เดิมทีคนในห้องจัดเลี้ยงกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกถูกคอ ปรากฏว่าจู่ๆก็มีกลุ่มคนที่อยู่ในชุดเครื่องแบบบุกเข้ามา พลันเงียบสงัดลงในทันที
สวี่เหลียงเห็นคนที่เข้ามาก็พลันใจกระตุกวูบ เพราะเขานึกขึ้นมาได้แล้ว ว่าคนพวกนี้ก็คือคนที่เขาเรียกให้มาหาเรื่องเจียงเฉิง คิดไม่ถึงเลยว่าจะมากันตอนนี้ คราวนี้ซวยแล้วจริงๆแน่
เพราะสวี่เหลียงรู้ ว่าที่นี่มีคนมากมายที่ไม่ควรมีเรื่องด้วย โดยเฉพาะปี้หมิงจูกับลู่จ้านเผิง คนระดับนั้นเขาจะกล้าไปเรื่องด้วยได้ยังไงกัน?
เจียงเฉิงเองก็มองไปที่กลุ่มคนในชุดเครื่องแบบที่บุกเข้ามา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเอ่ยว่า “ผมก็คือเจียงเฉิง มีอะไรงั้นเหรอ?”
ผู้ชายสวมชุดเครื่องแบบที่อยู่หน้าสุดมองเจียงเฉิงครู่หนึ่ง แล้วจึงจะเอ่ยว่า “นายก็คือเจียงเฉิงงั้นเหรอ? คลินิกนั้นฉันตรวจสอบแล้ว ดำเนินการยังไม่ครบขั้นตอนเลยด้วยซ้ำ ปิดกิจการเดี๋ยวนี้ซะ!”
เจียงเฉิงได้ยินดังนั้นก็พลันขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยว่า “คลินิกของผมจะดำเนินการไม่ครบขั้นตอนได้ยังไงกัน? เอกสารทั้งหมดยังอยู่ในกระบวนการ ตอนนี้ก็มีใบอนุญาตชั่วคราว”
“ใบอนุญาตชั่วคราวงั้นเหรอ?”
ชายที่เป็นหัวหน้าแค่นยิ้มเสียงเย็น เอ่ยว่า “นายคิดว่ามีใบอนุญาตชั่วคราวก็จบเรื่องแล้วหรือไง? ยังไงซะ ฉันตรวจสอบคลินิกนายแล้ว พบว่าไม่ครบคุณสัมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด ดังนั้นคำขออนุญาตของนายถูกตีกลับแล้ว ปิดกิจการตอนนี้ซะ!”
ชายที่เป็นหัวหน้าพูดแล้วก็มองไปที่สวี่เหลียง เขาเห็นสวี่เหลียงกำลังส่งสายตาให้เขา เขาเองก็ส่งสีหน้ายืนยันว่าเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว
ทว่าเมื่อสวี่เหลียงเห็นท่าทางของหมอนี่ เขาก็พลันรู้สึกหมดคำพูด เห็นได้ชัดว่าหมอนี่เข้าใจความหมายเขาผิด เขาส่งสายตาเพราะอยากให้อีกฝ่ายรีบไป ปรากฏว่าหมอนี่ก็ยังคงแข็งกร้าวขนาดนี้
“ไม่ทราบว่า คลินิกของหมอเทวดาเจียงขาดคุณสมบัติอะไรงั้นเหรอ?” ลู่จ้านเผิงเห็นเจ้าหมอนี่จะยึดคลินิกของเจียงเฉิงแบบนี้ก็พลันถามอย่างไม่พอใจ
“เกี่ยวอะไรกับนาย? ไม่ต้องยุ่ง หุบปากซะ” ชายที่เป็นหัวหน้ามองลู่จ้านเผิง พลันตวาดเสียงอย่างไม่สบอารมณ์
สวี่เหลียงได้ยินดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกหมดคำพูด ไอ้บัดซบนี่ไม่รู้จักถามให้แน่ชัดเลยหรือไง? ถึงกล้าเหิมเกริมใส่ผู้นำตระกูลลู่แบบนี้ ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไงกัน?
“เหอะๆ!”
ลู่จ้านเผิงได้ยินคำพูดของไอ้หมอนี่ก็พลันแค่นยิ้มเสียงเย็น เอ่ยว่า “ดูจากท่าทางของนาย เป็นคนของสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบอาหารและยาสินะ? เหิมเกริมขนาดนี้เลยเหรอ? จู่ๆก็จะยึดคลินิกของคนอื่นอย่างไร้เหตุผลเลยงั้นเหรอ?”
“พล่ามอะไรเยอะแยะ? คลินิกนั้นฉันตรวจสอบแล้ว ไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน” ชายที่เป็นหัวหน้าถลึงตาใส่ลู่จ้านเผิง
คราวนี้เขากลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ เพราะเขาเองก็เป็นแค่หัวหน้าทีมต๊อกต๋อย คนใหญ่คนโตอย่างลู่จ้านเผิง หากอยากจะขจัดเขา ก็ไม่ต่างอะไรจากขย้ำมดแมลงตัวหนึ่ง เมื่อกี้เขาก็ดันไปก่นด่าอีกฝ่ายแบบนั้น
“นายมาหาเรื่องหมอเทวดาเจียง ก็เท่ากับมาหาเรื่องฉัน” ลู่จ้านเผิงหรี่ตามองชายตรงหน้าแล้วเอ่ย
“นี่……นี่……”
ชายที่เป็นหัวหน้าได้ยินดังนั้นก็พลันมองไปที่สวี่เหลียงอย่างกระวนกระวายใจ นี่มันไม่เหมือนกับเขาพูดเลยสักนิด บุรุษพยาบาลเป็นเพื่อนกับผู้นำตระกูลลู่ได้ยังไงกัน? สวี่เหลียงคงไม่ได้หลอกเขาหรอกใช่ไหม?
“รหัสประจำตัวของนายฉันจำไว้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้านายยังปรากฏตัวที่เขต ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ” ลู่จ้านเผิงพูดพลางเผยแววตาเย็นเยือก
เพราะคนที่สามารถขึ้นมาถึงตำแหน่งของลู่จ้านเผิงได้ จะไม่เคยทำเรื่องสกปรกได้ยังไงกัน หากอยากกำจัดใครสักคนทิ้ง ก็ทำได้ง่ายๆเพียงแค่สั่ง คำพูดนี้ก็คือการข่มขู่เจ้าหมอนี่อย่างชัดเจน
“หา? ท่านประธานลู่ ท่านประธานลู่ ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาทใส่คุณ ผมเองก็ไม่ได้มีเจตนาจะมาหาเรื่องเจียงเฉิง” ชายที่เป็นหัวหน้ากลัวแล้วจริงๆ เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองแค่มาช่วยสวี่เหลียงยึดคลินิก ก็จะต้องถูกบีบคั้นจนต้องพาครอบครัวย้ายออกไปจากเขต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง