เหมยอู่เข้าใจฉินหรูเหลียง นางได้ยินเด็กรับใช้ที่อยู่ด้านนอกประตูพูดว่าหญิงผู้นั้นมาหาฉินหรูเหลียง บนใบหน้าฉินหรูเหลียงเรียบเฉยเย็นชา แต่อารมณ์ที่แสดงออกมามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เหมยอู่มั่นใจ เขารังเกียจตนเองมาก ก็ไม่มีทางผลักไสตนเองออกไปในเวลานี้หรอก
เป็นอย่างที่คิดไว้ ฉินหรูเหลียงมองนางด้วยสายตารังเกียจเย็นชาเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายมือก็ไม่ได้ผลักไสนางออก
เหมยอู่หาความรักและทะนุถนอมในสายตาของเขาไม่เจออีกแล้ว แต่นางยังยึดติดกับช่วงเวลานี้ แช่อิ่มตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เหมยอู่เอื้อมมือกอดฉินหรูเหลียงกลับ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมามากมาย กล่าวสะอึกสะอื้นว่า “ท่านแม่ทัพ…....เหมยอู่คิดถึงท่านแม่ทัพมาก .......ท่านพาเหมยอู่ออกไปได้หรือไม่เจ้าคะ?”
จาวหยางยืนมึนงงอยู่หน้าประตู
นายทหารคนอื่นที่อยู่บนห้องโถงเห็นหญิงงามนางหนึ่งยืนอยู่ใต้แสงไฟ และสายตาชายนับไม่ถ้วนมองดูก็รู้ เธอยังเป็นดอกไม้ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีแต่ไม่ได้มีสันดานที่ชั่วร้าย เป็นดอกไม้ที่ยังไม่เคยถูกเด็ด อดไม่ได้ที่จะสายตาเปล่งประกาย
ฉินหรูเหลียงถึงได้เบิกตาขึ้นช้าๆ หน้าไร้อารมณ์มองไปที่จาวหยาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
เดิมเหมยอู่คิดว่า ผู้หญิงอย่างจาวหยางนี้ มองเห็นฉินหรูเหลียงกำลังกอดอยู่กับหญิงอื่น จะต้องออกไปโดยไม่พูดไม่จาอย่างแน่นอน
น่าเสียดายจาวหยางไม่ไป
จาวหยางเห็นนางระบำบนห้องโถง และผู้ชายปะปนอยู่ด้วยกัน เหตุการณ์ด้านหน้าไม่ควรเข้ามาในสายตาเลย นางก็ยังยกฝีเท้าก้าวเข้าไป แล้วหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะของฉินหรูเหลียง
เหมยอู่ที่อิงแอบซบอยู่ในอ้อมกอดของฉินหรูเหลียง น้ำตาคลอเบ้า น่าสงสารเป็นอย่างมาก ตอนที่มองเห็นจาวหยาง กลับมีความโปปดเสแสร้งและแสดงออกอย่างเปิดเผย
จาวหยางหลุบเปลือกตาลงมองเหมยอู่
เดิมเป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดีคนหนึ่ง เวลานี้แววตาลึกซึ้งสงบ เหมยอู่อ่านไม่ออกเลยว่าสรุปนางเป็นทุกข์หรือไม่เป็นทุกข์
จาวหยางนิ่งสงบเกินความคาดหมาย ทันทีหลังจากนั้นแสยะริมฝีปากขึ้น ทำให้ปรากฏเห็นรอยยิ้ม นางกล่าวกับฉินหรูเหลียงว่า “ท่านชอบนางหรือ? เช่นนั้นสายตาท่านแย่เกินไปแล้ว หรือว่าท่านสามารถรับหญิงสาวอื่นที่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามมาอิงแอบชิดชอบอยู่ในอ้อมอกได้แล้ว?”
ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้วขึ้น กล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”
“ใช่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า”จาวหยางกล่าว“ข้าเพียงแค่นึกย้อนเมื่อปีนั้น นำท่านมาไว้ในใจ เวลานั้นแม้ว่าท่านจะเงียบขรึมพูดน้อย แต่มิสู้ตอนนี้ที่ละทิ้งตนเองใฝ่ต่ำเยี่ยงนี้ ท่านอยากใฝ่ต่ำ แล้วแต่ท่านเลย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้า ข้าไม่ใช่ท่านแม่ของท่านนี่”
พูดจบ จาวหยางได้โค้งตัวลงไปหยิบไหเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะของฉินหรูเหลียง เงยหน้าขึ้นแล้วดื่มเข้าไปในปาก
ฉินหรูเหลียงอยากจะรั้งก็ไม่ทัน เขามีสีหน้าที่ยากจะอธิบายมองจาวหยางที่ไม่สนใจนำเหล้านั้นดื่มจนหมด น้ำเหล้าไหลอาบลงมากจากคางของเธอ ชุดเปียกชื้น แต่บนร่างกายตัวของเธอกลับมีความดื้อรั้นที่แตกต่างออกไป
จาวหยางยกไหเหล้าที่ว่างเปล่าขึ้น ตามด้วยโยนลงบนพื้น แตกละเอียดไม่มีชิ้นดีเลย
นางหัวเราะเยาะ แล้วกล่าวว่า “ข้านึกว่าเหล้านี้จะอร่อยแค่ไหน ที่แท้ก็ไม่ได้เท่าไหร่ หากท่านชอบ เชิญท่านต่อเลย”
จาวหยางหมุนตัวเดินออกไป แต่ทว่าช่วงทีหมุนตัวนั้น ดวงตาก็แดงก่ำแล้ว
ตั้งแต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยโมโหเยี่ยงนี้ แต่จิตใจและฐานะที่มีเกียรติสูงส่งของครอบครัวกษัตริย์ที่ปลูกฝังนางมาเมื่อเยาว์วัย บอกนางว่าต่อให้พ่ายแพ้ยับเยิน ก็ต้องแพ้อย่างสง่างามสุขุม อย่าให้ฝั่งตรงข้ามเห็นว่าจนตรอก
นางเป็นคนที่ปล่อยวางได้ ครั้งนี้ที่มาต้าฉู่ นับว่าได้รับคำตอบแล้ว ดังนั้นไม่ใช่ว่ามาอย่างว่างเปล่าไม่ได้อะไร
หลังจากที่จาวหยางไป ประตูห้องโถงว่างเปล่า เธอไม่ได้หันหลังกลับมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...