เกี้ยวนุ่มๆ ที่เหลียนชิงโจวส่งมารับ ทั้งนุ่มทั้งกว้างขวาง อากาศก็ถ่ายเทสะดวก ภายนอกดูเหมือนเกี้ยวธรรมดาๆ แต่ภายในตกแต่งไว้ดีกว่าเกี้ยวของจวนแม่ทัพแถมยังสบายกว่าด้วย
เฉินเสียนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวไม่รู้สึกถึงความโคลงเคลงเลยแม้แต่น้อย เบาะด้านในบุด้วยผ้าแพรนุ่มๆ ที่ทำให้เธอหลับสบายไปตลอดทาง
เมื่อถึงที่และลงจากเกี้ยวเธอจึงเห็นว่าเหลียนชิงโจวยืนอมยิ้มรอต้อนรับอยู่ที่หน้าประตู
เฉินเสียนกล่าวว่า “จิ้งจอกเหลียน เจ้ามีอะไรดีๆ แบบนี้ไว้ใช้ด้วย ชุดที่นั่งในเกี้ยวนี่คงราคาไม่เบาเลยใช่ไหม”
เหลียนชิงโจวกล่าวว่า “กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ นั่นเป็นที่นั่งที่เตรียมไว้สำหรับองค์หญิงโดยเฉพาะ ผ้าแพรนั่นทอมาจากไหมหิมะจากภูเขาเทียนซาน ซึ่งจะทำให้รู้สึกเย็นสบายในฤดูร้อน”
เฉินเสียนตามเขาเข้าไป เธอยิ้มและกล่าวว่า “เดือนหนึ่งข้าถึงจะมาสักครั้ง เจ้าถึงกับเตรียมเกี้ยวราคาแพงไว้ให้ข้าเลยรึ ไม่เอาน่า”
เหลียนชิงโจวยิ้มและกล่าวว่า “จะทำอย่างไรได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมปล่อยให้องค์หญิงอึดอัดไม่ได้”
ขณะนั้นคนรับใช้ยกจานลิ้นจี่สีแดงสดมาวางไว้ที่โต๊ะของเฉินเสียน และลมเย็นๆ ที่พัดผ่านใบหน้าก็กลายเป็นความร้อนในฉับพลัน
เหลียนชิงโจวกล่าวว่า “กระหม่อมไม่อยากให้องค์หญิงต้องเทียวไปเทียวมาอย่างลำบาก ส่วนนี่เป็นลิ้นจี่ที่เพิ่งส่งมาจากหลิ่งหนานวันนี้ ว่ากันว่าเพิ่งเด็ดมาเมื่อตอนย่ำรุ่ง องค์หญิงทรงชิมดูก่อนสิพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้เยี่ยนปอกเปลือกลิ้นจี่เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วและกล่าวว่า “เมื่อก่อนตอนอยู่ในวังหาชิมลิ้นจี่สดๆ เช่นนี้ยากนัก องค์หญิงทรงชิมสักลูกสิเพคะ”
เฉินเสียนชิมแล้วก็สัมผัสได้ถึงรสชาติอันหอมหวานภายในปาก เธอหยีตาอย่างมีความสุขและกล่าวว่า “อวี้เยี่ยน เจ้าไม่ต้องสุภาพนักหรอก ปอกให้ตัวเองชิมสักลูกสิ”
“สุภาพอะไรกันเพคะ คุณชายเหลียนบอกว่าท่านนำมาให้องค์หญิงได้ชิมลิ้นจี่รสชาติสดใหม่” อวี้เยี่ยนกลืนน้ำลายและเอ่ยต่อว่า “ลิ้นจี่ขององค์หญิง บ่าวจะกินได้อย่างไรเพคะ”
เหลียนชิงโจวใช้นิ้วอุ่นๆ หยิบลิ้นจี่ขึ้นมาหนึ่งลูก เขาปอกเปลือกแล้วชิม จากนั้นจึงพูดว่า “ที่นี่ไม่มีคนนอก ในเมื่อองค์หญิงตรัสดังนั้น อวี้เยี่ยนก็ย่อมกินได้อยู่แล้ว”
ดวงตาของอวี้เยี่ยนเป็นประกาย ทำปากขมุบขมิบและกำมือแน่น “จริงหรือเพคะ บ่าวกินได้จริงๆ หรือเพคะ”
เฉินเสียนฉวยโอกาสนี้หยิบลิ้นจี่ที่ปอกเปลือกไว้แล้วยัดใส่ปากของอวี้เยี่ยน
เหลียนชิงโจวไม่ได้กินมากเท่าเฉินเสียนกับอวี้เยี่ยน หลังจากกินไปได้สองลูกเขาก็เช็ดมือ เอ่ยเตือนว่า “เสวยมากเกินไประวังจะร้อนในนะพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”
“ไม่กลัว ไม่กินก็เสียเปล่านะสิ”
เหลียนชิงโจวเอ่ยลอยๆ ว่า “ดูเหมือนองค์หญิงจะชอบเสวยลิ้นจี่มากจริงๆ”
เฉินเสียนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าเห็นเจ้ากินแค่นิดเดียวก็หยุดเสียแล้ว ไม่ใช่ว่าไปหามาให้ข้ากินโดยเฉพาะหรอกนะ เจ้ารู้ด้วยหรือว่าข้าชอบกินลิ้นจี่”
“ตอนนี้เป็นช่วงที่ลิ้นจี่ของหลิ่งหนานมีรสชาติอร่อยถูกปาก กระหม่อมจึงคิดจะชวนองค์หญิงมาลองชิม ไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกปากองค์หญิงมากขนาดนี้”
“ขนาดไม่รู้เจ้ายังกล้าเตรียมไว้มากมายขนาดนี้เลยหรือ ถ้าข้าไม่ชอบกินขึ้นมาเจ้าไม่แย่หรือไง ส่งตรงจากหลิ่งหนานมาถึงภายในคืนเดียว ค่าขนส่งคงไม่ใช่ถูกๆ”
เหลียนชิงโจวยิ้มและพูดว่า “แต่ตอนนี้องค์หญิงก็ชอบเสวยมากไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนรับผ้าเช็ดหน้าเปียกที่อวี้เยี่ยนส่งมาให้มาเช็ดปาก จากนั้นจึงเอ่ยเรียบๆ ว่า “จิ้งจอกเหลียน มีคนเก่งๆ คอยชี้แนะอยู่เบื้องหลังเจ้าใช่ไหม”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียนชิงโจวหายวับไปทันที
เฉินเสียนพูดอีกว่า “ข้ามาคิดดูแล้ว แม้ว่าเจ้ากับข้าจะเป็นคนเคยรู้จักกัน แต่ก็แยกจากกันมานานหลายปี เจ้าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทุ่มสุดตัวขนาดนี้เพื่อช่วยข้า
เจ้าบอกว่าข้าเป็นองค์หญิง ในอนาคตข้าอาจนำผลประโยชน์มาให้เจ้า แต่ข้าก็เป็นแค่อดีตองค์หญิง พูดอีกอย่างก็คือ ข้าทำประโยชน์ให้เจ้าไม่ได้ ทั้งยังอาจจะนำหายนะมาสู่เจ้าด้วย
นอกจากนี้เจ้ายังห่วงใยลูกในท้องของข้ามาก เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเจ้า ทำไมเจ้าถึงต้องทำอะไรให้ตั้งมากมาย เจ้าพาข้ากลับไปที่จวนแม่ทัพ ทำให้ข้าดูแลเด็กในท้องอย่างอุ่นใจ เป็นไปได้หรือที่จะมีคนตกหลุมรักเด็กคนนี้? ถึงอย่างไรข้าก็อยู่ในฐานะพิเศษ ถ้าหากมีใครต้องการใช้เด็กคนนี้เพื่อรื้อฟื้นราชวงศ์ก่อนหน้า มันยังจะเข้าใจได้ง่ายกว่าไม่ใช่หรือ”
เหลียนชิงโจวมีท่าทีตกใจ “องค์หญิงทรงคิดอะไรอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...