ผ้าสีขาวโปร่งบางที่รายล้อมอยู่รอบๆ โบกสะบัดเต้นรำไปพร้อมกับนาง ในแววตาของฉินหรูเหลียงยามนี้นางช่างเย้ายวนและมีเสน่ห์มาก
เมื่อครู่นี้ทันทีที่เขาเข้ามาในศาลาและดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เขามีปฏิกิริยาบางอย่าง เขาไม่ค่อยรู้สึกถึงความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าเช่นนี้บ่อยนัก
กลิ่นกายของนางช่างหอมหวนและยังคงปลุกเร้าเขาอยู่ตลอดเวลาจนเขาแทบควบคุมตัวเองไม่ได้
ขณะที่เซียงซั่นยังคงเต้นรำอยู่นั้น ลูกกระเดือกของฉินหรูเหลียงก็ขยับขึ้นลงเล็กน้อย เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปและคว้าข้อมือของนางไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นจึงฉุดเข้าหาตัวอย่างแรง
สายเกินที่เซียงซั่นจะป้องกัน นางหมุนตัวกลับมาอย่างฉับพลันและล้มลงไปในอ้อมกอดของฉินหรูเหลียงอีกครั้ง
วินาทีถัดมาฉินหรูเหลียงก็โน้มศีรษะลงมาจูบนาง
เซียงซั่นรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน นางไม่เคยได้สัมผัสรสจูบอันลึกซึ้งและเร่าร้อนเช่นนี้มาก่อน ในขณะที่นางกำลังจะจมดิ่งลงไป อยู่ๆ ฉินหรูเหลียงก็ลืมตาขึ้นมาและมองเห็นใบหน้าที่แตกต่างจากหลิ่วเหมยอู่โดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นความเร่าร้อนก็กลายเป็นความเยือกเย็น เขาผลักเซียงซั่นออกไปทันที
“เป็นเจ้ารึ”
ริมฝีปากของเซียงซั่นแดงก่ำแลดูงดงามดั่งดอกกล้วยไม้ นางมองฉินหรูเหลียงอย่างไร้เดียงสาและทำอะไรไม่ถูก
รอยแผลเป็นบนใบหน้าของนางจางลงไปมากจนเหลือเพียงแค่รอยแดงตื้นๆ เซียงซั่นคิดว่าเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์และม่านสีขาวบางที่รายรอบเช่นนี้ ฉินหรูเหลียงจะมองไม่เห็น
อีกทั้งโอกาสอย่างคืนนี้ยังหาได้ยากยิ่ง
เซียงซั่นใจหายและรีบคุกเข่าลงแทบเท้าฉินหรูเหลียงก่อนจะกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพเข้าใจผิดคิดว่าบ่าวเป็นนายหญิงน้อย บ่าวสมควรตาย บ่าวไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะกลับมาในเวลานี้...”
ฉินหรูเหลียงหรี่ตาลงอย่างเย็นชา เขามองเซียงซั่นและกล่าวว่า “เจ้าไม่คิดว่าข้าจะมางั้นรึ งั้นที่เจ้าแต่งกายเช่นนี้ เต้นรำอยู่ในที่แบบนี้ เจ้าทำไปทำไม”
เซียงซั่นโน้มตัวลงจนเผยให้เห็นลำคอที่ขาวหมดจด ทั้งยังเห็นไปถึงเนื้อหนังส่วนที่อยู่ภายใต้คอเสื้อรางๆ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพลางบีบน้ำตา “ท่าเต้นรำที่บ่าวเพิ่งเรียนรู้มาเจ้าค่ะ บ่าวจะถูกหัวเราะเยาะหากเต้นรำในยามกลางวัน ดังนั้นจึงแอบมาฝึกซ้อมอยู่ที่นี่ตอนกลางคืน บ่าวแขวนม่านไว้ คิดว่าคงไม่มีใครมาพบ...”
ฉินหรูเหลียงชำเลืองมองเซียงซั่นอย่างอดไม่ได้
สิ่งที่น่ารังเกียจก็คือ แม้จะรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่หลิ่วเหมยอู่ แต่แรงกระตุ้นของเขากลับไม่ลดลงเลย!
อาจจะเป็นเพราะเสน่ห์อันเย้ายวนของเซียงซั่นในคืนนี้ได้กระตุ้นความรู้สึกของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว บางส่วนในร่างกายของเขาตื่นตัวขึ้นมาอย่างฮึกเหิมและทุกข์ทรมาน
ฉินหรูเหลียงยืดตัวตรงและสะบัดแขนเสื้อเพื่อข่มความรู้สึกไม่สบายตัว เขาหันไปอีกทางและบอกว่า “ช่างมัน คราวนี้ข้าจะยกโทษให้เจ้า เก็บข้าวของแล้วกลับไปซะ”
เมื่อเห็นว่าฉินหรูเหลียงกำลังจะจากไป เซียงซั่นก็รีบลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “บ่าวไปส่งท่านแม่ทัพนะเจ้าคะ”
ไม่รู้ว่านางคุกเข่าอยู่นานหรือเต้นรำนานเกินไปกันแน่ เมื่อลุกขึ้นมาแข้งขาของนางจึงอ่อนแรงและโผเข้าไปหาฉินหรูเหลียงอย่างควบคุมไม่ได้
ฉินหรูเหลียงกอดนางไว้เต็มรัก
ความอดทนของเขาเกือบจะมาถึงจุดสิ้นสุด “เจ้าช่างกล้าหาญนักที่มายั่วยวนข้า ไม่ใช่ว่าเจ้ายอมเป็นสาวใช้ปรนนิบัติข้างกายของข้าหรือ แล้วตอนนี้มัวทำอะไรอยู่”
“บ่าว... ขาของบ่าว...”
ไฟของฉินหรูเหลียงถูกจุดติดและเขาต้องการการระบายอย่างเร่งด่วน เมื่อก้มลงมองและเห็นรอยแดงบนใบหน้าของเซียงซั่น เขาก็นึกถึงใบหน้าของเฉินเสียนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นเหมือนเซียงซั่นในตอนนี้...
บ้าเอ๊ย! ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งมีปฏิกิริยารุนแรงขึ้น!
ฉินหรูเหลียงกลับมาตอบสนอง เขาอุ้มเซียงซั่นขึ้นมาอย่างง่ายดายและกดนางลงบนม้านั่งในศาลาทันที
ขณะที่เขาเริ่มจูบอีกครั้ง คนที่เขานึกถึงในห่วงความคิดกลับไม่ใช่เซียงซั่นหรือหลิ่วเหมยอู่ แต่เป็นผู้หญิงที่ชื่อเฉินเสียนคนนั้น!
เขาไม่ได้รู้สึกว่ารอยแดงบนใบหน้าของเซียงซั่นอัปลักษณ์ กลับกันมันกลับกระตุ้นให้เขาเกิดความรู้สึกที่แปลกใหม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...