ไป๋เว่ยกั๋วรีบหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมาและบอกว่า “หมอเทวดาเจียง นี่คือของขวัญที่คุณชายลู่เตรียมไว้ให้คุณเป็นพิเศษ คุณลองดูก่อนสิ”
ว่าแล้วไป๋เว่ยกั๋วจึงเปิดกล่องไม้สีม่วงออกและผลักไปตรงหน้าเจียงเฉิง จากนั้นกลิ่นแปลกๆ ก็โชยออกไปทั่วห้องอย่างฉับพลัน
“นี่คือ... เห็ดหลินจือ?” เจียงเฉิงมองเห็นหลินจือดอกใหญ่ในกล่องไม้และเอ่ยอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“ถูกต้อง คุณสมบัติของของสิ่งนี้คงพอจะสะดุดตาหมอเทวดาเจียงอยู่บ้างใช่ไหมครับ” ไป๋เว่ยกั๋วเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ นี่คือเห็ดหลินจือที่สืบทอดมาในครอบครัวของเขาและไม่เคยนำมาใช้ประโยชน์เลย แต่คราวนี้ได้โอกาสนำออกมามอบให้เจียงเฉิงพอดีเพื่อแลกกับน้ำใจของเขา
นอกจากนี้ยังใช้เอามาซื้อใจคุณชายอย่างลู่หยุนเฟยได้ด้วย สำหรับไป๋เว่ยกั๋ว สิ่งนี้เรียกได้ว่ามีประโยชน์มหาศาล
“ประธานไป๋ เห็ดหลินจือนี่ไม่ใช่ของทั่วๆ ไป ดูจากสีและรูปลักษณ์แล้ว เกรงว่าคงจะมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี น่าจะเป็นน้ำค้างหยกหลินจือ เรียกว่าเป็นราชาแห่งเห็ดหลินจือเลยก็ว่าได้” เจียงเฉิงเอ่ยอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
เดิมทีเห็ดหลินจือก็มีสรรพคุณดีมากอยู่แล้ว เพราะสามารถชะลอวัยและยืดอายุได้ แต่สรรพคุณของเห็ดหลินจือนั้นดีกว่าเห็ดหลินจือทั่วไปหลายเท่า
“จริงหรือ? เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่นี่ก็เป็นของแทนคำขอโทษจากใจของคุณชายลู่” ไป๋เว่ยกั๋วกล่าวต่อ แต่ลู่หยุนเฟยยังคงมีสีหน้าเย็นชาเช่นเดิม
เห็นดังนั้นเจียงเฉิงจึงรู้ทันทีว่าเห็ดหลินจือไม่ใช่ของขวัญจากลู่หยุนเฟย แต่เป็นแค่ของที่ไป๋เว่ยกั๋วบอกว่าเป็นของที่ลู่หยุนเฟยนำมามอบให้ก็เท่านั้น
อย่างไรก็ถาม ด้วยฐานะของลู่หยุนเฟย การที่เขายอมมานั้นแปลว่าเขายอมก้มหัวให้แล้ว นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรชั้นดีขนาดนี้อีก เพราะแบบนี้เจียงเฉิงจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธการรักษา และถึงอย่างไรการช่วยรักษาผู้คนก็เป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว หากอาการของลู่เสวี่ยถิงทรุดลงต่อไปก็มีแต่จะยิ่งลำบาก
“เอาละ งั้นผมก็ต้องขอบคุณคุณชายลู่ด้วยครับ” เจียงเฉิงรับกล่องไว้และเอ่ยพลางมองลู่หยุนเฟย
“หมอเทวดาเจียงไม่ต้องเกรงใจ ตอนนี้สะดวกไหมถ้าจะให้คุณไปดูอาการของคุณหนูลู่” ไป๋เว่ยกั๋วยังคงถามเจียงเฉิงด้วยรอยยิ้ม
“เราไปกันเถอะครับ” เจียงเฉิงเอ่ยทันที
แม้ว่าลู่หยุนเฟยจะไม่พอใจมากๆ แต่เขาก็ทำได้แค่ตามเจียงเฉิงกลับไปที่โรงแรมอีกครั้ง
เดิมทีลู่เสวี่ยถิงควรจะไปโรงพยาบาลกับลู่หยุนเฟย แต่เพราะใบหน้าของลู่เสวี่ยถิงเปลี่ยนไปจนเป็นแบบนี้ เธอจึงไม่กล้าแม้แต่จะออกจากห้อง ทำได้แค่รอให้เจียงเฉิงไปที่ห้องของเธอ
“เชิญครับ หมอเทวดาเจียง” ไป๋เว่ยกั๋วเอ่ยกับเจียงเฉิงอย่างนอบน้อม
“ครับ” เจียงเฉิงตอบรับ จากนั้นจึงนั่งลงตรวจชีพจรของลู่เสวี่ยถิง
ลู่เสวี่ยถิงใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าเอาไว้ เธอไม่กล้ามองเจียงเฉิงเลยแม้แต่น้อยเพราะกลัวว่าเจียงเฉิงจะเห็นหน้าตาที่น่าเกลียดของเธอ
“คุณว่ามา ว่าต้องทำยังไงบ้าง” ลู่หยุนเฟยรีบถามขึ้นมา เพราะเขาเองก็ไม่ต้องการให้เจียงเฉิงกลับไปอีก
“ง่ายมาก แค่ใส่สมุนไพรบางอย่างลงไปในน้ำที่อาบ เพียงแต่ต้องลงไปแช่ครึ่งชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่ายาจะรักษาอย่างได้ผล” เจียงเฉิงกล่าวเบาๆ
“หมอเทวดาเจียง วิธีที่คุณบอกนั่น หมายถึงการอาบน้ำด้วยยาใช่ไหม” ทันใดนั้นไป๋เว่ยกั๋วก็นึกขึ้นมาได้และรีบถาม
“ถูกต้องครับ เป็นการอาบน้ำด้วยยาจริงๆ ดูเหมือนประธานไป๋จะเก่งเสียยิ่งกว่าคนบางคน ที่ฟังไม่เข้าใจก็เอาแต่โทษคนอื่น” เจียงเฉิงหันไปมองลู่หยุนเฟยอย่างเยาะเย้ยเล็กน้อย
“คุณ...”
ตอนนี้อาการของน้องสาวเขาอยู่ในจุดชี้เป็นชี้ตาย ดังนั้นถึงแม้ว่าลู่หยุนเฟยจะโกรธ เขาก็ต้องฝืนกลืนคำพูดที่อยากจะพูดลงไป
เจียงเฉิงเขียนใบสั่งยา ในไม่ช้าก็มีคนไปซื้อยาสมุนไพรที่ต้องการมาให้และนำของเหล่านั้นใส่ลงไปในอ่างอาบน้ำของโรงแรม ลู่เสวี่ยถิงสนใจใคร่รู้ขึ้นมาเล็กน้อย ว่าแค่ลงไปแช่ เธอจะหายได้เองจริงๆ หรือ
“คุณเจียง ต้องทำอะไรอีกไหม” ลู่เสวี่ยถิงหันไปมองเจียงเฉิงและถาม
“ผมจำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างกับคุณด้วย เพื่อให้หยินและหยางปรับสมดุล การขจัดพิษจึงจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์” เจียงเฉิงเอ่ยกับลู่เสวี่ยถิงด้วยท่าทีที่เรียบเฉย พอลู่เสวี่ยถิงได้ยินดังนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างเขินอาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง