ยังดีที่ซูเซี่ยนนั่งอยู่ตรงข้ามกับเย่ซวิ่น เพราะยังเด็กเขาจึงจดจ่อแต่การดูแสดงในห้องโถง เขาจิบชาพลางเพลิดเพลินกับการดูการแสดงอย่างตั้งใจ จึงไม่ได้สนใจว่าเย่ซวิ่นกำลังพูดอะไร
เย่ซวิ่นหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "เฉินเสียน หากท่านถูกใจคนไหน ก็เลือกไปสักคน รับประกันว่าค่ำคืนนี้พวกเขาจะปรนนิบัติรับใช้ท่านอย่างดี ท่านก็คิดเสียว่าพวกเขาเป็นคนที่ท่านอยากได้ แน่นอนว่ามันจะช่วยปลอบโยนท่านได้ดีเยี่ยม"
เฉินเสียนพูดขึ้นว่า : "ข้าว่าเจ้าคนอยากจะเจ็บตัว"
เสียงพิณที่อยู่ภายใต้นิ้วมือของเย่ซวิ่นยังคงดังก้องอย่างต่อเนื่อง เขาพูดขึ้นว่า : "ซูเจ๋อจากไปตั้งนาน สี่ปีแล้ว สี่ปีที่ท่านไม่แตะต้องชายอื่นใดเลย แม้ว่าจะไม่สนใจในเรื่องแบบนี้ แต่ก็คงยังมีความต้องการอยู่บ้าง หรือหากว่าท่านยังไม่ถูกใจพวกเขา งั้นข้าก็ยินดีจะปรนนิบัติท่านด้วยตัวข้าเอง"
เฉินเสียนอยากจะทุบตีเขาจริงๆ เธอเลิกคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ต่อให้ข้าหิวกระหายแค่ไหน ก็ไม่ควรกินไม่เลือกแบบนี้หรือเปล่า ทำไมข้าต้องไปหาคนที่รูปร่างเหมือนกับซูเจ๋อด้วยล่ะ ก็ในเมื่อซูเจ๋อตัวจริงอยู่ในวังนี้แล้วนี่นา"
เย่ซวิ่นจึงพูดขึ้นว่า : "จริงหรือ? ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ทำไมท่านถึงยังคว้าเขามาครอบครองไม่ได้ล่ะ? ค่ำคืนนั้นเขาบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าเขามีครอบครัวใหม่แล้ว"
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ เฉินเสียนปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ซูเจ๋อได้ให้ความสุขและความอิ่มเอมแก่เธอ ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่ระหว่างเธอและเขากลับไม่มีความรู้สึกของคนแปลกหน้าเลย เธอและเขายังคงคุ้นเคยและสนิทสนมกันจนพลอยทำให้เธอลุ่มหลงไปเสียด้วยซ้ำ
หากไม่ใช่เพราะเย่ซวิ่นหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เธอเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เมื่อได้ยินอีกครั้งก็ยังรู้สึกแทงใจดำเหมือนเดิม
เฉินเสียนนึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมา เหมือนว่าเธอจะลืมเรื่องสำคัญบางเรื่องไป จู่ๆ ในใจก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาราวกับว่ากำลังถูกเข็มทิ่มแทงก็ไม่ปาน ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวด แต่มันเหมือนเป็นการเรียกสติของเฉินเสียนคืนมา เธออยากจะเถียงแทนซูเจ๋อบ้าง
แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอควรจะเถียงอะไรยังไง เธอเหมือนจะจำได้เลือนราง แต่ไม่ว่าจะนึกยังไงก็นึกไม่ออก
เย่ซวิ่นเห็นเธอเงียบไม่พูดอะไร เขาจึงฉีกยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ไม่เพียงเท่านั้นนะ ได้ยินมาว่าเขามีความชอบอย่างอื่นอีกด้วย เขาไม่ใช่ซูเจ๋อคนเดิมที่อยู่หรือตายแทนท่านอีกต่อไปแล้ว”
เฉินเสียนสติหลุดไปชั่วขณะ เธอไม่เข้าใจความหมายของคำพูดเย่ซวิ่น และเวลานี้เอง ชายที่มีรูปร่างคล้ายกับซูเจ๋อคนนั้น เมื่อได้รับสัญญาณจากเย่ซวิ่นแล้ว ก็ค่อยๆ ก้าวเข้ามาข้างหน้า คำนับลงแทบเท้าเฉินเสียน
เย่ซวิ่นค่อยๆ ฝ่าแนวป้องกันของเฉินเสียนอย่างใจเย็น เขารู้ดีว่ายิ่งเขาแสดงความก้าวร้าวมากขึ้นเท่าไหร่ ผู้หญิงคนนี้ก็จะยิ่งระวังตัวเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
เธอไม่ใช่คนที่จะถูกจัดการง่ายๆ ได้
ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะใช้คนอื่นมาเกลี้ยกล่อมและดึงดูดเธอแทน เมื่อเขาสามารถทำลายความสัมพันธ์ของเธอและซูเจ๋อลงได้ เขาถึงจะมีโอกาสขึ้นมา
เย่ซวิ่นไม่ได้คาดหวังให้เรื่องในค่ำคืนนี้สำเร็จลุล่วง เพียงแค่ให้ซูเจ๋อมาเห็นกับตาว่าเธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของชายรูปงามก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?
ลานสวนแห่งนี้เงียบสงบเป็นอย่างมาก และค่ำคืนนี้พวกเขาได้ก่อความวุ่นวายเสียงดังขนาดนี้ เขา……คงใกล้จะมาแล้วกระมัง
ชายคนที่แทบชายกระโปรงของเฉินเสียนคนนั้น เมื่อเห็นว่าเฉินเสียนไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ จึงได้ใจกล้าขึ้นมา
สตรีที่อยู่เบื้องบนผู้นี้ เป็นถึงองค์จักรพรรดินีที่สูงส่งแห่งราชอาณาจักรต้าฉู่ หากได้รับความโปรดปรานจากพระองค์ ก็คงจะไม่ต้องลำบากไปตลอดชีวิต
ฉะนั้น เขาจึงเอื้อมมือออกมาอย่างใจกล้า ค่อยๆ ลูบไล้มาตามชายกระโปรงของเฉินเสียนขึ้นมาช้าๆ สัมผัสขาของเธออย่างเบามือ
เฉินเสียนนึกเหตุการณ์หลังจากที่เธอเมาเหล้าในวันนั้นไม่ออก ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เพราะการสัมผัสของเขาเธอจึงได้สติขึ้นมา เฉินเสียนมองไปยังชายรูปงามที่อยู่ตรงเบื้องหน้า เธอรีบคว้าข้อมือของเขา สีหน้าเต็มไปด้วยท่าทีที่รังเกียจ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?”
ชายรูปงามสีหน้าซีดเผือดไปในทันที
เฉินเสียนไม่เหลือทางหนีทีไล่เลยแม้แต่นิดเดียว แรงมือของเธอน่ากลัวกว่าที่เขาคิดไว้มาก ความเจ็บและความปวดพุ่งมายังข้อมือของเขา ราวกับว่าข้อมือของเขาจะถูกบีบให้แหลกละเอียดก็ไม่ปาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...