“ช่วงหลังมานี้ไหล่คุณค่อนข้างล้า ผมช่วยกดให้จะได้ดีขึ้น” เจียงเฉิงยังคงไม่ออมแรงและออกแรงนวดให้เธอ
“เป็นชาวต่างชาติที่ย้ายมาจากโรงพยาบาลของเมืองหลวงมณฑล เป็นอัมพาตทั้งตัวและไม่ยอมรับการรักษาแบบแพทย์แผนจีน แพทย์แผนตะวันตกตรวจแล้วแต่ไม่มีทางรักษา ดังนั้นเลยจัดการค่อนข้างยาก” สวี่ฉิงเอ่ยเบาๆ ขณะที่เพลิดเพลินไปกับการนวด
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง พรุ่งนี้ผมไปช่วยคุณดูได้นะ” เจียงเฉิงเอ่ยเบาๆ พลางออกแรงนวดอย่างแรง
เพราะการออกแรงอย่างกะทันหันของเจียงเฉิง สวี่ฉิงจึงพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
ในตอนนั้นสวี่จื้อจุนกับเย่จู้ผิงกำลังแอบฟังการเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว สองสามีภรรยาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ดูเหมือนลูกเขยของเราจะพยายามหนักขึ้นแล้วนะ” สวี่จื้อจุนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขากล่าวอีกว่า “คุณดูสิ แม่สาวน้อยเจ็บขนาดนั้น เขายังไม่ส่งเสียงอะไรเลยสักนิด”
“ใช่ค่ะ แบบนี้แหละดี เราจะได้อุ้มหลานกันเร็วๆ” เย่จู้ผิงเองก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
จากนั้นสองสามีภรรยาจึงผละไปจากประตูห้องของสวี่ฉิงกับเจียงเฉิง
“คุณไม่ต้องไปหรอก ต่างชาติคนนั้นเกลียดแพทย์แผนจีน คิดว่าแพทย์แผนจีนเป็นพวกพ่อมดหมอผี แล้วคุณก็ไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้รักษา พรุ่งนี้จะมีผู้นำจากเมืองหลวงมณฑลมาที่นี่ด้วย ถ้าคุณไปรบกวนผู้นำ ฉันกลัวว่าเรื่องมันจะยิ่งแย่” สวี่ฉิงปิดเปลือกตาและเอ่ยเบาๆ
“ไม่มีปัญหา ถึงยังไงผมก็เป็นหมอของโรงพยาบาลเหมือนกัน ไปดูนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก” เจียงเฉิงเอ่ยพลางออกแรงกด
“งั้นก็ได้ ถ้าอยากไปคุณก็ไป” สวี่ฉิงคิดเหมือนกันว่าคงไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่
“ภรรยาน่ารักจริงๆ” เจียงเฉิงเอ่ยยิ้มๆ
“โอ๊ย หยุดนวดได้แล้ว คุณแทบจะนวดคอฉันจนหักอยู่แล้ว” สวี่ฉิงดิ้นจนคอหลุดออกจากการเกาะกุมของเจียงเฉิง เธอหันกลับไปพร้อมกับเหยียดขาเรียวงามที่อยู่ใต้ชุดนอน จากนั้นจึงบอกว่า “คุณช่วยนวดเท้าให้ฉันหน่อยได้ไหม เดินตลอดจนเมื่อยไปหมด”
“ได้สิ” เจียงเฉิงมองขาเรียวงามที่เหยียดตรงของสวี่ฉิงและตอบรับทันที
เจียงเฉิงประคองขาของสวี่ฉิงขึ้นมาวางลงบนตักของตนเอง จากนั้นจึงเริ่มกดลงไปบนเท้าเล็กๆ ของเธอ
เท้าของสวี่ฉิงสวยมาก รูปร่างกำลังพอเหมาะ นอกจากนี้ผิวยังขาวนวลและอ่อนโยน ทำให้เจียงเฉิงพอใจมากที่ได้กุมเท้าของเธอไว้ในมือ
“ตรงนี้เชื่อมกับหัวใจ กดแล้วเจ็บไหม”
“ไม่เจ็บ”
“ตรงนี้เชื่อมกับปอด กดไปแล้วรู้สึกยังไงบ้าง”
“ไม่รู้สึกอะไรเลย”
สวี่ฉิงหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้เมื่อถูกเกาที่ฝ่าเท้า เธอหัวเราะจนตัวโยน แต่ทำอย่างไรก็หนีจากการเกาะกุมของเจียงเฉิงไม่ได้ จนสุดท้ายก็ต้องขอความเมตตาจากเขา
หลังจากหาเรื่องกันแบบนี้อยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองคนจึงล้มตัวนอนบนเตียง
เช้าวันต่อมา เจียงเฉิงตามสวี่ฉิงไปที่ห้องไอซียูของผู้ป่วย ซึ่งว่ากันว่าผู้ป่วยคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาๆ ดังนั้นทางมณฑลจึงให้ความสำคัญต่อความคืบหน้าของอาการเป็นอย่างยิ่ง
มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมารวมตัวกันภายในห้อง มีคนจากทุกแผนกทุกสถาบัน แม้แต่สมาคมแพทย์ประจำเมืองมณฑลก็ยังมาที่นี่ด้วย
ที่หน้าเตียงคนไข้ มีหญิงสาวต่างชาติผมบลอนด์นัยน์ตาสีเขียวครามคนหนึ่งกำลังยืนมองชายต่างชาติวัยกลางคนที่หลับใหลไม่ได้สติบนเตียงคนไข้ด้วยความกังวล
“คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงชื่อสตีเว่น ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ คือเจนล่าลูกสาวของเขา เนื่องจากเจนล่าเป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศจีน เพิ่งจะย้ายมาทำงานที่หลูหยาง ดังนั้นเธอจึงพาพ่อของเธอมารักษาที่นี่ด้วย” สวี่ฉิงมองเจียงเฉิงพลางอธิบาย
เจียงเฉิงส่งเสียงว่ารับรู้ และเขาก็มองออกว่าพลังชีวิตของสตีเว่นกำลังค่อยๆ หายไป ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เขามีโอกาสที่จะเสียชีวิตสูงมาก
“นี่ เด็กน้อย นี่เป็นการรักษาที่ฉุกเฉินจริงๆ การแพทย์ในต่างประเทศก้าวหน้าขนาดนั้นยังรักษาโรคนี้ไม่ได้ มาที่สถานที่เล็กๆ อย่างหลูหยางของพวกเราจะรักษาได้ยังไง” หมอหนุ่มคนหนึ่งกระซิบกับคนที่อยู่ข้างๆ
“พ่อหนุ่ม อย่าดูถูกตัวเองไป การแพทย์แผนจีนของเราดีกว่าการแพทย์ตะวันตกไม่ใช่น้อย” เจียงเฉิงกระแอมสองครั้ง แสร้งทำเป็นพูดกับหมอหนุ่มผู้นั้นอย่างสุขุม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง