ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง นิยาย บท 132

“ฉันต้องทำยังไงต่อ?”

สวี่ฉิงพูดอย่างลอบตื่นเต้นในใจเล็กน้อย แม้จะไม่ได้แสดงออกมา ทว่าร่างกายที่แข็งเกร็งของเธอกลับทรยศเธอ

“ตอนนี้เธอต้องผ่อนคลายร่างกายให้ได้มากที่สุด เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็งอขาแหวกว่ายจากด้านในไปด้านนอก พยายามบาลานซ์ร่างกายตัวเองให้ดี” เจียงเฉิงโอบร่างกายของสวี่ฉิงไว้เบาๆ พลางอธิบายอย่างใจเย็น

สวี่ฉิงเองก็เป็นผู้หญิงที่ฉลาด ทำตามที่เจียงเฉิงพูดอย่างตั้งใจ จนสักพักก็ค่อยๆลืมเรื่องที่ตัวเองใกล้ชิดกับเจียงเฉิง

“ดี ดีมาก แบบนี้แหละ” เจียงเฉิงพบว่าสวี่ฉิงเรียนรู้ไวมาก ก็พลันพูดอย่างให้กำลังใจทันที

เจียงเฉิงสอนสวี่ฉิงไปพลาง มองเจียงหลายที่กำลังว่ายน้ำอย่างสนุกสนานไปพลาง เขายังจำได้ว่าที่เจียงหลายว่ายน้ำเป็นก็เพราะเขาเป็นคนสอน

เจียงหลายว่ายวนไปไม่กี่รอบ ก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำ เรือนร่างที่เซ็กซี่มีหยดน้ำเกาะพราว ยิ่งทำให้ดูยั่วยวนใจเป็นพิเศษ ร่างกายหุ่นนาฬิกาทรายนอนอยู่บนเก้าอี้ริมสระ รูปร่างที่โค้งเว้าได้รูปอย่างไร้ที่ติยิ่งดูเด่นชัด

เจียงเฉิงหันกลับมามองสวี่ฉิงที่อยู่ในน้ำ จู่ ๆในใจก็เกิดความคิดบางอย่าง ก่อนจะปล่อยมือออกอย่างฉับพลัน

“อะ--!”

สวี่ฉิงกำลังสนุกกับการว่ายน้ำ ทว่าจู่ ๆรู้สึกว่าร่างกายจมลงไป พลันรีบอุทานเสียงตกใจ เธอดิ้นรนไปพลาง ยื่นมือจะจับอะไรสักอย่างไปพลาง

ทันใดนั้น สวี่ฉิงก็จับโดนแขนของเจียงเฉิง ก่อนจะกอดเจียงเฉิงไว้ทันที กลัวว่าตัวเองจะจมน้ำ

“สวี่ฉิง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันแค่ล้อเล่นกับเธอ” เจียงเฉิงกอดเอวของสวี่ฉิง พลางเอ่ยอย่างเป็นห่วง

“คนนิสัยไม่ดี!”

สวี่ฉิงได้ยินดังนั้นก็ทุบอกของเจียงเฉิง พลันเอ่ยเสียงตำหนิ

“เอาล่ะ เราขึ้นไปกันเถอะ ฝึกมานานขนาดนี้แล้ว” เจียงเฉิงอุ้มสวี่ฉิงแล้วว่ายไปยังริมสระ

แม้เมื่อกี้สวี่ฉิงจะสะดุ้งตกใจ ทว่าตอนที่ถูกเจียงเฉิงอุ้มแบบนี้ ในใจเธอก็รู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เจียงเฉิงล้อเล่นกับเธอแบบนี้ ลึกๆแล้วเธอก็รู้สึกดีใจอยู่เหมือนกัน

“พี่ พี่ติดพี่สะใภ้เกินไปแล้ว ขึ้นมาแล้วยังจะอุ้มอยู่อีกเหรอ?”

เจียงหลายพูดกลั้วขำกับเจียงเฉิง

“เมื่อกี้ไม่ระวังทำให้พี่สะใภ้เธอเผลอตกใจน่ะ” เจียงเฉิงยิ้มเอ่ย

“เป็นเพราะนายไม่ใช่หรือไง!” สวี่ฉิงลงมาจากตัวเจียงเฉิง แล้วกลอกตาบนใส่เขา

สวี่ฉิงนอนลงข้างเจียงหลายแล้วเอ่ยว่า “พี่นายนิสัยไม่ดีชะมัด”

“ไม่เป็นไร ผู้ชายไม่ร้าย ผู้หญิงไม่รักไงล่ะ!”

เจียงหลายเองก็พูดกลั้วหัวเราะ

“ฉันไม่ได้ร้าย ก็แค่อยากลองดูว่าเธอว่ายน้ำเป็นหรือยัง” เจียงเฉิงยิ้มเอ่ยแล้วนั่งลงตรงข้างๆ

“จริงสิ พ่อแม่เราไปอยู่ที่บ้านใหม่แล้วเป็นไงบ้าง?” เจียงเฉิงรีบถามเจียงหลายอย่างเปลี่ยนเรื่องคุย

“เรา?”

เจียงหลายขมวดคิ้วมองเจียงเฉิง

“ก็เธอเป็นน้องสาวฉันไม่ใช่หรือไง พ่อแม่เธอก็ย่อมเป็นพ่อแม่ฉันสิ” เจียงเฉิงจึงจะเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเผลอหลุดปาก

“พวกเขาออกไปกันแต่เช้าเลย อยากจะดูว่ามีที่ไหนเหมาะกับตั้งแผงลอยหรือเปล่า” เจียงหลายเอ่ย

เจียงเฉิงพยักหน้าเบาๆ ดูเหมือนว่าพ่อแม่เขาก็คงเป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่ชอบอยู่ว่างๆ

“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”

จู่ ๆตรงริมสระก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังลั่นขึ้น

เจียงเฉิงรีบหันไปดูทันที ก็เห็นในสระน้ำมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนจะไปที่โซนน้ำลึก ว่ายน้ำไม่ค่อยเป็นแล้วจมน้ำ ตอนนี้กำลังดื้นรนอยู่ในน้ำ

เจียงเฉิงไม่กล้าช้า รีบวิ่งไปทันที ทว่าเขายังไม่ทันได้กระโดดลงน้ำ ก็มีเงาร่างหนึ่งกระโดดลงไปในสระน้ำทีเดียว

“ผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว!”

เจียงเฉิงเห็นแวบแรกก็รู้ในทันที ผู้หญิงคนนี้ที่กระโดดลงไปช่วยคนก็คือตำรวจสาวมู่หรงเสวี่ย

“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”

มู่หรงเสวี่ยกอดเด็กผู้หญิงขึ้นมาตรงริมสระ แล้วรีบถามอย่างเป็นห่วง

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” เด็กผู้หญิงพูดเสียงสะอื้น

แม่ของเด็กผู้หญิงเองก็รีบวิ่งมาหา ก่อนจะตะคอกใส่ลูกสาวว่า “บอกเธอว่าไม่ต้องไปโซนน้ำลึก ทำไมถึงไม่เชื่อฟังเลย?”

“แม่คะ หนูขอโทษ” เด็กผู้หญิงมองแม่ตัวเองด้วยดวงตากลมโตแล้วพูดเสียงเศร้า

แม่ของเด็กผู้หญิงอุ้มลูกสาวขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับมู่หรงเสวี่ยว่า “ขอบคุณมากนะคะ”

“ไม่เป็นไร เด็กยังเล็ก ไม่จำเป็นต้องสอนเข้มงวดเกินไป” มู่หรงเสวี่ยยิ้มเอ่ย

“ยังไม่ขอบคุณคุณน้าอีก” แม่ของเด็กผู้หญิงก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ

“ไม่เป็นไร จากนี้ไปต้องเชื่อฟังคุณแม่นะ เข้าใจหรือยัง?” มู่หรงเสวี่ยพูดกับเด็กผู้หญิงอย่างสนิทสนม เด็กผู้หญิงพยักหน้า ก่อนจะจากไปกับแม่ตัวเอง

ตอนเด็กมู่หรงเสวี่ยเองก็เคยดื้อไม่เชื่อฟังคนในบ้าน ดังนั้นเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้ เธอก็นึกถึงตอนที่ตัวเองยังเด็ก

“มองอะไรของนาย?”

จู่ ๆมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาจากข้างๆ ก่อนจะหันไปถามเจียงเฉิง

“ก็ยังคงเป็นคำถามเดิมเมื่อก่อนหน้านี้ ใหญ่ขนาดนี้ไม่ลำบากตอนทำภารกิจเหรอ?” เจียงเฉิงมองสำรวจมู่หรงเสวี่ยที่ใส่ชุดว่ายน้ำ หน้าอกของมู่หรงเสวี่ยที่เดิมทีก็อวบอิ่มมากอยู่แล้วก็ยิ่งดูกลมเด้งขึ้นไปอีก อีกทั้งทรงผมสั้นที่ทำให้เธอดูเฉียบแหลมก็ให้ความรู้สึกแตกต่างจากเดิม

เจียงเฉิงเองก็ท้าทายมู่หรงเสวี่ย โดยจงใจกวาดสายตามองไปที่หน้าอกเธอ

“โรคจิต!”

มู่หรงเสวี่ยแค่นเสียงเย็น ก่อนจะเดินไปที่ทิศทางของสวี่ฉิงทีเดียว เจียงเฉิงเห็นดังนั้นก็เดินตามไป

“ผู้กองมู่หรง คุณเองก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?” สวี่ฉิงมองมู่หรงเสวี่ยอย่างแปลกใจเล็กน้อย

“เดิมทีเธออยากจะปกป้องเธออย่างลับๆน่ะ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนจมน้ำ ก็เลยต้องออกมาช่วย” เจียงเฉิงอธิบายอยู่ข้างๆ

“ปากมาก!”

มู่หรงเสวี่ยกลอกตาบนใส่เจียงเฉิง

“พี่มู่หรง?”

เจียงเฉิงยังไม่ทันเถียงมู่หรงเสวี่ยกลับ จู่ ๆเจียงหลายก็มองมู่หรงเสวี่ยแล้วเอ่ยถาม

“คุณคือ?”

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้วมองเจียงหลาย เธอคิดว่าตัวเองน่าจะไม่รู้จักเจียงหลาย

“ฉันชื่อเจียงหลาย เคยเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของมู่หรงจิ้ง เธอเคยมาแลกเปลี่ยนที่โรงเรียนเราอยู่ช่วงหนึ่ง เธอบอกฉันว่าตัวเองมีพี่สาวเป็นตำรวจที่เมืองหลวง แล้วเคยให้ฉันดูรูปถ่ายของพี่ด้วย ตอนนั้นฉันก็รู้สึกว่าพี่เท่มากๆเลยล่ะ” เจียงหลายเอ่ยอย่างดีใจ

“เป็นเพื่อนของจิ้งเอ๋อร์นี่เอง อีกไม่นานเธอก็อาจจะมาที่นี่อีก ถึงตอนนั้นพวกเธอก็นัดเจอกันได้” มู่หรงเสวี่ยยิ้มเอ่ยกับเจียงหลาย

“จริงเหรอ! ดีจัง!”

เจียงเฉิงดีใจจนกระโดดโลดเต้น หน้าอกอวบอิ่มเองก็ส่ายเด้ง

“เธออย่าดีใจขนาดนี้ ระวังมีโรคจิตบางคนมาลวนลามเธอ” มู่หรงเสวี่ยมองเจียงเฉิงแวบหนึ่งด้วยสายตาเหยียดหยาม

“พี่หมายถึงพี่ชายฉันเหรอ เขาไม่ทำหรอก” เจียงหลายรีบเอ่ย

“พี่ชายเธอ?”

“ใช่ เขาคือพี่ชายฉันเอง” เจียงหลายกระโดดไปยืนที่ข้างกายเจียงเฉิง แล้วกอดแขนของเขา

มู่หรงเสวี่ยจึงจะนึกขึ้นมาได้ ว่าคนหนึ่งชื่อเจียงเฉิง คนหนึ่งชื่อเจียงหลาย

ในขณะที่เจียงเฉิงกำลังจะเอ่ยอะไรสักอย่าง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาประหลาดคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองทางนี้ พลันหันหัวไปมองทันที

สายตาของผึ้งนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับสบมองกับสายตาของเจียงเฉิง “แย่แล้ว! ถูกจับได้แล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง