ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 69

เซียงหลิงประคองนางไว้และกล่าวว่า “อาจจะเป็นแผนร้ายก็ได้เจ้าค่ะ นายหญิงอย่าหลงกลพวกนางนะเจ้าคะ!”

หลิ่วเหมยอู่เงยหน้ามองท้องฟ้า แต่จนถึงตอนนี้แล้วฉินหรูเหลียงก็ยังไม่มา! คืนนี้เขาจะพักอยู่ที่วังหรืออย่างไร!

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ ช่วงเวลานี้งานที่วังหยุดพักหมดแล้ว และฉินหรูเหลียงก็ควรกลับมาแล้วเช่นกัน

หลิ่วเหมยอู่บีบหลังมือของเซียงหลิงแน่น ใบหน้าซีดเผือดอยู่ใต้แสงจันทร์ที่สุกสกาว นางกัดฟันและพูดว่า “เฉินเสียน ท่านอุ้มท้องอยู่แล้วแท้ๆ นึกไม่ถึงว่ายังจะมายั่วยวนท่านแม่ทัพอีก! ผู้หญิงที่ต่ำช้าที่สุดในโลก แท้จริงแล้วก็คือท่านนั่นเอง!"

เซียงหลิงพูดถูก บางทีนี่อาจจะเป็นกลอุบายของเฉินเสียนที่ส่งอวี้เยี่ยนให้มาพานางไป เพื่อที่จะให้นางได้เห็นเฉินเสียนใช้อุบายร้ายล่อลวงฉินหรูเหลียงด้วยตาของตัวเอง!

ไม่อย่างนั้นเพราะเหตุใดอวี้เยี่ยนจึงมาที่นี่เพียงคนเดียวและไม่เห็นแม้แต่เงาของเฉินเสียน

ในจวนแห่งนี้ นอกจากเฉินเสียนแล้ว หลิ่วเหมยอู่ก็ไม่ได้คิดถึงผู้หญิงอีกคนเลย!

แม้จะรู้ว่านี่อาจจะเป็นกลอุบายของเฉินเสียนแต่หลิ่วเหมยอู่ก็ต้องไป นางปล่อยให้เฉินเสียนทำสำเร็จไม่ได้ และนางจะไม่ปล่อยให้ฉินหรูเหลียงได้สัมผัสผู้หญิงอื่นเด็ดขาด...

หลิ่วเหมยอู่สงบสติอารมณ์และพูดว่า “เซียงหลิง ตามข้าไปที่ทะเลสาบ”

นางควรเชื่อใจฉินหรูเหลียง แต่ยิ่งเข้าไปใกล้ทะเลสาบมากขึ้นเท่าไหร่นางก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ไม่นานฉินหรูเหลียงเคยให้สัญญากับหลิ่วเหมยอู่ว่าชั่วชีวิตที่เหลือเขาจะมีแค่นางเพียงคนเดียว ทว่าไม่นานหลังจากนั้นเขาก็มีเซียงซั่น เขารับรองว่าหลังจากนี้จะไม่แตะต้องผู้หญิงอื่นอีก แต่หลิ่วเหมยอู่กลัวจริงๆ ว่าเขาจะผิดคำพูดอีกครั้ง

ในความคิดของหลิ่วเหมยอู่เต็มไปด้วยภาพอันสกปรกโสมม ไหนเลยจะมีกะจิตกะใจมาสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว นางก้าวเดินไปอย่างกังวล ไม่ใช่เซียงหลิงที่ประคองนาง แต่เป็นนางที่แทบจะจับมือของเซียงหลิงไว้และดึงเซียงหลิงให้เดินไปกับนาง

เซียงหลิงที่อยู่ข้างหลังเอ่ยขึ้นว่า “ช้าลงหน่อยเถิดเจ้าค่ะนายหญิง มันจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้น องค์หญิงจะต้องโกหกท่านแน่ๆ! ท่านแม่ทัพรักและโหยหาเพียงแค่นายหญิงเท่านั้น... อ๊ะ!"

ใครจะไปคิดว่าทันทีที่พูดจบ เซียงหลิงที่อยู่ข้างหลังจะอุทานขึ้นมา เมื่อหลิ่วเหมยอู่หันกลับไปจึงเห็นว่านางทรุดลงไปกองบนพื้นอย่างอ่อนแรง

ร่มเงาของต้นไม้บดบังแสงจันทร์เอาไว้ แสงริบหรี่ของโคมไฟฉายแสงเรืองๆ ไปทั่วพื้น ช่างตัดกันกับใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเฉินเสียน แถมยังมีอวี้เยี่ยนที่กำลังถือไม้กระบองไว้ในมืออยู่อีกคน

หลิ่วเหมยอู่ตกใจ เมื่อครู่นางรีบเดินจึงไม่ทันสังเกตว่าสองคนนี้มาปรากฏตัวที่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไร!

เฉินเสียนกับอวี้เยี่ยนเฝ้ารออยู่ระหว่างทางไปศาลาริมทะเลสาบนานแล้ว เหลือเพียงแค่รอให้หลิ่วเหมยอู่ออกมาหาถึงที่

หลิ่วเหมยอู่อยากจะกรีดร้องตามสัญชาตญาณ

แต่เฉินเสียนเคลื่อนไหวเร็วกว่านางหนึ่งก้าว เธอก้าวไปข้างหน้า ใช้มือหนึ่งจับข้อมือของหลิ่วเหมยอู่ไว้แล้วพลิกฝ่ามือล็อกตัวนางไว้ พร้อมกันนั้นก็ใช้มืออีกข้างปิดปากของนาง

หลิ่วเหมยอู่สะบัดศีรษะและพยายามดิ้นรนขัดขืน แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เฉินเสียนกระซิบที่ข้างหูของนางด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ชู่ว... เหมยอู่คนดีของข้า อย่าส่งเสียงดังไป ไม่อย่างนั้นจะทำให้เป็ดแมนดารินคู่ชู้ชูชื่นตกใจเอานะ มา ข้าจะพาเจ้าไปดูการแสดงเด็ดๆ เองดีไหม”

น้ำเสียงที่ฟังดูสบายๆ ทะลุทะลวงเข้าไปในหูของหลิ่วเหมยอู่ ราวกับงูเลือดเย็นที่เลื้อยเข้ามาที่หัวใจและรัดหัวใจทั้งดวงของนางไว้แน่น แน่นจนนางอึดอัดและหายใจไม่ออก

หลิ่วเหมยอู่ทั้งกลัวทั้งคับแค้นใจ นางพยายามงอข้อศอกและกระแทกไปที่ท้องของเฉินเสียนเพื่อให้ง่ายต่อการหลบหนี

ทว่าความแข็งแกร่งของเฉินเสียนอยู่เหนือความคาดหมายของนาง ในตอนนั้นเธอเพียงแค่คว้าข้อศอกของหลิ่วเหมยอู่เอาไว้อย่างใจเย็นและออกแรงผลักไปข้างหน้า ไหล่ของหลิ่วเหมยอู่เคล็ด ความเจ็บปวดทำร่างกายของนางชักกระตุก แต่เพราะถูกปิดปากเอาไว้จึงส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้!

เฉินเสียนขมวดคิ้วและเอ่ยเรื่อยๆ ว่า “ไพ่ที่เจ้าวางลงมาข้ารับไว้แล้ว ตอนนี้ถึงตาข้าวางไพ่บ้างล่ะ เหมยอู่ มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าจะไม่เล่นแล้ว ข้าไม่ยอมหรอกนะ”

เธอพูดพลางปลดสายคาดเอวของหลิ่วเหมยอู่ออกอย่างง่ายดาย จากนั้นจึงมัดมือของหลิ่วเหมยอู่ไว้ด้านหลังโดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี