“ที่นั่งของคุณ? ฉันจองที่นั่งนี้ไว้แล้ว”หยางหมี่มองไปที่ชายวัยกลางคนและพูดอย่างเย็นชา
“เธอจองแล้วงั้นเหรอ?”
หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ที่อยู่ข้างชายวัยกลางคนหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “ใครมาร้านนี้บ่อยๆก็รู้ดีว่าที่นั่งนี้คือที่นั่งประจำของกู่ต้าเส้าของเรา กลางวันแสกๆสวมหน้ากากไว้ นี่เธอต้องหน้าตาขี้เหร่แค่ไหนกัน?”
หญิงที่แต่งตัวเซ็กซี่พูดและมองบน
“นี่เธอ....”หยางหมี่โกรธผู้หญิงเซ็กซี่คนนี้
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก เธอสวมกระโปรงกลวงๆ และดูเหมือนว่าเธอไม่ได้สวมอะไรอยู่ข้างในเพียงเพื่ออวดหุ่นเซ็กซี่ของเธอ
“คุณน่ะสิที่หน้าตาขี้เหร่ จมูกที่ทำมาก็พัง คางแหลมจนสามารถแทงคนได้ แม้แต่หน้าอกก็ปลอม เธอไปเอาความมั่นใจในการแต่งตัวแบบนี้มาจากไหน?” เจียงเฉิงมองหญิงสาวแล้วพูดอย่างเย็นชา
"นายว่าอะไรนะ?"
เมื่อผู้หญิงที่เซ็กซี่ได้ยินคำพูดของเจียงเฉิง เธอก็รู้สึกไม่มีความสุขในทันที เธอกอดแขน กู่ต้าเส้าเอาไว้ และพูดด้วยความอ้อนวอนว่า " กู่ต้าเส้า ฟังสิ สิ่งที่เขาพูดมานั้นใช่สิ่งที่มนุษย์เขาพูดกันไหม?”
เมื่อกู่ต้าเส้าได้ยินคำพูดของเจียงเฉิง เขาก็ไม่พอใจและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาทันทีว่า “ คนอย่างพวกนาย นั่งที่ไหนก็เหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอ? วันนี้ฉันจะพาแฟนมาเจอครอบครัว แกสองคนไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะไล่พวกแกออกไปให้หมด”
“อยากลงมือเหรอ? นายลองดูได้นะ!” เจียงเฉิงพูดเบา ๆ
“ทุกท่านคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” พนักงานเสิร์ฟชายคนหนึ่งได้ยินการเคลื่อนไหวที่นี่จึงรีบเข้าไปถาม
“สองคนนั้น แย่งที่นั่งฉัน!”
กู่ต้าเส้ายืดชุดสูทของเขาและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า
“โปรดรอสักครู่นะครับ ผมจะตรวจสอบให้นะครับ”
หลังจากตรวจสอบแล้ว พนักงานเสิร์ฟชายก็พูดว่า "ที่นั่งตรงนี้มีท่านผู้หญิงจองไว้เรียบร้อยแล้วครับ"
“ใช่ ฉันจองแล้ว”หยางหมี่กล่าว
“ขอโทษที ทางเรามีกฎ ใครจองที่ไว้ก่อน สามารถนั่งที่ตรงนั้นได้ คุณผู้ชายลองหาที่นั่งอื่นดูนะครับ” พนักงานชายมองที่ กู่ต้าเส้าและพูดอย่างจริงจัง
คำพูดของพนักงานเสิร์ฟทำให้กู่ต้าเส้า ขบขันอย่างมาก
“พ่อหนุ่ม นายเพิ่งมาทำงานใหม่เหรอ?” กู่ต้าเส้า พูดพร้อมกับเยาะเย้ย
“ใช่ครับ มาได้เดือนเดียวเท่านั้นครับ” พนักงานเสิร์ฟพูด
“ถ้าอย่างนั้นนายไสหัวไปได้เลย แล้วตามผู้จัดการของพวกนายมา แล้วให้เขาแนะนำว่าฉันเป็นใคร และฉันสามารถนั่งตรงนี้ได้หรือไม่” กู่ต้าเส้าเอื้อมมือออกไปและตบหน้าพนักงานชายและพูดอย่างโกรธเคือง
หยางหมี่ก็อารมณ์เสียเพราะกู่ต้าเส้า นี้จนไม่อยากจะกินข้าวแล้ง " ช่างเถอะ เราเปลี่ยนโต๊ะแล้วกัน น่ารำคาญมาก”
"ไม่ หมี่เอ๋อร์ คุณรู้ไหมว่าความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์คืออะไร? นั่นก็คือมนุษย์รู้ต้องต้องปฏิบัติตามกฎ แต่สัตว์ไม่ทำ" เจียงเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา
“ไอ้สารเลว นายด่าใคร?”
กู่ต้าเส้าฟังออกว่าเจียงเฉิงกำลังด่าตนว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน เขาชี้ไปที่เจียงเฉิงด้วยความโกรธ
เจียงเฉิงเอื้อมมือออกไปและคว้านิ้วของกู่ต้าเส้า เอาไว้และกดลงอย่างแรงจนกู่ต้าเส้านอนลงบนโต๊ะ
“เจ็บเจ็บ นิ้วของฉันกำลังจะหักแล้ว” กู่ต้าเส้าตบโต๊ะและตะโกน
“หักน่ะสิดีแล้ว คนอย่างนายจะได้จำซะบ้าง” เจียงเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา
"เกิดอะไรขึ้น?"
ชายอ้วนในชุดสูทที่มีตราผู้จัดการติดอยู่ก็เดินเข้ามา
“กู่ต้าเส้า?”
ผู้จัดการผางดูออกทันทีว่าคนที่เจียงเฉิงกดอยู่บนโต๊ะคือใคร เขารีบก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า "คุณผู้ชายครับ มีเรื่องอะไรเราคุยกันดีๆก็ได้ครับ”
หยางหมี่ไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่ เธอก็เลยดึงเจียงเฉิง เจียงเฉิงจึงได้ปล่อยเขาไป
“ผู้จัดการผาง คนที่ไม่มีมารยาทแบบนี้ คุณปล่อยเข้ามารับประทานอาหารได้ยังไง?” หลังจากที่กู่ต้าเส้าหลุดออกมาแล้ว เขาก็ตะโกนอย่างโกรธจัดทันที
“ครับครับ กู่ต้าเส้าพูดถูก”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้จัดการผางก็รีบตะโกนว่า “ผมจะไล่สองคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ในร้านอาหารระดับไฮเอนด์แบบนี้ สิ่งพื้นฐานที่สุดคือการรักษาความปลอดภัยของแขกที่นี่ ดังนั้นจะมีการติดตั้งกองกำลังรักษาความปลอดภัยไว้ แต่จะไม่ใช้จนกว่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
“ผู้จัดการผาง ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ เขากำลังจะแย่งที่นั่งของสองท่านที่จองเอาไว้ก่อนครับ” พนักงานเสิร์ฟรีบพูด
เพี๊ยะ!
ผู้จัดการผางตบหน้าพนักงานเสิร์ฟ “นายจะพูดมากทำไม? เป็นพนักงานเสิร์ฟของนายไปก็ดีแล้ว”
“ผู้จัดการผาง ทำแบบนี้มันไร้เหตุผลเกินไปหรือเปล่า?” เจียงเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา
“คุณผู้ชายครับ ผมต้องขอโทษจริงๆ หุ้นส่วนมากเป็นของคุณพ่อของกู่ต้าเส้า โปรดเห็นใจผมด้วยเถอะ” ผู้จัดการผางพูดกับเจียงเฉิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณหมายความว่า คุณไม่อยากให้พ่อของเขาโกรธเคือง?”
เจียงเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา “แล้วนายรู้ได้อย่างไรว่าคนอย่างผมนายสามารถทำให้โกรธเคืองได้?”
เมื่อผู้จัดการผางได้ยินคำพูดของเจียงเฉิง เขาแทบจะกลั้นหัวเราะไม่ได้ ผู้จัดการร้านอาหารระดับไฮเอนด์อย่างเขามักจะต่อสัมพันธ์กับคนรวย เขาสามารถดูออกได้ทันทีว่าใครรวยหรือไม่รวย คนอย่างเจียงเฉิง เป็นผู้ชายที่ซ้อเลี้ยงดูไว้อย่างแน่นอน
“ต้องขออภัยจริงๆนะครับ ขอเชิญคุณออกไปเดี๋ยวนี้เลยครับ” เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการผางไม่อยากพูดมากกับเจียงเฉิง
“ไม่ได้ วันนี้ฉันจะนั่งที่นั่งนี้!” เจียงเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ในเมื่อคุณผู้ชายเมินเฉิยเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าผมใช้กำลังนะครับ รปภ.!”
ผู้จัดการผางตะโกนเสียงดังทันที
มีรปภ.จำนวนมากเข้าร้านมาตามเสียงที่ผู้จัดการผางเรียก
ลูกค้าที่อยู่รอบๆก็มองมาทางนี้ด้วยความสงสัยเช่นกัน
“ไอ้หนุ่มคนนี้ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียจริง กล้าที่จะมาหาเรื่องในสถานที่แบบนี้”
“ไม่ดูเลยว่าตัวเองกำลังทำให้ใครโกรธเคืองอยู่ แม้แต่กู่ต้าเส้า ก็กล้าที่จะต่อต้าน ปล่อยที่นั่งไปก็จบแล้ว?”
คนรอบข้างก็ส่ายหัว
“ใช่ คนที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงแบบนี้ ต้องตบปากแรงๆซะสองสามที” หญิงที่แต่งตัวเซ็กซี่ชี้ไปที่เจียงเฉิงและด่า
“เธอบอกว่าจะตบปากใครนะ?”
แววตาที่ดุร้ายของเจียงเฉิงมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น
หญิงสาวตกใจกับแววตาของเจียงเฉิง แต่เธอก็ได้สติทันที และตะโกนใส่เจียงเฉิงด้วยความใจกล้าว่า "ตบปากนายไง ปากดีนัก!"
ปกติเจียงเฉิงไม่ตีผู้หญิง แต่ผู้หญิงแบบนี้ สมควรโดนตี
เจียงเฉิงเหยียดมือออกและดึงคอเสื้อของผู้หญิงคนนั้นมา จากนั้นก็ง้างมือออกและตบเข้าที่หน้าของผู้หญิงคนนั้น
“รปภ. เข้าไปจัดการ!” กู่ต้าเส้าตะโกนอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเช่นนี้
แต่รปภ.สู้เจียงเฉิงไม่ได้เลย ในชั่วพริบตา พวกเขาทั้งหมดถูกเจียงเฉิงจัดการจนล้มอยู่กับพื้น ผู้หญิงคนนั้นก็ถูกเจียงเฉิงโยนลงกับพื้นเช่นกัน คราวนี้จมูกและคางของเธอก็เบี้ยวไปหมด
“ไอ้สารเลว รอพ่อฉันมา แล้วฉันจะให้ท่านจัดการนายให้ตาย” กู่ต้าเส้าตะโกนใส่เจียงเฉิงอย่างโกรธจัด
“ดูเหมือนว่ายังต้องสั่งสอนนายอยู่ใช่ไหม?” เจียงเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา และเขากำลังเข้าใกล้กู่ต้าเส้าทีละก้าว
กู่ต้าเส้าตกใจมากจนก้าวถอยหลังทีละก้าว ในขณะนั้น ก็มีเสียงที่น่าเกรงขามดังขึ้น “ใครกันใจกล้าขนาดนี้ แม้แต่ลูกฉันก็กล้าที่จะสั่งสอน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง