เมื่อแผ่นหลังของเฉินเสียนหายลับไปจากห้องโถง ซูเจ๋อจึงยกมือขึ้นสัมผัสหยาดน้ำตาอุ่นๆ ของเธอที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้า
เธออยากจะไป เขาห้ามเธอไว้ได้ด้วยหรือ? จักรพรรดินีแห่งต้าฉู่ ถึงอย่างไรก็ต้องกลับไปยังต้าฉู่ และด้วยสภาพร่างกายของเขาตอนนี้ เขาไม่มีทางร่วมทางไปกับเธอได้
ช่างเถิด เรื่องนี้บังคับกันไม่ได้
เฉินเสียนมุ่งหน้าไปหาจักรพรรดิเป่ยเซี่ยที่เพิ่งกลับมาจากการเข้าเฝ้ายามเช้าทันทีที่เธอออกไปจากห้องโถง ไม่มีคำพูดอะไรมากมายเกินความจำเป็นระหว่างคนทั้งสอง
เพียงแต่ขณะที่เฉินเสียนกำลังจะเดินผ่านพระองค์ไป จู่ๆ จักรพรรดิเป่ยเซี่ยก็ตรัสขึ้นมาว่า “ปิ่นปักผม”
เธอหยุดชะงัก ในที่สุดก็ยกมือขึ้นดึงปิ่นหยกขาวบนมวยผมออกมา จากนั้นจึงวางลงบนพระหัตถ์ของจักรพรรดิเป่ยเซี่ยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย จักรพรรดิเป่ยเซี่ยทรงกล่าวอย่างพึงพอใจว่า “ในภายภาคหน้า เป่ยเซี่ยและต้าฉู่จะเป็นเพียงเพื่อนบ้านกันเท่านั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ นอกเหนือจากนี้”
เธอจึงกล่าวว่า “ตามพระประสงค์”
เฉินเสียนบ่ายหน้าไปทางพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นขอบฟ้า จากนั้นแผ่นหลังที่มั่นคงและแข็งแกร่งก็ค่อยๆ เคลื่อนห่างออกไป
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยหรี่พระเนตรมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับเข้าไปในห้องโถง เมื่อเห็นว่าซูเจ๋อฟื้นแล้ว พระองค์จึงตรัสว่า “เวลานี่รู้สึกอย่างไรบ้าง”
แววตาของซูเจ๋อเย็นเยียบ เขายื่นมือออกมาทางพระองค์และกล่าวว่า “ส่งมา”
พระหัตถ์ทั้งสองข้างของจักรพรรดิเป่ยเซี่ยประสานกันอยู่ในแขนฉลองพระองค์ พระองค์ชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ในที่สุดก็ยื่นปิ่นหยกขาวในพระหัตถ์ส่งให้ซูเจ๋อ
ซูเจ๋อมองปิ่นหยกขาวในมือราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ไม่มีท่าทีว่าจะพูดสิ่งใดกับจักรพรรดิเป่ยเซี่ย
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยตรัสว่า “นางพูดอะไรกับเจ้า เจ้าจึงเฉยเมยกับข้าเช่นนี้”
ซูเจ๋อเอ่ยเรียบๆ ว่า “พระองค์กลัวว่านางจะพูดอะไรกับข้าหรือ?”
นับตั้งแต่นี้ต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิเป่ยเซี่ยและซูเจ๋อสองพ่อลูกจะเต็มไปด้วยความเฉยชายิ่งกว่าเดิม แม้ว่าคนภายนอกจะไม่เข้าใจ แต่ทั้งสองฝ่ายต่างรู้แก่ใจดี
หลังจากอาการของซูเจ๋อดีขึ้นเมื่อวันเวลาผ่านไป จักรพรรดิเป่ยเซี่ยจึงรับสั่งให้เขาเข้าพิธีสมรสกับพระชายารุ่ยให้เสร็จสิ้น ทว่าซูเจ๋อกลับสั่งให้พ่อบ้านส่งพระชายารุ่ยกลับไปหาครอบครัวของนาง ทั้งยังบอกว่าจะไม่แต่งงานไปชั่วชีวิต
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยค่อนข้างกริ้ว พระองค์ทรงบังคับให้ซูเจ๋อเลือกคนที่เหมาะสมที่จะมาเป็นพระชายา แต่ซูเจ๋อกลับบอกว่า “ขอบพระทัยที่ฝ่าบาททรงห่วงใย แต่ข้าไม่ชอบสตรี”
ทันทีที่มีข่าวแพร่ออกไปว่าท่านอ๋องรุ่ยชอบผู้ชาย ตอนนี้ไหนเลยจะมีผู้หญิงกล้าเสนอตัวเข้ามาแต่งงานง่ายๆ เพราะถ้าหากเป็นเหมือนพระชายารุ่ยคนก่อนที่ถูกส่งตัวกลับไปหาครอบครัวหลังจากแต่งงาน แบบนั้นคงน่าขายหน้าแย่!
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง
ขณะนี้เฉินเสียนออกไปจากพระราชวังของจักรพรรดิเป่ยเซี่ยแล้วและกำลังกลับไปยังโรงเตี๊ยมหลวง อ๋องมู่ส่งข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้ฉินหรูเหลียงรับทราบแล้ว เมื่อรู้ว่าต้องออกเดินทางวันนี้ ฉินหรูเหลียงกับกองทหารองครักษ์และทูตจึงเก็บของรอไว้ พร้อมจะออกเดินทางทุกเมื่อ
เสื้อผ้าทั้งชุดของเฉินเสียนเปียกชื้นไปด้วยน้ำฝน สภาพของเธอดูไม่ได้เลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับองครักษ์ของวังหลวงอีกครั้ง
ทว่าเธอไม่ได้มีสีหน้าที่จนแต้มหรือมีท่าทีที่ต่ำต้อยอีกต่อไป
จักรพรรดินีผู้เคยกล่าวกับคณะทูตไว้ว่า “ผู้ใดร้องขอ ผู้นั้นย่อมกลายเป็นผู้ที่ด้อยกว่า” ได้กลับมาเป็นจักรพรรดินีผู้สูงศักดิ์แห่งต้าฉู่อีกครั้ง
บางสิ่งบางอย่างไม่อาจได้มาด้วยการยอมลดตัวเข้าแลก เฉินเสียนจำได้ขึ้นใจแล้ว ตั้งแต่ออกมาจากพระราชวังของจักรพรรดิเป่ยเซี่ย เธอก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าตลอดชีวิตที่เหลือหลังจากนี้ ซูเจ๋อจะเป็นคนที่เธอได้แต่เฝ้ามองทว่าไม่มีทางเอื้อมถึง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงมองมาทางเหนือได้เสมอ
เธอยังคงรักและคิดถึงเขาได้เหมือนเดิม
ต่อให้อยู่ร่วมกันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ต่างคนต่างสบายดี เท่านี้ดียิ่งกว่าหยินและหยางมากแล้วไม่ใช่หรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...