ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง นิยาย บท 102

“ชิ มาเถียงกับฉัน!” เจ้าของร้านเคราแพะยิ้มเย็น

ในขณะที่สวี่ฉิงกับสวี่จื้อจุนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เจียงเฉิงก็เดินเข้ามาพอดี

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เจียงเฉิงถาม

“พ่อซื้อภาพวาดหนึ่ง นึกว่าเป็นของแท้ ปรากฏว่าดันเป็นของปลอมซะงั้น เสียเงินไปตั้งสามแสน” สวี่ฉิงเอ่ยอย่างจนใจ

“ฉันดูหน่อย” เจียงเฉิงขมวดคิ้วเดินไปที่ข้างกายสวี่จื้อจุน แล้วดูภาพนั้นอย่างละเอียด

“เสี่ยวเจียง ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้” สวี่จื้อจุนเอ่ยอย่างหงุดหงิดใจเล็กน้อย “นี่มันตั้งสามแสนเลยเชียวนะ”

เจียงเฉิงยื่นมือจับครู่หนึ่ง พลันขมวดคิ้วทันที และเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

“พ่อ สามแสนนี่จ่ายไปก็ไม่ขาดทุน” เจียงเฉิงเอ่ย

“ทำไม?” สวี่จื้อจุนรีบถามทันที

“พ่อยังจำได้ไหมว่าอู๋เต๋าจื่อมีผลงานหนึ่งที่เป็นภาพดอกบัวอวยพรวันเกิด?” เจียงเฉิงถาม

“แน่นอน นั่นคือภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของอู๋เต๋าจื่อเชียวนะ เพื่อฉลองวันเกิดให้แม่ จึงทุ่มเทหยาดเลือดและหยาดเหงื่อนับไม่ถ้วนวาดภาพนั้นขึ้นมา เพียงแต่คนทั่วไปล้วนไม่เคยเห็นภาพนั้นมาก่อน” สวี่จื้อจุนชอบภาพวาดโบราณมากๆ ดังนั้นย่อมต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้ดีอยู่แล้ว

“แต่นายถามอันนี้ทำไม?” สวี่จื้อจุนถามอย่างฉงนสงสัย

“เพราะว่า ภาพนี้ก็คือภาพที่พูดถึง” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ

“อะไรนะ? ภาพวาดปลอมนี่ก็คือภาพดอกบัวอวยพรวันเกิดของอู๋เต๋าจื่องั้นเหรอ?”

“เป็นไปได้ยังไง ภาพนี้ไม่เหมือนภาพดอกบัวอวยพรวันเกิด ที่เล่าลือกันเลยสักนิด”

คำพูดของเจียงเฉิงดึงดูดคนที่มาล้อมดูขยับใกล้เข้ามาทันที ล้วนแต่มองไปที่ภาพวาดปลอมที่วางไว้บนโต๊ะ

“ชิ พ่อหนุ่ม ตาเฒ่าบ้านนายไม่ได้เรื่อง นายยิ่งไม่ได้เรื่องเสียกว่าอีก ภาพดอกบัวอวยพรวันเกิดคือภาพที่มีต้นแบบเป็นดอกบัวในสระน้ำตรงหน้าบ้านของอู๋เต๋าจื่อ แต่ภาพนี้กลับมีต้นแบบเป็นกระท่อมหญ้าแห้ง จะเป็นไปได้ยังไงกัน ฝันอยู่หรือเปล่า” เจ้าของร้านเคราแพะมองเจียงเฉิงด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“นั่นสิ ถ้าเป็นภาพดอกบัวอวยพรวันเกิดจริงๆ งั้นก็ไม่มีทางขายราคาแค่นี้แน่ ๆ”

“คนหนุ่มสาวจะมีสักกี่คนที่เข้าใจศิลปะกัน เดาว่าว่าพ่อหนุ่มคนนี้ก็คงพูดไปงั้นเท่านั้นแหละ เพราะอยากจะยั่วโมโหเจ้าของร้านนั่น ไม่มีประโยชน์หรอก เจ้าของร้านไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย”

เจ้าของร้านเคราแพะไม่แยแสคำพูดของเจียงเฉิงเลยสักนิด เพราะเขารู้ดีว่าเจียงเฉิงคิดอะไร

“น้องชาย ก็แค่ภาพวาดภาพหนึ่งเอง ภาพนี้ฉันซื้อต่อก็ได้ หนึ่งแสน เป็นไง?”

คนรอบข้างต่างคิดว่าเจียงเฉิงมีปัญหาแน่ๆ เพราะถ้าเป็นคนที่มีสามัญสำนึกสักหน่อย ก็ต้องมองออกว่าของปลอมนั่นมีค่าไม่ถึงหนึ่งแสนเลยด้วยซ้ำ

“พวกคุณไม่คิดว่าตัวเองตัดสินกันเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?” สวี่ฉิงพูดพลางมองคนรอบข้างด้วยสายตาเย็นชา

“สาวน้อย รีบหย่ากับสามีเธอซะเถอะ อย่าให้คนปัญญาอ่อนแบบนี้มาถ่วงแข้งถ่วงขาเธอได้” เจ้าของร้านเคราแพะเอ่ยระคนยิ้มเย็น

เจียงเฉิงถอนหายใจอย่างจนใจ ก่อนจะเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นวันนี้ก็จะให้ทุกท่านได้เปิดโลก”

สิ้นเสียง เจียงเฉิงก็กางภาพออกมาทั้งหมด แล้ววางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เอาถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะสาดน้ำชาใส่ภาพวาดทีเดียว

“เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้ว สาดน้ำใส่ทั้งถ้วยแบบนี้ ภาพนี้ก็ไม่มีค่าอะไรแล้วสิ”

“ดูเหมือนว่าเขาจะจนตรอกแล้วจริงๆ หาทางลงไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องขนาดนี้นี่ ขายให้คนอื่นตั้งแสนหนึ่งไม่ดีหรือไง?”

เหลียงจื้อหยวนเองก็รู้สึกจนใจ คราวนี้อย่าว่าแต่หนึ่งแสนเลย แค่หนึ่งหมื่นเขาก็ไม่อยากซื้อ

ในขณะที่ทุกคนต่างมองเจียงเฉิงเหมือนกำลังมองคนปัญญาอ่อน จู่ ๆเจียงเฉิงก็ยื่นมือไปจับที่มุมหนึ่งของภาพวาด แล้วฉีกชั้นเคลือบบางๆออกมาทีเดียว

“นี่......นี่มัน......?” เหลียงจื้อหยวนเบิกตาโพลงอย่างตกตะลึง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง