“บังคับเธอให้แต่งงานกับคุณชายของเมืองหลวง?” เจียงเฉิงมองลู่เสวี่ยถิงแบบตกใจนิดหน่อยแล้วถามขึ้น
“ถูกต้อง ถึงแม้ที่บ้านฉันจะเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเอก แต่ว่าเมื่ออยู่ที่เมืองหลวงทางนั้น เดิมทีไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ดังนั้นที่บ้านอยากจะใช้วิธีแต่งงานเกี่ยวดองกัน ให้ฉันแต่งกับคุณชายของเมืองหลวง แบบนี้ตระกูลฉันก็มีตำแหน่งมั่นคงอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว” ลู่เสวี่ยถิงมองเจียงเฉิงอย่างจำใจพอสมควรแล้วตอบไป
เจียงเฉิงได้ยินคำพูดพวกนี้ ชั่วขณะหนึ่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันคุ้นเคย นี่เหมือนกันกับที่สวี่ฉิงโดนบีบให้หย่ากับตนเองเลย เพราะตระกูลสวี่อยากจะประจบประแจงตระกูลหั่วอีกขั้นหนึ่ง ดังนั้นจึงอยากให้สวี่ฉิงหย่ากับตนเอง แล้วไปแต่งงานกับหั่วกัง
พฤติกรรมที่แต่งงานเกี่ยวดองกันแบบนี้ไร้ความยุติธรรมเหลือเกิน ปฏิบัติต่อผู้หญิงเหมือนเห็นว่าเป็นเพียงเครื่องมือ หลอกใช้ผู้หญิงเพื่อมาเติมเต็มตำแหน่งของตระกูล
“งั้นเธอชอบคุณชายคนนั้นหรือเปล่า?” เจียงเฉิงมองลู่เสวี่ยถิงแล้วสอบถาม
“ต้องไม่ชอบอยู่แล้วสิ” ลู่เสวี่ยถิงเอามือมาเท้าคางไว้ พูดแบบจำใจ “ผู้ชายเสเพลคนหนึ่ง วันๆ รู้จักแต่ดื่มเหล้ากับเที่ยวสนุก ถึงแม้เป็นนักศึกษาของวิทยาลัยแพทย์จิงซือ แต่ว่าไม่มีความสามารถสักนิด”
“ไม่ชอบก็ไม่แต่งไง”
“ฉันก็ไม่อยากแต่งเหมือนกัน แต่ไม่ว่าฉันจะคัดค้านยังไง ที่บ้านก็ต้องบังคับฉันให้แต่งกับเจ้าหมอนั่นอยู่ดี” ลู่เสวี่ยถิงถอนหายใจทีหนึ่ง สีหน้าดูหมดหนทางสุดๆ สมัยนี้กันแล้ว คาดไม่ถึงพ่อแม้ยังบังคับลูกสาวแต่งงานกับคนที่ไม่ได้ชอบอยู่อีก
เจียงเฉิงทนดูเรื่องราวแบบนี้ไม่ได้จริงๆ เขาคิดอยู่จึงมองทางลู่เสวี่ยถิงแล้ว พูดอย่างจริงจัง “วางใจเถอะ ฉันจะไม่ให้เธอแต่งงานกับคุณชายคนนั้นหรอก”
ลู่เสวี่ยถิงได้ยินคำพูดของเจียงเฉิง ตกใจทันที มองเจียงเฉิงด้วยสีหน้าตกใจพอสมควร
“ฉันหมายความว่า เธอช่วยฉันมามากขนาดนั้น ฉันจะไม่ทนดูเธอกระโดดเข้าไปในขุมนรกแน่นอน” เจียงเฉิงกลัวลู่เสวี่ยถิงเข้าใจตนเองผิด รีบพูดเสริมอีกทันที
“นาย?”
ลู่เสวี่ยถิงมองเจียงเฉิงแวบหนึ่ง หัวเราะแล้วพูดว่า “นายทำได้เหรอ?”
“ลูกผู้ชายไม่สามารถพูดว่าทำไม่ได้หรอก” เจียงเฉิงหัวเราะให้ลู่เสวี่ยถิงแล้วพูดขึ้น
ลู่เสวี่ยถิงรู้สึกตลกกับคำพูดประโยคนี้ของเจียงเฉิงอยู่ครู่หนึ่ง เธอรู้ว่าเจียงเฉิงอาจจะพูดล้อเล่นกับตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางนั้นคือเมืองหลวง เขาเป็นแค่หมอคนหนึ่งจะขัดขวางการแต่งงานของตนเองได้อย่างไรล่ะ
“ได้ งั้นฉันรอนายมาช่วยให้ฉันหลุดพ้นจากการแต่งงานครั้งนี้” ลู่เสวี่ยถิงไม่ได้พูดว่าไม่เชื่อออกไปโดยตรง แต่ว่าพูดกับเจียงเฉิงอย่างมีมารยาท
“คำไหนคำนั้น!”
เจียงเฉิงพูดอยู่แล้วยื่นนิ้วก้อยออกมา ลู่เสวี่ยถิงหัวเราะอยู่แล้วเกี่ยวก้อยด้วยกันกับเจียงเฉิง ทั้งสองคนมองหน้ากันและกันแล้วหัวเราะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง