อ่านสรุป บทที่661 ฝ่าบาทรู้จักองค์รัชทายาทแห่งต้าฉู่? จาก ข้าคือหงส์พันปี โดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว
บทที่ บทที่661 ฝ่าบาทรู้จักองค์รัชทายาทแห่งต้าฉู่? คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet ข้าคือหงส์พันปี ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ซูเจ๋อเลิกคิ้วและกล่าวว่า "แววตาเจ้าไม่เลวนี่"
หมอผีกล่าวว่า "สายตาของท่านอ๋องที่มีวิสัยทัศน์ที่ดี เรื่องการแพทย์นางยอดเยี่ยมมาก อีกทั้งยังเด็กอยู่ รอให้อายุเท่ากระหม่อมก่อน หากที่ยังมีความเพียรพยายาม บางทีทักษะทางการแพทย์อาจจะตามกระหม่อมทัน แต่เห็นนางเป็นอย่างนั้น แต่ก่อนนางก็เคยศึกษามาอย่างหนัก"
ซูเจ๋อถาม "ท่านรู้ได้อย่างไร?"
หมอผีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าจักรพรรดิเป่ยเซี่ยไม่ได้สั่งปิดปากของเขา และกล่าวว่า "ในคืนที่ท่านเป็นหวัดนั้น สถานการณ์ไม่ค่อยจะดีนัก เป็นนางกับข้าที่ร่วมมือรักษาท่านอ๋อง"
ซูเจ๋อเอนกายลงบนหัวเตียง เอียงศีรษะเล็กน้อย จ้องมองเบาๆ ไปที่ภาพเหมือน และไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
หมอผีพูดอีกครั้ง "ท่านเห็นบนร่างกายของนางในตอนนั้นที่ทั้งเปียกทั้งสกปรกใช่หรือไม่ คือโดนฝนตกใส่ และสวมเสื้อผ้าเปียกตลอดทั้งคืนเพื่อฝังเข็มให้ท่าน ตอนแรกจักรพรรดิของเราไม่ยอมให้เข้าไป นางบุกเข้าไปทั้งสามประตูวัง ถึงได้บุกเข้ามาถึงหน้าท้องพระโรง และเกือบจะถูกฆ่าตาย"
ซูเจ๋อยังจำได้ คำพูดที่ไม่ระมัดระวังที่นางพูดกับเขาในตอนเช้าก่อนที่นางจะออกไป เขารู้โดยธรรมชาติว่าไม่ใช่เพราะความจริงใจของนาง ไม่อย่างนั้นนางจะร้องไห้ทำไม เมื่อเขาเข้าจูบริมฝีปากของนาง ทำไมน้ำตาของนางถึงไหลลงบนใบหน้าของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ถึงแม้จะรู้ว่านางแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ซูเจ๋อก็ต้องปล่อยนางไป ต้าฉู่คือโลกของนาง และถ้าเขาเก็บนางไว้ที่นี่ เขาอาจจะเป็นเพียงทำให้นางก้มศีรษะเพื่อตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ซูเจ๋อถาม "เมื่อไรร่างกายนี้จะดีขึ้น?"
หมอผีกล่าวว่า "ไม่ต้องกังวลไปพ่ะย่ะค่ะ ต้องค่อยๆ ทำ และต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเห็นผลดีขึ้นอย่างเร็วที่สุด"
ก่อนหน้านั้นไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้กับเขามากนัก แต่ตอนนี้เขารอไม่ไหวแล้ว ถ้าเขาสามารถปกป้องนางได้ เขาไม่ควรได้เห็นนางร้องไห้อีก
แม้ว่าเขาจะจำอดีตไม่ได้ แต่เขาก็ยอมรับว่าเขาได้ติดนางไปนานแล้ว
ซูเจ๋อกล่าวว่า "ยังพูดไม่จบ พูดต่อ"
หมอผีพูดต่อว่า "ในตอนนั้น เดิมทีมีหมอคนหนึ่งมาช่วยอยู่ข้างๆ แต่หมอของจักรพรรดินั้นไร้ความสามารถจริงๆ เพียงแค่ถือเข็มเงินมือก็สั่นแล้ว สถานการณ์เร่งด่วนและกระหม่อมต้องการใครสักคนมาคอยช่วยกระหม่อมอยู่ข้างๆ จักรพรรดินีแห่งต้าฉู่บอกว่านางทำได้ เดิมที่กระหม่อมก็ไม่เชื่อ แต่คาดไม่ถึงว่าทำได้จริงๆ"
"ท้ายที่สุดจักรพรรดินีแห่งต้าฉู่ตอบรับว่าจะออกจากเป่ยเซี่ยทันทีหลังจากรอท่านดีขึ้นแล้ว และต่อไปจะไม่มาพบกับท่านอ๋องอีก จักรพรรดิถึงยอมให้นางเข้าพระราชวังเพื่อมาช่วยกระหม่อม"
หลังจากผ่านไปนาน ซูเจ๋อกล่าวว่า "อนาคตวันเวลายังอีกยาวไกล นางบอกจะไม่พบก็จะไม่พบก็ได้หรือ"
หลังจากที่เฉินเสียนจากไป ทุกอย่างในพระราชวังเป่ยเซี่ยก็เหมือนเดิม จักรพรรดิเป่ยเซี่ยแค่สันนิษฐานว่านางไม่เคยมาที่นี่
หลังจากนั้นไม่นาน พลังปราณก็จะค่อยๆ หายไปเองตามธรรมชาติ ต่อมาเมื่ออ๋องมู่มาของพบอีกครั้ง จักรพรรดิเป่ยเซี่ยก็ตกลงที่จะพบเขาในที่สุด
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยมองอ๋องมู่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า "เรื่องครั้งนี้ หากเจ้าไม่แอบไปบอกจักรพรรดินีแห่งต้าฉู่ นางจะรู้ได้อย่างไรว่าอ๋องรุ่ยยังมีชีวิตอยู่ และเหตุการณ์มากมายก็ได้ต้นเหตุเกิดมาจากเจ้า คราวนี้ถือว่าช่างเถอะ ต่อไปอย่าเอาเป็นตัวอย่าง ถ้าข้าได้รู้อีก จะไม่โทษว่าข้าไม่สนใจความเป็นพี่น้องกันไม่ได้"
อ๋องมู่กล่าวขอโทษ "พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมผิดไปแล้ว เป็นที่กระหม่อมไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ต่อไปไม่กล้าทำผิดอีกแล้ว"
สีหน้าของจักรพรรดิเป่ยเซี่ยจางลงเล็กน้อยและกล่าวว่า "เจ้ามาที่นี่มีเรื่องอะไร?"
อ๋องมู่กล่าวว่า "สองวันก่อนกระหม่อมได้รับข่าวว่า ก่อนที่จักรพรรดินีแห่งต้าฉู่จะรีบมาเป่ยเซี่ย ที่ต้าฉู่ได้มีการแต่งตั้งรัชทายาทขึ้น ฝ่าบาทรู้ถึงเรื่องนี้หรือไม่?"
การแต่งตั้งรัชทายาทเรื่องใหญ่ของบ้านเมือง และจักรพรรดิเป่ยเซี่ยก็เคยได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน ไม่เพียงเหตุการณ์สำคัญในอาณาจักรอื่นๆ ดังนั้นจึงยังไม่ได้สืบสาวราวเรื่องอย่างจริงจัง"
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ จักรพรรดิเป่ยเซี่ยเอ่ยปากถามว่า "แต่งตั้งใคร?"
อ๋องมู่กล่าว "เรื่องพวกนี้ เดิมทีนี้เป็นความลับของต้าฉู่ ในขณะนั้นจักรพรรดินีกับอ๋องรุ่ยมีความสัมพันธ์กันระหว่างอาจารย์กับศิษย์ และความรักของทั้งสองคนไม่เป็นที่ยอมรับในราชสำนัก ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจึงถูกเก็บเป็นความลับ........"
เมื่อจักรพรรดิเป่ยเซี่ยสติกลับมา และถามว่า "เมื่อครู่เจ้าว่าเขาอายุเท่าไหร่แล้ว?"
"เจ็ดปีพ่ะย่ะค่ะ"อ๋องมู่หัวเราะพร้อมกล่าวว่า "เด็กเกิดมาช่างหล่อเหลาเหมือนพ่อของเขา ฉลาดและเห็นอกเห็นใจคนอื่น กระหม่อมได้เห็นเขาด้วยตาตัวเอง ยังเคยได้อุ้มด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยเดินลงจากที่นั่งด้วยท่าทางมึนงง และนั่งกับอ๋องมู่บนบันไดม่านสีเหลืองสดใสที่ด้านหน้าโต๊ะ เหมือนกับพี่น้องที่กำลังซุบซิบกันอยู่ที่บ้าน จักรพรรดิแห่งเป่ยเซี่ยพูดด้วยความประหม่า "เจ้าเล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดอีกที"
อ๋องมู่กล่าวว่า "ฝ่าบาทจะต้องไม่ลงโทษกระหม่อม กระหม่อมถึงจะกล้าพูด"
"เจ้าเล่ามา จ้าจะไม่ลงโทษเจ้า"
อ๋องมู่กล่าวเพียงว่า "เมื่อสองสามปีก่อน ก็คือว่าเมื่อตอนที่เสด็จพี่อยู่ที่เขตชายแดนต้องการพบอ๋องรุ่ยเมื่อครั้งนั้น เมื่อกระหม่อมไปที่ต้าฉู่เพื่อเป็นตัวประกันเป็นเวลาสามวัน ได้เห็นอาเซี่ยนตัวน้อย ตอนแรกเมื่อได้เห็นก็นึกถึงอ๋องรุ่ย พ่อลูกหน้าเหมือนกันมากจริง"
"ในเวลานั้น อาเซี่ยนตัวน้อยท่าทางจะอายุเพียงสองหรือสามขวบเท่านั้น และกระหม่อมไปเล่นกับเขาตลอดช่วงบ่าย อย่ามองว่าเขายังเด็ก แต่เขารู้ทุกอย่าง กระหม่อมชอบหลานชายตัวน้อยคนนั้นมาก"
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยถาม "ทำไมเจ้าไม่บอกข้าตั้งแต่แรก?"
อ๋องมู่กล่าวอย่างใจเย็นว่า "ในครั้งนั้นเสด็จพี่เพิ่งได้เจอกับอ๋องรุ่ย และต้องการพาอ๋องรุ่ยกลับไปที่เป่ยเซี่ย หากรู้ว่ายังมีหลานชายคนนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พาตัวหลานชายกลับมา? หากเป็นเช่นนั้น แล้วองค์จักรพรรดินีต้าฉู่คงอยู่คนเดียว และต้องน่าสงสารมาก"
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยถอนหายใจสองครั้ง และตื่นเต้นเล็กน้อย กล่าวว่า "นั้นเป็นทายาทของเป่ยเซียข้า!"
อ๋องมู่ส่ายหน้าและถอนหายใจ "แต่ตอนนี้เขาเป็นองค์รัชทายาทในต้าฉู่ และเขาจะเป็นจักรพรรดิของต้าฉู่ในอนาคต จะไม่ดีกว่าหรือ? ภายหลังจักรพรรดินีต้าฉู่มาที่เป่ยเซี่ยของเรา เดิมทีกระหม่อมอยากรอให้จักรพรรดินีต้าฉู่กับเสด็จพี่ได้คลี่คลายเรื่องแล้วหลังจากนั้นจะหาเวลาที่เหมาะสมมาบอกความจริง ไม่สิ ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันกระหม่อมเข้ามาในวังหลายต่อหลายครั้ง ก็เพื่อจะเล่าเรื่องนี้ แต่พระองค์ปฏิเสธที่จะพบกระหม่อม ตอนนี้ครอบครัวทั้งสามคนของพวกเขาได้แยกกันแล้ว และคงไม่มีวันได้กลับมาพบกันอีก และเกรงว่าเสด็จพี่ก็คงจะไม่ได้พบกับหลานชายแท้ๆ ของตัวเองอีกเลย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...