ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 744

สรุปบท บทที่ 744 แต่บังเอิญนางเป็นภรรยาของข้า: ข้าคือหงส์พันปี

ตอน บทที่ 744 แต่บังเอิญนางเป็นภรรยาของข้า จาก ข้าคือหงส์พันปี – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 744 แต่บังเอิญนางเป็นภรรยาของข้า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ข้าคือหงส์พันปี ที่เขียนโดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

จาวหยางรักษาคำพูดและเดินจากไปด้วยตัวเอง นางหายไปจากสายตาของฉินหรูเหลียงโดยที่ไม่มีคำบอกลาเลยแม้แต่คำเดียว

นางออกไปจากเป่ยเซี่ย ออกไปจากจวนของฉินหรูเหลียง หลังจากนี้ต่อไปสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของนางคือหนทางอันกว้างใหญ่ไพศาลที่นางจะมุ่งหน้าต่อไป

กาลเวลาหมุนผ่านไป จาวหยางได้ท่องเที่ยวไปยังถนนหลายสาย ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรมากมาย บุคลิกของนางเริ่มกลมกลืนไปกับวิถีชีวิตและสภาพสังคมเหล่านี้ นางได้ชิมชาที่เจียงหนาน ได้คุยเล่นกับหญิงชราซึ่งขายขนมเข่งและซุปลูกบ๊วยอยู่ในตรอกเล็กๆ ได้แกล้งปลอมตัวเป็นผู้ชายเข้าไปในโรงเตี๊ยมและโรงน้ำชา ร่วมสังสรรค์พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเฮฮากับผู้คนที่เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ

จนกระทั่งวันหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ จาวหยางรู้สึกได้ว่าไม่ว่านางจะไปไหน จะมีคนพวกหนึ่งคอยตามนางอยู่เสมอ ไม่ว่าจะทำเช่นไรนางก็สลัดจากคนพวกนั้นไม่พ้น

ฉินหรูเหลียงอยู่ไกลจากเมืองชายแดน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปตามหานางด้วยตัวเอง แต่ก็มักจะมีจดหมายสองสามฉบับซึ่งส่งมาจากทั่วอาณาจักรต้าฉู่วางอยู่บนโต๊ะของเขาเสมอ

เขานั่งลงที่โต๊ะและเปิดจดหมายออกอ่าน ในจดหมายเขียนบอกไว้ว่าจาวหยางไปที่ไหนมาบ้าง ทำอะไรไปบ้างและตอนนี้ปลอดภัยดีหรือไม่ เขารู้สึกราวกับว่าตนเองมีสายตาคู่หนึ่งที่ช่วยออกไปมองทัศนียภาพที่งดงามภายนอกแทนเขา มีสองเท้าที่ช่วยพาเขาเดินไปตามลำน้ำและภูเขาต่างๆ ในขณะที่เขาคอยเฝ้ารักษาการอยู่ที่ชายแดนตลอดเวลา

ฉินหรูเหลียงเริ่มอ่านจดหมายจนติดเป็นความเคยชิน

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามุมปากที่เคร่งขรึมอยู่เป็นนิจของเขามักจะกระดกขึ้นทุกครั้งที่เปิดจดหมาย

ในช่วงสองปีมานี้เขาไม่ได้ออกไปตามหานาง แต่เขาส่งคนของตัวเองให้คอยติดตามนางไปทุกที่ ฉินหรูเหลียงไม่ได้จะเข้าไปก้าวก่ายว่าจาวหยางจะไปทำอะไรที่ไหน เพียงแต่เขาต้องปกป้องดูแลความปลอดของนางก็เท่านั้น

ถึงอย่างไรนางก็เป็นองค์หญิงและเป็นภรรยาในนามของเขา

แต่แล้ววันหนึ่งเนื้อหาในจดหมายที่คนของเขาส่งมาก็เปลี่ยนไป

จาวหยางสังเกตได้ว่ามีใครบางคนกำลังติดตามนางและนางพยายามทุกวิถีทางเพื่อสลัดให้หลุดจากคนผู้นั้น ด้วยเหตุนี้นางจึงทั้งปลอมตัว ทั้งพยายามสร้างปัญหา พยายามลองทำทุกอย่างขอเพียงแค่ให้นางหนีรอดไปได้

คนของเขายังเขียนมาบอกอีกว่าจาวหยางกำลังร่วมเดินทางไปกับชายผู้หนึ่ง ทั้งสองคนคุยกันหัวเราะต่อกระซิกดูสนิทสนมกันมาก

ผู้ติดตามของเขาไปตรวจสอบประวัติของชายผู้นั้นมาแล้ว เขามาจากครอบครัวที่มีฐานะและยังไม่ได้แต่งงาน ทั้งยังใส่ใจจาวหยางมาก นอกจากนี้เขายังเดินทางไปทำการค้าได้ทุกๆ ที่ ไม่ว่าเมื่อไรเขาก็มักจะเดินทางไปที่เดียวกับจาวหยางเสมอ เห็นได้ชัดเจนมากว่าเขาชอบนาง

ฉินหรูเหลียงนั่งอยู่ที่โต๊ะ แสงสว่างจากนอกหน้าต่างส่องกระทบลงมาบนร่างกายของเขารวมถึงบนโต๊ะตรงหน้า ขับให้โครงร่างของเขายิ่งดูโดดเด่น และทำให้โต๊ะตรงหน้าขาวสว่างจนดูพร่าเลือน

เขาตบจดหมายลงบนโต๊ะ คราวนี้มุมปากของเขายกไม่ขึ้นอีกต่อไป

ฉินหรูเหลียงขี่ม้าเร็วออกไปจากเมืองในวันนั้น

ภายในใจของเขารู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกและเขาก็เร่งร้อนอยากจะระบายมันออกมา

ในตอนที่ฉินหรูเหลียงตามหาจาวหยางในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งจนพบ นางกำลังดื่มชาอยู่ในโรงน้ำชากับผู้ชายที่ถูกกล่าวถึงในจดหมาย

สายฝนที่ตกปรอยๆ อยู่ด้านนอกดูประหนึ่งเส้นไหม

ฉินหรูเหลียงไม่ได้พกร่ม ไหล่กว้างของเขาเปียกเล็กน้อยขณะที่เดินไปตามถนนซึ่งปูด้วยแผ่นหิน บนเส้นผมซึ่งเป็นสีดำราวกับหมึกถูกปกคลุมไปด้วยละอองฝนพร่างพราว ความเยียบเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายสูงใหญ่ยิ่งเสริมให้ใบหน้านั้นเย็นชาจนทำให้คนแปลกหน้าไม่กล้าเข้าใกล้

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงน้ำชา เขาก็เห็นจาวหยางนั่งอยู่ที่ข้างหน้าต่างโดยมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างกาย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มซึ่งแตกต่างจากรอยยิ้มอันสดใสและไร้เดียงสาดั่งเช่นวันวาน เป็นรอยยิ้มที่ผลิบานอย่างโดดเด่นหลังจากผ่านพ้นหิมะและความหนาวเย็น ดูสุกสกาวยิ่งกว่าที่เคย

ฉินหรูเหลียงรู้สึกเสียดแทงเข้าไปในใจทันทีอย่างไม่มีเหตุผล ต่อมาเขาจึงคิดได้ว่าอาจจะเป็นเพราะหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เขาจึงบังคับให้นางเติบโตขึ้น

จาวหยางบังเอิญหันหน้ามาและเห็นฉินหรูเหลียงเข้าพอดี

รอยยิ้มบนใบหน้าของนางชะงักงัน จาวหยางมองเขาตาค้างและคิดว่าตนเองตาฝาดไป ทันใดนั้นร่างทั้งร่างของนางก็แข็งทื่อ

ชายที่อยู่ข้างกายหันไปมองฉินหรูเหลียงและถามอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่า “ท่านรู้จักเขาหรือ”

ไม่ว่านางจะดิ้นรนอย่างไร ฉินหรูเหลียงก็ไม่แยแส

กว่าจะเข้ามาถึงโรงเตี๊ยม ทั้งสองคนก็ตัวเปียกโชก ฉินหรูเหลียงอุ้มจาวหยางไปขอเช่าห้องพัก ทว่าจาวหยางต่อต้านตลอดเวลาจนดึงดูดสายตาของผู้คนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เลยมีคนพาลคิดไปว่าฉินหรูเหลียงเป็นคนเลวที่คิดจะรังแกสตรี

ทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “แม่นางผู้นั้นไม่เต็มใจ เหตุใดเจ้าจะต้องบังคับนางด้วย รีบปล่อยนางเสียดีกว่า หากไปแจ้งให้ทางการรู้ละก็ เจ้าจบไม่สวยแน่”

ฉินหรูเหลียงจ่ายค่าห้องอย่างไม่สะทกสะท้านและเดินขึ้นไปบนบันได เขาก้าวเดินอย่างสงบและหยุดชะงักนิดหนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับไปมองผู้ที่พูดขึ้นเมื่อครู่ด้วยแววตาที่วาววับและเย็นชา “ข้าทะเลาะกับภรรยาของข้า ทางการจำเป็นจะต้องมายุ่งด้วยหรือ”

ที่แท้พวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน คนที่พูดเมื่อครู่จึงได้แต่ทำหน้าแหยๆ

จาวหยางไม่ต้องการก่อเรื่องจนดูน่าเกลียด ถ้ามีเรื่องมีราวจนรู้ไปถึงทางการ ทุกคนคงจะอับอายขายหน้าเป็นแน่ ดังนั้นเมื่อฉินหรูเหลียงอุ้มนางขึ้นไปในห้องชั้นบน นางจึงเอาแต่ซุกหน้าและไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา

หลังจากเข้าไปในห้อง ฉินหรูเหลียงก็โยนผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งมาคลุมไว้บนศีรษะของนาง จากนั้นจึงเช็ดผมที่เปียกน้ำฝนให้

ทันใดนั้นภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด

จาวหยางเช็ดผมของตัวเองอย่างเงียบเชียบและเริ่มรู้สึกสงบลง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า “ข้าไม่คิดว่าท่านจะหาที่นี่เจอ นานมากแล้วจริงๆ ที่ไม่ได้พบกัน”

ฉินหรูเหลียงมองนางและเอ่ยว่า “ถ้าข้าไม่มาหาท่าน ไม่ใช่ว่าท่านคงหนีหายไปใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายอื่นอย่างสบายใจแล้วหรือ”

จาวหยางเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “คุณชายโจวผู้นั้นเป็นคนดี เราเป็นสหายที่ดีต่อกัน หนีหายกันไปอะไรของท่าน”

ฉินหรูเหลียงเลิกคิ้วและกล่าวว่า “ตอนที่ท่านอยู่ในโรงน้ำชาเมื่อครู่นี้ เขาพูดกับปากว่าสาวงามย่อมเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม แบบนี้ท่านจะยังมองว่าเขาเป็นสหายที่ไม่มีสิ่งใดในใจแอบแฝงอีกรึ”

จาวหยางรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที นางเอ่ยว่า “นั่นมันก็เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านเสียหน่อย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี