ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง นิยาย บท 133

“ผึ้งนักฆ่า!”

มู่หรงเสวี่ยมองตามสายตาของเจียงเฉิง ก่อนจะเห็นผึ้งนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ

เธอตามหาร่องรอยของผึ้งนักฆ่ามาโดยตลอด ทว่าผึ้งนักฆ่าเคยเป็นทหารหน่วยรบพิเศษมาก่อน ความสามารถในการหลบหนีการสืบสวนนั้นแข็งแกร่งมากๆ ทำให้หาร่องรอยอะไรไม่เจอทั้งนั้น ในที่สุดวันนี้ก็หาตัวเขาเจอแล้วสักที

มู่หรงเสวี่ยวิ่งออกไปทันทีโดยไร้ซึ่งความลังเล ผึ้งนักฆ่าเห็นดังนั้นก็รีบหันตัวหนีออกไป

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

สวี่ฉิงกับเจียงหลายต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นดังนั้นก็รีบถามทันที

“ก็คือผู้ร้ายตามหมายจับที่มู่หรงเสวี่ยให้เธอดูเมื่อวาน เมื่อกี้เขากำลังจับตามองเธออยู่” เจียงเฉิงเอ่ย

“พี่ เธอไปคนเดียวจะโอเคเหรอ?”

เจียงหลายถามเจียงเฉิงอย่างไม่วางใจเล็กน้อย

“น่าจะโอเค เธอคือสารวัตรกองสืบสวน” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเบา

อันที่จริงเจียงเฉิงรู้ดี ว่าถ้าปะทะกันขึ้นมาจริงๆ มู่หรงเสวี่ยไม่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของผึ้งนักฆ่าได้ ทว่าตอนนี้เขาตามไปไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าผึ้งนักฆ่ามีพวกพ้องหรือเปล่า

ถ้าเจียงเฉิงตามไป ปรากฏว่าพวกพ้องของผึ้งนักฆ่ากลับฉวยโอกาสมาลักพาตัวสวี่ฉิงกับเจียงหลาย งั้นเจียงเฉิงก็จะหลงกลล่อเสือออกจากถ้ำของพวกมัน

“บัดซบ! หนีไปไหนกัน!”

มู่หรงเสวี่ยไล่ตามมาถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผู้ชาย มีผู้ชายไม่น้อยที่สะดุ้งตกใจกับมู่หรงเสวี่ยที่บุกเข้ามา พลันมองเธอด้วยสายตาประหลาด

“มองอะไร? นี่คือตำรวจ ถ้ายังมองอีกฉันจะจับกุมทุกคนให้หมด!”

มู่หรงเสวี่ยเห็นว่าผึ้งนักฆ่าหนีไปได้ก็พลันตวาดเสียง ผู้ชายในห้องต่างตระหนกตกใจ ไม่กล้ามองมู่หรงเสวี่ยอีก ทว่าก็ยังคงมีคนแอบมองมู่หรงเสวี่ยจากไป เพราะสาวสวยที่หุ่นดีขนาดนี้มีให้เห็นไม่มากนัก

“ที่แท้ก็เป็นตำรวจสาวนี่เอง ชักน่าสนใจแล้ว” ผึ้งนักฆ่าที่อยู่ในที่ลับ มองมู่หรงเสวี่ยจากไป พลางยกยิ้มมุมปากอย่างหื่นกาม

“เป็นยังไงบ้าง?”

สวี่ฉิงมองมู่หรงเสวี่ยแล้วถาม

“มันหนีไปแล้ว” มู่หรงเสวี่ยตอบอย่างอ้อมค้อมเล็กน้อย

“เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าใหญ่เกินจะลำบากตอนทำภารกิจ” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ

“นาย......”

มู่หรงเสวี่ยก้มหน้ามองแวบหนึ่ง พลันถลึงตาใส่เจียงเฉิงทันที

“แค่ล้อเล่นๆ” เจียงเฉิงรีบพูดยิ้มๆว่า “ว่างใจเถอะ มันจะมาหาเมียฉันอีกแน่นอน เพียงแค่เราอยู่ด้วยกัน เธอก็จะยังมีโอกาส เพราะฉะนั้นเราไปกินข้าวกันดีกว่า”

“ก็ดี ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ฉันก็เริ่มรู้สึกหิวแล้ว” เจียงหลายพูดพลางใช้มือลูบท้องตัวเอง

“พอดีเลย ผู้กองมู่หรงก็ไปกับเราเถอะ” สวี่ฉิงเองก็หันไปพูดกับมู่หรงเสวี่ย

เดิมทีมู่หรงเสวี่ยไม่อยากตอบตกลง ทว่าที่เจียงเฉิงพูดก็ฟังดูมีเหตุผล ถ้าไปกับสวี่ฉิง ไม่แน่อาจจะเจอผึ้งนักฆ่าอีกก็ได้

“ก็ได้” มู่หรงเสวี่ยกลอกตาบนใส่เจียงเฉิงแล้วลุกขึ้นยืน

ณ คฤหาสต์ตระกูลจี้ รถเบนซ์หรูคันหนึ่งจอดอยู่ที่ลานกว้าง ชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำคนหนึ่งลงจากรถ ใบหน้ารูปเหลี่ยมเผยแววอำมหิตที่ดุดัน

“พี่อู๋ตี๋ ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว” จี้เจ๋อยิ้มเดินไปจับมือทักทายกับติงหวู่ตี๋

“คุณชายจี้ คุณเชิญผมมาทั้งที มีหรือที่ผมจะกล้าปฏิเสธ ได้ยินว่าครอบครัวคุณสานสัมพันธ์ตระกูลใหญ่แล้ว ผมไม่กล้าเสียมารยาทไม่มาหรอก” ติงหวู่ตี๋เองก็ยิ้มเอ่ย

“เชิญครับ!”

จี้เจ๋อพาติงหวู่ตี๋เดินเข้าไปในคฤหาสต์

“คุณชายจี้ เพื่อเรื่องของคุณ ผมทุ่มเทอย่างหนักเลยล่ะครับ” ติงหวู่ตี๋จุดซิการ์มวนหนึ่งแล้วยิ้มเอ่ยกับจี้เจ๋อ

“มันหมายความว่ายังไงครับ?”

“ผึ้งนักฆ่า คุณรู้จักคนคนนี้ไหมครับ?”

“ผึ้งนักฆ่า?”

จี้เจ๋อตกตะลึง รีบถามต่อว่า “คือผู้ร้ายตามหมายจับระดับ A ลิสต์ที่หนีมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น่ะเหรอครับ?”

“ใช่แล้วครับ!”

“ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับเขามาก่อน ว่ากันว่าวิธีการของเขานั้นอำมหิตมากๆ เขาคงไม่ทำเรื่องอันตรายอะไรกับสวี่ฉิงหรอกนะ?” จี้เจ๋อรีบถามอย่างกังวล

ติวหวู่ตี๋โบกมือ เอ่ยว่า “แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว ผมพูดกับเขาไว้แล้ว เขาแค่จะเอาเปรียบนิดๆหน่อยๆ ไม่ลงมือถึงตายหรอก”

“เอาเปรียบนิดๆหน่อยๆ?”

“น้องชาย ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานกับคนอื่นมาตั้งหลายปีแล้ว ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้วด้วยซ้ำ ถูกใครย่ำยีก็ไม่ต่างกันหรอก”

“ก็จริง สวะอย่างเจียงเฉิงยังเคยย่ำยีมาแล้ว”

จี้เจ๋อถามอย่างร้อนรนใจว่า “เมื่อไหร่ถึงจะพาเธอมาหาฉันได้? ฉันรอไม่ไหวแล้ว”

“วางใจเถอะครับ มากสุดก็ภายในสองวันนี้” ติงหวู่ตี๋เอ่ย

“ดี!”

จี้เจ๋อพยักหน้า อยากจะกดสวี่ฉิงไว้ใต้ร่างใจจะขาด

เจียงเฉิงพาพวกสวี่ฉิงมาที่ร้านปิ้งย่างข้างทาง

“คุณเจ้าของร้าน เอาแค่นี้ก่อนเถอะ น่าจะพอแล้ว” เจียงเฉิงคืนสมุดเมนูให้เจ้าของร้าน

“จะดื่มเหล้าอีกเหรอ?”

เจียงหลายพูดอย่างลำบากใจเล็กน้อยว่า “ฉันดื่มเหล้าไม่เป็น”

“ไม่เป็นไร ดื่มเบียร์น้อยๆหน่อย ดีกับกระเพาะ” เจียงเฉิงพูดแล้วเปิดขวดเบียร์

“เธอเอาหน่อยไหม?”

เจียงเฉิงเปิดอีกขวดยื่นให้มู่หรงเสวี่ย

“ไม่ดื่ม!”

มู่หรงเสวี่ยเอ่ยเสียงเย็น

“ทำไมคนร้ายคนนั้นถึงสะกดรอยตามฉัน?” สวี่ฉิงถามอย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย

“ฉันเดาว่า น่าจะเป็นเพราะจี้เจ๋อ” เจียงเฉิงจิบเบียร์แล้วพูด

“เขา?”

“น่าจะเพราะใช้วิธีการธรรมดาแล้วไม่ได้ผล ก็เลยต้องใช้วิธีอื่น” เจียงเฉิงเอ่ย

“เลวชะมัด ฉันจะโทรหาคนที่บ้านเขา” สวี่ฉิงเอ่ยอย่างโมโหเล็กน้อย

“ไม่มีประโยชน์หรอก เรื่องแบบนี้ไม่มีหลักฐาน โทรไปเขาก็ไม่ยอมรับหรอก” เจียงเฉิงเอ่ย

สวี่ฉิงคิดแล้วก็ใช่ จึงทำได้เพียงเก็บโทรศัพท์ มู่หรงเสวี่ยมองสวี่ฉิงแล้วเอ่ยว่า “วางใจเถอะ ฉันจะปกป้องเธอเอง”

“ใช่แล้วล่ะ พี่สะใภ้ จิ้งจิ้งเคยบอกฉันว่าพี่สาวเธอเก่งมากๆ ตอนอยู่ในเมืองหลวงก็มีชื่อเสียงมากเลยล่ะ” เจียงหลายเองก็พูดปลอบสวี่ฉิง

“เธอเป็นตำรวจที่เมืองหลวง แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

เจียงเฉิงมองมู่หรงเสวี่ยและถามอย่างตกตะลึงเล็กน้อย

“เรื่องของฉัน!”

“พี่มู่หรง อย่าด่าพี่ชายฉันเลย ฉันเองก็สงสัยเหมือนกัน” เจียงหลายรีบเอ่ย

“ฉันไม่ชอบพวกคุณชายบางคนที่เมืองหลวง ตอนสอบสวนเผลอต่อยคนไป ก็เลยถูกย้ายมาที่นี่” มู่หรงเสวี่ยอธิบาย

“งั้นครอบครัวเธอก็เจ๋งเหมือนกันนี่ ต่อยพวกลูกคนรวยที่เมืองหลวง ไม่ใช่แค่ไม่เป็นไร แถมยังได้มาเป็นสารวัตรกองสืบสวนที่นี่อีกต่างหาก” เจียงเฉิงยิ้มเอ่ย

มู่หรงเสวี่ยไม่ตอบ ทันใดนั้น เจ้าของร้านก็เอาปิ้งย่างมาเสิร์ฟพอดี

“ปิ้งย่างมาแล้ว!”

เจ้าของร้านเอาปิ้งย่างและของกินวางบนโต๊ะ เอ่ยว่า “ทานให้อร่อยครับ”

หลังจากกินข้าวเสร็จ ฟ้าเองก็เริ่มมืดแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัวกลับบ้าน

“ฉันกลับก่อนล่ะ มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉัน” มู่หรงเสวี่ยเอ่ยกับสวี่ฉิง

“เข้าใจแล้ว” สวี่ฉิงตอบ

มู่หรงเสวี่ยยกยิ้ม จากนั้นก็ขับรถกลับมาที่บ้าน วันนี้ก็ถือว่ายุ่งมาทั้งวัน มู่หรงเสวี่ยยืดเส้นยืดสาย แล้วเตรียมตัวถอดเสื้ออาบน้ำ

เพิ่งถอดเสื้อแจ็กเกต จู่ ๆ มู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกเหมือนมีเงาคนอยู่ข้างๆ พลันรีบหันตัวไปมอง เห็นเพียงผึ้งนักฆ่าที่นั่งอยู่ที่โซฟาและกำลังมองเธออย่างหื่นกาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง