ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 659

จักรพรรดิเป่ยเซี่ยทอดพระเนตรหมอผีนิดหนึ่ง จากนั้นจึงสะบัดฉลองพระองค์และตรัสว่า “ข้าจะไปเตรียมตัวเข้าเฝ้ายามเช้า รอจนจบการเข้าเฝ้าแล้วค่อยไล่นางออกไปก็ยังไม่สาย”

จักรพรรดิเป่ยเซี่ยเดินออกไปที่ประตูและรับสั่งว่า “อีกเดี๋ยวให้คนนำน้ำขิงเข้ามาสองถ้วย”

หากเป็นเพราะความเจ็บป่วยของซูเจ๋อที่จะทำให้เฉินเสียนยอมตัดใจกลับไปต้าฉู่และจะไม่กลับมายุ่งวุ่นวายอีกในอนาคต ความเจ็บป่วยของเขาก็นับว่าคุ้มค่า ในเวลานี้จักรพรรดิเป่ยเซี่ยเองก็ไม่ได้คิดจะโต้แย้ง ทั้งที่รู้ว่าหมอผีกำลังช่วยพูดเพื่อให้เฉินเสียนได้อยู่ที่นี่นานขึ้นอีกนิด ช่างเถิด... ปล่อยให้นางอำลาซูเจ๋อก่อนจากกัน เพราะตั้งแต่นี้ต่อไปจนกระทั่งตายจากพวกเขาจะไม่มีทางได้พบเจอกันอีก

แสงอรุณนอกหน้าต่างค่อยๆ สว่างไสวขึ้น

น้ำซึ่งขังอยู่ในแอ่งบนพื้นสะท้อนให้สีสันอันสวยงามของแสงพระอาทิตย์ที่ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้า

วันนี้เป็นวันที่แดดจ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่ง

เฉินเสียนดื่มน้ำขิงด้วยความรู้สึกที่สับสนว้าวุ่น เธอจับมือของซูเจ๋อไว้ตลอดเวลาพร้อมกับเคาะนิ้วของเขา มีความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่บนฝ่ามือ ทว่าไม่รู้ว่าเป็นความอบอุ่นจากเธอหรือเขา

เธอยิ้มและเอ่ยว่า “ซูเจ๋อ ข้าต้องไปแล้วนะ เห็นท่านเป็นแบบนี้ ตอนนี้ข้าคงให้ท่านไปต้าฉู่ด้วยไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้ไปท่านจะปลอดภัยกว่าหากอยู่ที่เป่ยเซี่ยและพักฟื้นร่างกายอยู่ที่นี่ ในอนาคตหากมีโอกาส เราคงได้พบกันอีก”

มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าต่อไปนี้จะไม่มีโอกาสเช่นนั้นอีกแล้ว

แต่เธอไม่อยากพูดออกมาตรงๆ จนเหมือนกับเธอกำลังปิดหนทางของตนเองด้วยมือของเธอเอง

เฉินเสียนคิด เธอกล่าวอีกว่า “ถึงจะพูดไปหลายครั้งแล้ว แต่ข้าก็ยังอยากเตือนให้ท่านดูแลตัวเองดีๆ อย่าลืมใส่เสื้อผ้าหนาๆ เมื่ออากาศหนาว เมื่อหิวต้องบอกให้คนเตรียมอาหารมาให้ อย่าหาเรื่องทำให้ตัวเองลำบาก หลังจากนี้ไม่รู้จะมีโอกาสได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ท่านต้องรีบหายไวๆ นะ”

“อ้อ ถึงแม้ตอนแรกข้าจะไม่เชื่อเรื่องการผูกดวงแต่งงานเพื่อขจัดปัดเป่าความชั่วร้าย แต่เมื่อจักรพรรดิเป่ยเซี่ยของพวกท่านกำหนดตัวพระชายารุ่ย ท่านก็ฟื้นขึ้นมา สิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้นี้จึงนับว่ายังมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง พระชายารุ่ยผู้นั้นอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่ข้าเคยพูดไว้ ข้าเพียงแค่ไม่อยากเห็นนางก็เท่านั้น เมื่อข้าไม่อยู่แล้ว หากมีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้างและรับรู้ทุกข์สุขของท่านก็คงจะดี”

เธอเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่าเธอโลภมากเกินไป และเธอจะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้... ขอเพียงแค่เขายังมีชีวิตอยู่ต่อไป เท่านี้ก็ดีมากแล้วไม่ใช่หรือ?

เฉินเสียนคิดว่าบางทีเธออาจจะเข้ามาอยู่ในชีวิตของซูเจ๋อเพียงเพื่อทำอันตรายเขา

นิ้วที่สั่นไหวของเธอลูบไล้ไปบนคิ้วของซูเจ๋ออย่างแผ่วเบา ปลายนิ้วค่อยๆ เลื่อนลงมาสัมผัสที่สันจมูก เธอกำลังจะดึงมือกลับ แต่ไม่คิดว่าทันใดนั้นจะถูกซูเจ๋อคว้ามือเอาไว้อย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

สีหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ทว่าฝ่ามือกลับเต็มไปด้วยเรี่ยวแรง

ซูเจ๋อไม่ได้ลืมตา เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าเพราะอาการป่วยว่า “ข้าไม่เคยเห็นหน้าพระชายารุ่ยผู้นั้นมาก่อน ไม่รู้ด้วยว่านางมีดีตรงไหน ที่ข้าคิดว่าดีคือสตรีอวดดีที่บุกเข้ามาในห้องหอของข้า และบอกว่าพระชายารุ่ยเป็นคนไม่ดี”

เฉินเสียนหัวเราะนิดหนึ่งและบอกว่า “ข้าทำลายพิธีสมรสของท่าน คิดแล้วก็รู้สึกผิดมาก”

ซูเจ๋อไม่ขำ เขาถามว่า “ในที่สุดองค์จักรพรรดิของข้าก็เปลี่ยนพระทัยแล้วงั้นหรือ”

เฉินเสียนรู้สึกจุกอยู่ในลำคอ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับไม่ให้เสียงสั่น จากนั้นจึงกล่าวว่า “พระองค์เป็นคนที่ใจแข็งดั่งเหล็กกล้า เมื่อเห็นท่านป่วยแบบนี้จึงไม่ยอมเปลี่ยนคำพูด แต่ช่างเถอะ ข้ายอมแพ้แล้ว”

“ยอมแพ้?” ปลายเสียงของซูเจ๋อตวัดขึ้นเล็กน้อย เขาลืมตาและหันไปมองเฉินเสียน

ในดวงตาเรียวยาวคู่นั้นสะท้อนให้เห็นสภาพที่อึดอัดของเธอ

แต่เธอไม่ได้ถอยหนีอย่างขี้ขลาด

เฉินเสียนแสดงท่าทีเฉกเช่นยามที่อยู่ ณ ดินแดนต้าฉู่ในฐานะจักรพรรดินี เธอปล่อยชายแขนเสื้อที่เลิกขึ้นมาในตอนแรกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจึงกระตุกริมฝีปากราวกับจะยิ้มและเอ่ยว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี