ท่านอ๋องมู่จะรู้เข้าใจอย่างชัดเจนเรื่องความคิดเหล่านั้นของลูกสาวตนเองที่ไหนกันล่ะ จนกระทั่งรวมถึงไม่รู้ว่าเหตุใดจาวหยางได้คิดหาหนทางไปที่ต้าฉู่และยิ่งกว่านั้นก็ไม่รู้ว่านางมีคนที่ถูกใจหมายปองเมื่อไหร่ คนที่นางรักและถูกใจเป็นผู้ใด
ท่านอ๋องมู่ไม่ได้มีภาพความประทับใจที่พิเศษกับฉินหรูเหลียง รู้เพียงว่าเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของต้าฉู่ เป็นบุคคลที่มีความสามารถ อายุน้อยและรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา
แต่ทว่าไม่ได้มีการเชื่อมสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันกับเขาและบุตรสาวของเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่เรื่องนี้ดูแล้วคล้ายดั่งไม่ได้มีสาเหตุอะไรที่พิเศษและยุติลง เพราะว่าต่อมาจาวหยางกับฉินหรูเหลียงราวกับไม่ได้มีการคลุกคลีกัน และนางก็ไม่ได้อยู่ที่ต้าฉู่นานด้วย
รอหลังจากที่ท่านอ๋องมู่ปรึกษาหารือเรื่องของเป่ยเซี่ยกับต้าฉู่เรียบร้อยแล้ว ก็จะพาจาวหยางกลับออกไปจากต้าฉู่เลย
แม้แต่แจ้งล่วงหน้านางก็ไม่ได้แจ้งฉินหรูเหลียงเลย
หลังจากที่ท่านอ๋องมู่กลับไป ในเมืองหลวงขาดร่างแน่งน้อยที่คึกคักร่าเริงไปคนหนึ่ง ฉินหรูเหลียงถึงได้รู้ว่า นางน่าจะไปด้วยกันแล้ว
ในเมืองหลวงนี้ สำหรับนายทหารเป็นสถานที่บรรเลงดนตรีเคล้าสุรานารี
บางทีเขาอาจจะไม่ควรซึมเซาอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว
จาวหยางกลับไปไม่นาน ฉินหรูเหลียงก็เข้าพระราชวังเพื่อไปเข้าเฝ้า และขอให้แต่งตั้งไปเป็นทหารดูแลตรงเขตชายแดน
เฉินเสียนไม่ใช่ไม่รู้ ก่อนหน้านี้พักหนึ่งฉินหรูเหลียงอาศัยดื่มเหล้าผ่านไปวันๆ บางทีสำหรับเขา ห่างไกลจากเมืองหลวงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
เฉินเสียนกล่าวถามเขาว่า “ท่านอยากไปตั้งมั่นและรักษาป้องกันทีใดหรือ?”
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “แม่ทัพโฮ้วอายุมากแล้ว กระหม่อมอยากไปหนานเจียงพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนคิดแล้วคิดอีก กล่าวว่า“แม้ว่าแม่ทัพโฮ้วจะอายุมากแล้ว แต่ทางหนานเจียงได้ฝึกอบรมนายทหารชั้นสูงที่มีความสามารถมาหนึ่งรุ่นแล้ว นับว่ามีรุ่นหลังตามมาแล้ว มิสู้กับท่านไปที่เป่ยเจียงพรมแดนทางตอนเหนือ ว่าอย่างไร?”
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ฉินหรูเหลียงเป็นแม่ทัพของต้าฉู่ แต่เพื่อไปสนับสนุนทางเป่ยเจียงพรมแดนทางตอนเหนือ ทหารสามเหล่าทัพเป่ยเจียงต้องฟังประกาศคำสั่งในกองทัพจากเขา และเฝ้าระวังจุดยุทธศาสตร์ชายแดน
ตอนที่จะส่งเขาออกเดินทาง ทั้งสองคนต่างร่วมดื่มเหล้าด้วยกัน
เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ติดอยู่ที่ใจของฉินหรูเหลียงวนไปวนมา แต่ทว่าสุดท้ายคำเดียวก็กล่าวออกมาไม่ได้
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ ได้รับความสุขที่เธอต้องการมากที่สุดแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่ควรที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเธออีก เขาสามารถไปอยู่ที่ชายแดนได้ เพื่อปกป้องดินแดนให้กับเธอ ทุ่มเทสติปัญญาและความสามารถ ตราบจนชีวิตจะหาไม่เพื่อเธอ
เฉินเสียนวางจอกเหล้าลง กล่าวว่า “ถึงเป่ยเจียงแล้ว หากที่นั่นมีหญิงสาวที่เหมาะสมไม่เลว ท่านก็แต่งงานเถิดนะ ตอนที่แต่งงานอย่าลืมที่จะเขียนจดหมายเข้ามาบอกในเมืองหลวงด้วยล่ะ”
ในมือของฉินหรูเหลียงคีบจอกเหล้าอยู่ ชำเลืองมองเธอ แล้วกล่าวว่า “พระองค์ต้องการมาดื่มเหล้าในงานแต่งหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เฉินเสียนยิ้มแล้วกล่าวว่า “ดื่มเหล้าในงานแต่งหนึ่งจอกไม่เกินไปหรอกมั้ง ต่อให้ไปไม่ทันดื่มเหล้าแสดงความยินดีในงานแต่ง ข้าก็ต้องส่งคำอวยพรให้”
“แต่หากว่ากระหม่อมแต่งภรรยา คนที่กระหม่อมไม่อยากเจอที่สุดน่าจะเป็นพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนชะงักงัน
ฉินหรูเหลียงวางจอกเหล้าลง กล่าวอีกว่า “แต่ฝ่าบาทคิดมากไปแล้ว เป็นไปได้ที่กระหม่อมจะไม่แต่งภรรยา”
“ท่านแม่ทัพอายุน้อย ไม่แต่งภรรยาเป็นฝั่งเป็นฝา หรือว่าจะอยู่ลำพังไปจนแก่?”
ฉินหรูเหลียงลุกขึ้น ในมือม้วนถือเสื้อกันลมอยู่ หมุนตัวแล้วเดินไป จากนั้นกล่าวว่า “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน หากไม่มีผู้ที่เหมาะสม อยู่ลำพังจนแก่ก็ไม่เลว หลีกเลี่ยงการแต่งภรรยาเป็นคู่เวรคู่กรรม ต่างฝ่ายต่างผิดหวัง”
คนผู้นี้พูดบอกกล่าวว่าปล่อยวางแล้ว แต่ทว่าต้องให้เธอให้เขาอยู่ลำพังจนแก่ นี่เป็นการปล่อยวางลงแล้วหรือไม่?
ฉินหรูเหลียงเดินไปไม่กี่ก้าว เฉินเสียนกล่าวอย่างราบเรียบขึ้นทันทีว่า “ข้าให้เวลาท่านเพียงแค่หนึ่งปี”
ฉินหรูเหลียงชะงักฝีเท้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...