หลิ่วเหมยอู่สะอื้นไห้อยู่เงียบๆ
“เพียงแต่ไม่รู้ว่า ความเจ็บปวดที่เจ้าได้รับตอนนี้ จะเทียบได้ถึงครึ่งหนึ่งของความเจ็บปวดที่เจ้าแมวน้อยของข้าได้รับตอนที่ถูกเจ้าทรมาทรกรรมตามอำเภอใจไหม”
“เจ้าฆ่ามันลงได้อย่างไร? ไม่รู้หรือว่าต้องมีคนรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป... เหมยอู่ ตอนที่เจ้าแย่งชิงมันไป เจ้าทำเพียงแค่เพราะนึกสนุกงั้นหรือ”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็สะเพร่าเกินไปหน่อย” เฉินเสียนมีท่าทีอ่อนโยนราวกับปฏิบัติตัวต่อคู่รัก แต่เสียงกระซิบที่พ่นออกมาจากปากของเธอกลับทำให้หลิ่วเหมยอู่สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“การจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสของการสูญเสียของรักของหวงไปมันไม่ยากเลย ของรักของหวงของเจ้าคือฉินหรูเหลียงใช่ไหมล่ะ อะไรจะสนุกไปกว่าการได้เห็นเขาหักหลังเจ้าด้วยตาของตัวเอง ข้าไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายของเขาปรารถนาในตัวหญิงอื่น แต่จะทำให้หัวใจของเขาปรารถนาหญิงอื่นด้วย”
ลมพัดกรรโชกจนเสียงใบไม้ปลิวไหวดังไปทั่วสวน
ในศาลาตอนนี้ช่างคึกคักเร่าร้อน ความสนใจทั้งหมดของฉินหรูเหลียงพุ่งไปที่ความสุขทางกายเพียงอย่างเดียว เขาหารู้ไม่ว่าหลิ่วเหมยอู่ที่อยู่ในสวนแอพริคอตเห็นทุกอย่างหมดแล้วด้วยตาของนางเอง
ปากของเซียงซั่นพูดว่าไม่ แต่ร่างกายของนางกลับแสดงออกอย่างเร่าร้อน ทั้งสองเป็นประหนึ่งฟืนกับไฟ ที่ยิ่งใกล้กันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งลุกโชน
เฉินเสียนเอ่ยกับหลิ่วเหมยอู่อย่างหมดความสนใจ “ไม่รู้ว่าพวกเขาจะหยุดกันเมื่อไหร่เนอะ ขนาดควบม้าอยู่ในสนามรบแม่ทัพฉินมีแรงยืนหยัดได้นานจนน่าตกใจ บางทีเขาอาจติดพันจนถึงรุ่งสางก็เป็นได้ ส่วนที่เหลือคงไม่จำเป็นต้องดูต่อแล้วละ จะได้ไม่ไปรบกวนความสุขของพวกเขาทั้งคู่”
พูดจบเฉินเสียนก็ดึงหลิ่วเหมยอู่ออกไปจากสวนแอพริคอต ลากนางกลับไปยังสวนดอกพุดตาน
หลิ่วเหมยอู่พยายามดิ้นรนเมื่ออยู่ระหว่างทาง เฉินเสียนจึงเปลี่ยนมือไปคว้าเส้นผมที่ยาวสลวยของหลิ่วเหมยอู่ไว้ คราวนี้ไม่ต้องออกแรงมาก หลิ่วเหมยอู่ที่กำลังทุกข์ตรมก็ยอมให้เธอลากไปแต่โดยดี
อวี้เยี่ยนเองก็ออกแรงลากเซียงหลิงที่สลบไสลไม่ได้สติกลับไปยังสวนดอกพุดตานเช่นกัน เซียงหลิงร่วงลงไปกองอยู่ในเรือน ไม่ปริปรากส่งเสียงใดๆ
เฉินเสียนปล่อยมือและโยนหลิ่วเหมยอู่ลงบนพื้น
หลิ่วเหมยอู่ลงไปหมอบอยู่กับพื้น ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงและดูเหมือนคนจนตรอก
เฉินเสียนเหลือบมองไหล่ของนางและกล่าวว่า “กระดูกไหล่เจ้าเคลื่อน อยากให้ข้าทำให้มันกลับไปเหมือนเดิมไหม ถ้าปล่อยไว้จนถึงรุ่งเช้าแขนของเจ้าจะไม่คล่องตัวเหมือนดังก่อน แม่ทัพฉินอาจจะยิ่งรังเกียจเจ้าก็ได้นะ”
ในที่สุดหลิ่วเหมยอู่ที่กำลังสั่นเทาก็เงยหน้ามองเธอ
เฉินเสียนแบะปากพลางกล่าวว่า “เซียงหลินหมดสติไปแล้ว ถ้าข้าไม่เอาก้อนผ้าในปากของเจ้าออก เจ้าก็จะส่งเสียงไม่ได้ คืนนี้คงจะไม่มีผู้ใดมายังเรือนนี้อีกแล้ว หากมัวแต่รอจนถึงรุ่งสางเจ้าก็คงต้องยอมเสียแขนแล้วล่ะ”
เธอหันกลับไปและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่าถ้าเจ้าแมวน้อยตัวนั้นขนร่วงแม้แต่เส้นเดียว ข้าจะถลกหนังของเจ้าออกมา แต่เจ้าก็ไม่ฟังแถมยังท้าทายข้า ช่างกล้ามากนะเหมยอู่”
ขณะที่ก้าวออกไปได้เพียงสองก้าว หลิ่วเหมยอู่ก็ใช้ศีรษะกระแทกที่ขาของเฉินเสียนด้วยเรี่ยวแรงที่มี
เฉินเสียนหันกลับมามองแล้วเลิกคิ้ว “อยากให้ข้าต่อกระดูกให้งั้นหรือ”
หลิ่วเหมยอู่สะอื้นไห้แต่พูดออกมาไม่ได้ ในแววตาของนางมีทั้งความวิงวอนและความเคียดแค้น นางจะไม่ยอมเป็นคนพิการ ไม่เช่นนั้นนางจะสูญเสียโอกาสทั้งหมดไป!
เฉินเสียนเหยียดยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “ก็ได้ ข้าคิดเจ้าไม่แพงหรอก ข้าแค่ต้องการให้เจ้าตบหน้าตัวเองห้าสิบทีก็เท่านั้น”
หลิ่วเหมยอู่ถลึงตาใส่
เฉินเสียนกล่าวต่อว่า “ถ้ายอมรับก็แค่พยักหน้า แต่ถ้ารับไม่ได้ข้าก็ไม่บังคับเจ้า อวี้เยี่ยน กลับไปนอนกันเถอะ”
หลิ่วเหมยอู่ไม่รอให้เฉินเสียนหันหลังกลับและรีบพยักหน้าอย่างกล้ำกลืนฝืนทน
เฉินเสียนให้อวี้เยี่ยนคอยนับอยู่ข้างๆ และจับมือข้างที่กระดูกเคลื่อนของนางเอาไว้ นางจะได้ไม่มีโอกาสหลบหนี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...