก เขาคิดไม่ถึงว่าซูเจ๋อจะอายุสั้นเช่นนี้ เขายังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรมากมาย เขาบอกว่าตายก็ตายแล้ว

เย่ซวิ่นลูบคลำที่จมูก เดินมาแล้วกล่าวว่า “เดิมข้าคิดว่าบุคคลที่เป็นบ่อเกิดของความหายนะอย่างท่านพ่อของเจ้า จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปีนะ”

เย่ซวิ่นกับซูเจ๋อไม่ได้มีหนี้แค้นอาฆาตกัน มากที่สุดคือเกลียดชังซูเจ๋อ จนกระทั่งอิจฉาริษยาเขา พอซูเจ๋อตาย หมดศัตรูไปหนึ่งคน เย่ซวิ่นควรจะดีใจถึงจะถูกสิ

แต่พ่อนึกถึงเด็กน้อยกำพร้าและหญิงม่ายนี้ เขาก็ไม่มีอะไรที่น่าดีใจหรอก

ซูเซี่ยนกล่าวว่า “เมื่อก่อนข้าก็คิดเช่นนี้ พระองค์อยากออกจากพระตำหนักเย็นหรือไม่?”

เย่ซวิ่นชะงักงัน แล้วกล่าวว่า“ท่านแม่ของเจ้ายอมปล่อยข้าออกไปแล้วหรือ?”

ซูเซี่ยนกล่าวว่า “ข้าจะปล่อยพระองค์ออกไป พระองค์ไม่ใช่ว่าลูกไม้มากมายหรือ หลังจากที่พระองค์ออกไปแล้วพระองค์พยายามก่อเรื่องนะ ทำให้ท่านแม่ของข้าโกรธก็ได้ เพียงแค่พระองค์ไม่รบกวนจุดสนใจความคิดท่านแม่ข้า ท่านแม่ข้าก็ไม่มีทางสังหารพระองค์หรอก”

เย่ซวิ่นขบคิด แล้วกล่าวว่า “ที่แท้เจ้าอยากให้ข้าออกไปทำเรื่องไม่ดี เป็นเครื่องสูบลมให้ท่านแม่ของเจ้าโมโหสินะ”

ซูเซี่ยนเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำน้ำตาคลอเบ้ามองที่เย่ซวิ่น กล่าวว่า “ตั้งแต่ท่านพ่อของข้าตาย ท่านแม่ก็ไม่เคยระบายอารมณ์ออกมาเลย มันจะทำให้พังทลายย่ำแย่ได้”

เย่ซวิ่นชะงักงัน เป็นเวลานานได้กล่าวถามว่า “ท่านแม่ของเจ้าใช้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ท่านแม่ไม่ชอบกินข้าว ไม่ชอบนอน ชอบจัดการกิจการราชการ”

เย่ซวิ่นเลิกคิ้ว แล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ง่ายต่อการเหนื่อยล้านะสิ”

ซูเซี่ยนมาแล้วก็จากไป แม่นมซุยที่อยู่ด้านหลังกล่าวว่า “ให้องค์ชายหกออกมายุยงสร้างปัญหาบ่อนทำลาย วังหลังก็ไม่ได้หยุดพักแล้ว”

ดวงตาแดงก่ำที่มีน้ำตาคลอเบ้าเมื่อครู่นี้ได้แห้งเหือดไปแล้ว ใบหน้าเล็กขาวบอบบางภายใต้หิมะ เรียบเฉยนิ่งสุขุม กล่าวว่า “ก็ให้เขาเป็นอิสระเถิด ท่านแม่ก็นับว่าตีเขาจนจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว ได้ระบายอารมณ์ก็ดี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี