ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 68

สรุปบท บทที่ 68 ระคายตา: ข้าคือหงส์พันปี

สรุปเนื้อหา บทที่ 68 ระคายตา – ข้าคือหงส์พันปี โดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว

บท บทที่ 68 ระคายตา ของ ข้าคือหงส์พันปี ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ผ้าสีขาวโปร่งบางที่รายล้อมอยู่รอบๆ โบกสะบัดเต้นรำไปพร้อมกับนาง ในแววตาของฉินหรูเหลียงยามนี้นางช่างเย้ายวนและมีเสน่ห์มาก

เมื่อครู่นี้ทันทีที่เขาเข้ามาในศาลาและดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เขามีปฏิกิริยาบางอย่าง เขาไม่ค่อยรู้สึกถึงความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าเช่นนี้บ่อยนัก

กลิ่นกายของนางช่างหอมหวนและยังคงปลุกเร้าเขาอยู่ตลอดเวลาจนเขาแทบควบคุมตัวเองไม่ได้

ขณะที่เซียงซั่นยังคงเต้นรำอยู่นั้น ลูกกระเดือกของฉินหรูเหลียงก็ขยับขึ้นลงเล็กน้อย เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปและคว้าข้อมือของนางไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นจึงฉุดเข้าหาตัวอย่างแรง

สายเกินที่เซียงซั่นจะป้องกัน นางหมุนตัวกลับมาอย่างฉับพลันและล้มลงไปในอ้อมกอดของฉินหรูเหลียงอีกครั้ง

วินาทีถัดมาฉินหรูเหลียงก็โน้มศีรษะลงมาจูบนาง

เซียงซั่นรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน นางไม่เคยได้สัมผัสรสจูบอันลึกซึ้งและเร่าร้อนเช่นนี้มาก่อน ในขณะที่นางกำลังจะจมดิ่งลงไป อยู่ๆ ฉินหรูเหลียงก็ลืมตาขึ้นมาและมองเห็นใบหน้าที่แตกต่างจากหลิ่วเหมยอู่โดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นความเร่าร้อนก็กลายเป็นความเยือกเย็น เขาผลักเซียงซั่นออกไปทันที

“เป็นเจ้ารึ”

ริมฝีปากของเซียงซั่นแดงก่ำแลดูงดงามดั่งดอกกล้วยไม้ นางมองฉินหรูเหลียงอย่างไร้เดียงสาและทำอะไรไม่ถูก

รอยแผลเป็นบนใบหน้าของนางจางลงไปมากจนเหลือเพียงแค่รอยแดงตื้นๆ เซียงซั่นคิดว่าเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์และม่านสีขาวบางที่รายรอบเช่นนี้ ฉินหรูเหลียงจะมองไม่เห็น

อีกทั้งโอกาสอย่างคืนนี้ยังหาได้ยากยิ่ง

เซียงซั่นใจหายและรีบคุกเข่าลงแทบเท้าฉินหรูเหลียงก่อนจะกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพเข้าใจผิดคิดว่าบ่าวเป็นนายหญิงน้อย บ่าวสมควรตาย บ่าวไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะกลับมาในเวลานี้...”

ฉินหรูเหลียงหรี่ตาลงอย่างเย็นชา เขามองเซียงซั่นและกล่าวว่า “เจ้าไม่คิดว่าข้าจะมางั้นรึ งั้นที่เจ้าแต่งกายเช่นนี้ เต้นรำอยู่ในที่แบบนี้ เจ้าทำไปทำไม”

เซียงซั่นโน้มตัวลงจนเผยให้เห็นลำคอที่ขาวหมดจด ทั้งยังเห็นไปถึงเนื้อหนังส่วนที่อยู่ภายใต้คอเสื้อรางๆ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพลางบีบน้ำตา “ท่าเต้นรำที่บ่าวเพิ่งเรียนรู้มาเจ้าค่ะ บ่าวจะถูกหัวเราะเยาะหากเต้นรำในยามกลางวัน ดังนั้นจึงแอบมาฝึกซ้อมอยู่ที่นี่ตอนกลางคืน บ่าวแขวนม่านไว้ คิดว่าคงไม่มีใครมาพบ...”

ฉินหรูเหลียงชำเลืองมองเซียงซั่นอย่างอดไม่ได้

สิ่งที่น่ารังเกียจก็คือ แม้จะรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่หลิ่วเหมยอู่ แต่แรงกระตุ้นของเขากลับไม่ลดลงเลย!

อาจจะเป็นเพราะเสน่ห์อันเย้ายวนของเซียงซั่นในคืนนี้ได้กระตุ้นความรู้สึกของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว บางส่วนในร่างกายของเขาตื่นตัวขึ้นมาอย่างฮึกเหิมและทุกข์ทรมาน

ฉินหรูเหลียงยืดตัวตรงและสะบัดแขนเสื้อเพื่อข่มความรู้สึกไม่สบายตัว เขาหันไปอีกทางและบอกว่า “ช่างมัน คราวนี้ข้าจะยกโทษให้เจ้า เก็บข้าวของแล้วกลับไปซะ”

เมื่อเห็นว่าฉินหรูเหลียงกำลังจะจากไป เซียงซั่นก็รีบลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “บ่าวไปส่งท่านแม่ทัพนะเจ้าคะ”

ไม่รู้ว่านางคุกเข่าอยู่นานหรือเต้นรำนานเกินไปกันแน่ เมื่อลุกขึ้นมาแข้งขาของนางจึงอ่อนแรงและโผเข้าไปหาฉินหรูเหลียงอย่างควบคุมไม่ได้

ฉินหรูเหลียงกอดนางไว้เต็มรัก

ความอดทนของเขาเกือบจะมาถึงจุดสิ้นสุด “เจ้าช่างกล้าหาญนักที่มายั่วยวนข้า ไม่ใช่ว่าเจ้ายอมเป็นสาวใช้ปรนนิบัติข้างกายของข้าหรือ แล้วตอนนี้มัวทำอะไรอยู่”

“บ่าว... ขาของบ่าว...”

ไฟของฉินหรูเหลียงถูกจุดติดและเขาต้องการการระบายอย่างเร่งด่วน เมื่อก้มลงมองและเห็นรอยแดงบนใบหน้าของเซียงซั่น เขาก็นึกถึงใบหน้าของเฉินเสียนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นเหมือนเซียงซั่นในตอนนี้...

บ้าเอ๊ย! ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งมีปฏิกิริยารุนแรงขึ้น!

ฉินหรูเหลียงกลับมาตอบสนอง เขาอุ้มเซียงซั่นขึ้นมาอย่างง่ายดายและกดนางลงบนม้านั่งในศาลาทันที

ขณะที่เขาเริ่มจูบอีกครั้ง คนที่เขานึกถึงในห่วงความคิดกลับไม่ใช่เซียงซั่นหรือหลิ่วเหมยอู่ แต่เป็นผู้หญิงที่ชื่อเฉินเสียนคนนั้น!

เขาไม่ได้รู้สึกว่ารอยแดงบนใบหน้าของเซียงซั่นอัปลักษณ์ กลับกันมันกลับกระตุ้นให้เขาเกิดความรู้สึกที่แปลกใหม่

อวี้เยี่ยนกำชับอีกครั้ง “องค์หญิงห้ามทอดพระเนตรนะเพคะ!” พูดจบก็ยกชายกระโปรงขึ้นและรีบวิ่งเหยาะๆ ไปที่สวนดอกพุดตาน

คืนนี้หลิ่วเหมยอู่แต่งกายอย่างสวยงาม จนถึงตอนนี้นางไม่ได้รอให้ฉินหรูเหลียงกลับมาแล้วและอดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้

หลิ่วเหมยอู่ไม่ได้กินอาหารเย็นและเซียงหลิงเองก็ไม่ได้กินเช่นกัน นางหิวจนหมดแรงแต่ไม่กล้าพูดออกมา ดังนั้นจึงทำได้แค่พยายามปลอบใจหลิ่วเหมยอู่ที่อยู่ข้างๆ

คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ อวี้เยี่ยนจะมาที่สวนดอกพุดตานในเวลานี้

อวี้เยี่ยนยืนอยู่ที่หน้าประตูลาน นางยิ้มและบอกว่า “ผู้คนทั้งจวนต่างรู้ว่านายหญิงน้อยจัดงานฉลองวันเกิด แต่ไม่คิดว่าจะเป็นการฉลองวันเกิดที่เงียบเหงาเช่นนี้”

หลิ่วเหมยอู่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพลางคิดว่าเหตุใดแม่สาวใช้ตัวน้อยถึงได้กล้ามาเยาะหยันนางถึงที่นี่ นางกำลังรู้สึกอัดอั้นและไม่มีที่ให้ระบาย ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวเล็กน้อยขณะที่กรีดร้องเสียงแหลม “นางบ่าวต่ำช้า ที่นี่คือที่ไหนเจ้าจึงกล้าเป็นฝ่ายมาเยาะเย้ย ท่านแม่ทัพจะมาที่สวนดอกพุดตานของข้าทันทีที่เขากลับมา ไม่เหมือนองค์หญิงของเจ้า ถึงจะร้องไห้อ้อนวอนอย่างไรท่านแม่ทัพก็ไม่มีทางไปหา! แทนที่จะเอาเวลามาพูดจาไร้สาระอยู่แถวนี้ เจ้ากลับไปกอดคอร้องไห้กับองค์หญิงไม่ดีกว่าหรือ! เซียงหลิง ไล่นังบ่าวต่ำช้าผู้นี้ออกไป!”

ก่อนที่เซียงหลิงจะทำอะไรอวี้เยี่ยนก็ถอยหลังหลบเสียก่อน จากนั้นจึงแสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วนี่นา แต่ไม่เห็นจะตรงมาที่สวนดอกพุดตานทันทีเลยนี่”

สีหน้าของหลิ่วเหมยอู่เปลี่ยนไป นางจ้องมองอวี้เยี่ยนและถามว่า “เจ้าพูดเรื่องอะไร ท่านแม่ทัพไม่มาหาข้าที่นี่ เป็นไปได้หรือที่เขาจะไปที่สวนสระวสันตฤดู?”

อวี้เยี่ยนตอบว่า “แม้ว่าท่านแม่ทัพจะอยากไปที่สวนสระวสันตฤดู แต่องค์หญิงก็จะทรงปิดประตูกันไว้อย่างแน่นหนา ตอนนี้ท่านแม่ทัพกำลังเล่นบทรักอย่างสบายใจกับหญิงอื่นอยู่ที่ศาลาริมทะเลสาบต่างหากละเจ้าคะ”

“เป็นไปไม่ได้!"

“จะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของท่าน สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว บ่าวไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของนายหญิงน้อยแล้วดีกว่าเจ้าค่ะ” อวี้เยี่ยนเอ่ยทิ้งท้ายและหายตัวออกไปจากลานบ้าน

หลิ่วเหมยอู่รู้สึกหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม

คำพูดของอวี้เยี่ยนเป็นเหมือนพายุฝนฟ้าคะนองที่ถาโถมอยู่ในหัวใจของนาง

“เป็นไปไม่ได้...” นางจะทนกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี