หลานเอ๋อร์ยิ้มและกล่าวว่า "เรื่องนี้ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นกังวลหรอกเพคะ อาหารของท่านอ๋องถูดจัดเตรียมเป็นพิเศษโดยพ่อครัวจากในวังหลวง รสชาติอ่อนและถูกคัดสรรอย่างดี สามารถช่วยเรื่องการฟื้นร่างกายของท่านอ๋องได้เพคะ"
เฉินเสียนยืนอยู่ที่ในลานครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "เขาไม่ชอบรบกวนคนอื่น และไม่ค่อยระมัดระวังการใช้ชีวิตของตัวเขาเองนัก ในเมื่อเจ้าเป็นนางกำนัลของเขา ควรจะใส่ใจให้มากขึ้น"
หลานเอ๋อร์ตกตะลึงครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดินีกังวลเกี่ยวกับท่านอ๋อง นางคิดถึงภาพวาดในห้องตำราอย่างอธิบายไม่ถูก ผู้หญิงในภาพวาดนั้นช่างคล้ายกับองค์จักรพรรดินีตรงหน้านางมากจริง ๆ เป็นไปได้ไหมว่าพระองค์และท่านอ๋องเคยมีเรื่องราวกันมาก่อน?
นางควรปล่อยให้เธอเข้าไปพบท่านอ๋องดีไหม? หลานเอ๋อร์เกิดความลังเลใจ
จากนั้นนางก็จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เธอทำให้นางตกตะลึง และจะจับท่านอ๋องลักพาตัว หลานเอ๋อร์รู้สึกว่านางยังคงประมาทไม่ได้
เฉินเสียนไม่ได้ขอเข้าไปในห้องเพื่อพบซูเจ๋อ เนื่องจากบอกว่าเขาหลับอยู่ ถึงแม้เธอมีเหตุผลที่จะเข้าไปรบกวนกับความฝันของเขา แต่เมื่อสามารถยืนอยู่นอกห้องของเขาได้ชั่วขณะหนึ่ง เฉินเสียนก็รู้สึกว่ามันเป็นความพึงพอใจมากแล้ว
เธอหวังว่าเธอจะอยู่กับเขาสักพัก แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แม้ว่าจะไม่สามารถเห็นเขาได้ แค่รู้ว่าเขาอยู่ข้างในอย่างดีก็พอใจมากแล้ว
เฉินเสียนไม่รู้ว่าเธอใช้ความระมัดระวังแค่ไหน ในเมื่อต้องการที่จะครอบครองอีกครั้ง แต่กลับกลัวที่จะสูญเสียไปอย่างไม่หลงเหลืออะไร
นางกำนัลที่ยืนอยู่หน้าระเบียงต่างรู้สึกสับสนเล็กน้อยว่าต้องทำอย่างไร เพราะเฉินเสียนยืนอยู่ที่ลานด้านหน้ามาเป็นเวลานานแล้วและไม่ได้ตั้งใจจะจากไป นางกำนัลมองหน้ากันและไม่รู้จะทำอะไร
ในเวลาที่เหมาะสม ข้างนอกลานบ้านยังมีลมพัดโชยกลิ่นหอม
ว่าที่พระชายานำยาและอาหารกำลังเดินเข้ามาจากข้างนอก เธอมีท่าเดินที่เบาและสง่างาม ราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานเธอมักจะทำเช่นนี้เสมอเมื่อมาพบซูเจ๋อที่เรือนนี้
เมื่อหลานเอ๋อร์เห็นเธอ นางรู้สึกไม่มีความสุขอยู่ในใจ และต้องการจะตะโกนหยุดเธอดัง ๆ แต่ยาและอาหารที่เธอนำมาต้องถูกเสวยอย่างตรงเวลา
เป็นเพราะการได้เข้าออกอย่างไม่จำกัด เธอจึงค่อนข้างภาคภูมิใจเล็กน้อย
นางกำนัลต่างรู้สึกอึดอัดและบนใบหน้าก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าอะไร แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้เข้าห้องหอและยังไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดิน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นคำสั่งขององค์จักรพรรดิที่ให้เธออภิเษกเข้ามาเพื่อการสะเดาะเคราะห์ รอให้อาการป่วยของท่านอ๋องหายดีเมื่อไหร่ ควรกราบไหว้ฟ้าดิน ควรเข้าห้องหอ เรื่องทั้งหมดนี้ก็ต้องปฏิบัติ ใครก็ไม่สามารถคาดเดาได้
ดังนั้นการที่ว่าที่พระชายาเข้ามาดูแลท่านอ๋อง แม้ว่าจะดูไม่เป็นที่พอใจของใครหลายคน แต่ก็มีเหตุมีผล
ทันทีที่ว่าที่พระชายาเข้ามา เธอก็ไม่สนใจและมองข้ามเฉินเสียนที่ยืนอยู่ในเรือน และเดินตรงเข้าไปทางห้องของซูเจ๋อ
ทันใดนั้นก็ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็มืดลง มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านข้าง และนำยาและอาหารที่เธอเตรียมไว้สำหรับซูเจ๋อไปไว้ในถาดไป
ว่าที่พระชายาตกตะลึง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเฉินเสียน เฉินเสียนไม่ได้เผชิญหน้ากับว่าที่พระชายาโดยตรง ดังนั้นเธอจึงมองเห็นนางได้แค่เค้าลางเท่านั้น
ถึงอย่างไร คนในจวนท่านอ๋องต่างก็เคารพว่าที่พระชายาจนเธอเคยชิน และจู่ ๆ ก็มีคนมาทำแบบนี้ เธอรู้สึกรำคาญเล็กน้อยและกล่าวว่า "เจ้าเป็นใครกัน?"
หลานเอ๋อร์ไม่ถูกชะตากับว่าที่พระชายามาเป็นเวลานาน และอาจมีความรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในนั้น นางรู้สึกทันทีว่าการแสดงออกที่เย็นชาของเฉินเสียนเป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษต่อสายตาของนาง
หลานเอ๋อร์ตอบอย่างทันทีทันใด "เป็นกษัตริย์ต้าฉู่"
ว่าที่พระชายายังคงสับสนอยู่ คิดว่าต้าฉู่เป็นเพียงแค่ชื่อคนเท่านั้น และกล่าวว่า "มาใหม่หรือ? ถึงไม่รู้จักกฎระเบียบ กล้ามาขวางทางข้าที่กำลังจะนำยาไปให้ท่านอ๋อง?"
หลานเอ๋อร์กล่าว "กษัตริย์ต้าฉู่ก็คือ องค์จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรต้าฉู่ ว่าที่พระชายาน่าจะรู้จักต้าฉู่นะเจ้าคะ องค์จักรพรรดิหนึ่งเดียวของอาณาจักรต้าฉู่ ก็เหมือนกับองค์จักรพรรดิหนึ่งเดียวของเป่ยเซี่ยเจ้าค่ะ องค์จักรพรรดินีเป็นอาคันตุกะที่องค์หญิงพามาชมสวน และเป็นอาคันตุกะพิเศษผู้มีเกียรติของเป่ยเซี่ยเจ้าค่ะ"
ชมสวนอะไรกัน พูดขึ้นมาหลานเอ๋อร์เองก็ไม่เชื่อ สวนในจวนท่านอ๋องรุ่ยน่าชื่นชมตรงไหนกัน เป็นเพราะจวนท่านอ๋องรุ่ยมีท่านอ๋องรุ่ยอยู่ต่างหากล่ะ
แต่หลานเอ๋อร์ก็พูดออกมาอย่างมั่นใจและมีเหตุผล
ว่าที่พระชายาเปลี่ยนสีหน้าของเธอทันที เธอย่อตัวทำความเคารพและกล่าวกับเฉินเสียนอย่างนอบน้อม "ขอประทานอภัยเพคะฝ่าบาท"
เฉินเสียนไม่ได้บอกให้เธอลุกขึ้น แต่กล่าวว่า "แล้วท่านเป็นใครกัน?"
ว่าที่พระชายายังคงอยู่ในย่อตัวทำความเคารพและตอบกลับว่า "หม่อมฉันเป็นพระชายารุ่ยที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในจวนท่านอ๋องเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...