ในขณะที่บรรยากาศภายในท้องพระโรงที่ครึกครื้นรื่นเริงนั้น ในวังหลังที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาวก็ดูว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระตำหนักฉีเล่อ โคมไฟสลัว ๆ แกว่งไปมา
วันนี้เป็นวันมงคลพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสของเฉินเสียนและซูเจ๋อ โดยเย่ซวิ่นไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อน
เขาก็เหมือนกับฉินหรูเหลียง ที่คิดว่างานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขาแต่อย่างใด เขาแทบไม่อยากเห็นภาพที่เฉินเสียนและซูเจ๋อแสดงความรักซึ่งกันและกัน
ในท้ายที่สุด เธอก็ได้เดินเคียงคู่และอยู่ร่วมกับซูเจ๋อ
ไม่ว่าเขาจะขัดขวางอย่างไร ก็ไม่สามารถขัดขวางไว้ได้
และภายในพระตำหนักฉีเล่อก็ไม่ขาดแคลนเหล้า เย่ซวิ่นดื่มเหล้าอย่างหนักในห้องนอนของตัวเอง เขาต้องการจะมอมเหล้าตัวเองให้เมา เพื่อไม่ต้องรับรู้เรื่องราวใด ๆ และนอนหลับไป ราวกับทั้งหมดคือความฝัน
เย่ซวิ่นนอนอยู่บนเก้าอี้ไม้ยาว และที่พื้นก็เต็มไปด้วยเหยือกเหล้ากระจัดกระจาย
นางกำนัลที่ปรนนิบัติรับใช้เขาอยู่ทุกวันได้เข้ามาเกลี้ยกล่อม "องค์ชายหกเพคะ องค์ชายเมามากแล้ว หยุดดื่มได้แล้วเพคะ"
เย่ซวิ่นใช้เวลานานพอสมควรก่อนที่จะเอียงศีรษะและมองไปด้านข้างของเขา นางกำนัลคนนี้มีรูปลักษณ์ที่ละเอียดอ่อน และสายตาของเขาอยู่ในความงุนงง โดยเห็นนางเป็นเฉินเสียน
ทำให้เขาคว้าข้อมือของผู้หญิงคนนั้นแล้วดึงลงมาบนเก้าอี้ตัวยาวแล้วกดทับนาง
นางกำนัลรู้สึกตกตะลึงมากในตอนแรก แต่ในเมื่อเจ้านายของนางต้องการร่างกายของนาง และตอนหลังนางก็ไม่ปฏิเสธเขา
เสื้อผ้าของทั้งสองคนหลุดล่อน เย่ซวิ่นเห็นนางเป็นนางกำนัลและเฉินเสียนสลับไปมา และเมื่อเขาจะเข้าถึงร่างกายของนาง เยซวิ่นก็พบว่านอกจากไฟที่ชั่วร้ายในใจของเขาแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ไม่มีความต้องการ!
บางทีเขาอาจต้องการหลอกตัวเองและคนอื่น ๆ แต่ร่างกายของเขาซื่อสัตย์กับตัวเองมาก เขารู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาต้องการใครกันแน่
ในที่สุดเย่ซวิ่นก็ผลักนางกำนัลออกไป งและนอนลงอีกครั้ง พูดด้วยความเมามายว่า "ออกไป"
เมื่องานเลี้ยงเฉลิมฉลองใกล้จะจบสิ้นลง เฉินเสียนและซูเจ๋อกลับไปประทับยังสถานที่แห่งใหม่ที่จัดไว้ ท่ามกลางนางกำนัลที่รายล้อมอยู่นั้น
ซูเจ๋อยังคงมีสติตั้งแต่เริ่มต้นจนจบงานเลี้ยง แต่เฉินเสียนกลับมีอาการเมาเล็กน้อย ซูเจ๋อพยุงเอวของเธอไว้ เธอรู้สึกว่ามือของเขานุ่มนวลมาก
เฉินเสียนรู้สึกตัวเบาราวกับบินได้ เธอกล่าวกระซิบกับซูเจ๋อ "ซูเจ๋อ ครั้งนี้เป็นงานแต่งงานของท่านกับข้า ทั้งหมดนี้จัดเตรียมขึ้นเพื่อท่านกับข้า"
โต๊ะถูกปูด้วยผ้าไหมสีแดง เทียนสีแดงบนเชิงเทียนสีทองกำลังลุกโชน และถาดผลไม้ที่มีถั่วลิสง อินทผาลัม และลำไย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความหมายมงคล วางอยู่ในถาดผลไม้ทรงสูง
เฉินเสียนแตะผ้าไหมสีแดงบนโต๊ะด้วยปลายนิ้วมือของเธอ หรี่ตาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม "แต่น่าเสียดาย เราสองคนไม่สามารถกราบไหว้ฟ้าดินแบบคนธรรมดาได้ แต่พิธีบูชาบวงสรวงสวรรค์ก็เปรียบเสมือนกับการกราบไหว้ฟ้าดิน"
เธอมองไปที่ซูเจ๋ออย่างมึนงง จากนั้นยกมือขึ้นปัดผมข้างหูของเธอ แตะมงกุฎหงส์ราชินีบนศีรษะของเธอแล้วกล่าวว่า "ข้าไม่มีผ้าคลุมหน้าสีแดง ท่านก็ไม่มีไม้ยาวขอพรเพื่อเปิดผ้าคลุมหน้าของข้า"
จากคำพูดของเฉินเสียน ซูเจ๋อก็นึกภาพอะไรยางอย่างได้เป็็นสัดส่วนเล็ก ๆ ในหัวของเขา
ซูเจ๋อเดินไปที่ข้าง ๆ โตณะ รินเหล้าสองแก้วเพื่อดื่มแลกแก้วสุรา เขาส่งแก้วเหล้าให้เฉินเสียน และกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า "งั้นแก้วใบนี้ ใส่ยาไว้หรือไม่?"
เฉินเสียนคล้องแขนกับเขา มองขึ้นไปที่เขาด้วยดวงตาเป็นประกาย ยิ้มและกล่าวว่า "ครั้งนี้ข้ากล่าวเตือนเฮ่อโยวไว้แล้ว ไม่ให้เขาใส่ยาลงไป"
ซูเจ๋อยกริมฝีปากขึ้นและกล่าวว่า "จริงหรือ งั้นเชิญท่านร่วมกันดื่มกับข้า"
เมื่อเฉินเสียนอ้าปากจะดื่ม เธอรู้สึกราวกับว่าเธอเข้าใจบางอย่างที่สำคัญในทันใด แต่ซูเจ๋อหยิบแก้วเหล้าออกไปทันที และจูบอันอบอุ่นก็ถาโถมเข้ามาในทันที ทำให้เธอไม่ทันได้คิดอะไร
ซูเจ๋อจูบเธอ และไล่ลิ้นลงลึกเข้าไปภายในปากของเธอที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า เขาจูบอย่างเมามาย และมือก็เอื้อมไปถอดมงกุฎหงส์ราชินีของเธอออก และดึงปิ่นปักผมของเธอ ทันใดนั้นเส้นผมก็ตกลงไปราวกับฝัน
ซูเจ๋อใช้นิ้วลูบไล้คิ้วของเธอและกล่าวว่า "ท่านช่างสวยงามเหลือเกิน"
จากนั้นซูเจ๋อก็อุ้มเธอขึ้นมา และกดเธอลงบนเตียงอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...