“เพราะเขา เพราะสวี่เหลียง เขาเป็นคนให้ผมหาข้ออ้างมายึดคลินิกของเจียงเฉิงเอง” ชายที่เป็นหัวหน้าไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงต้องชี้ไปที่สวี่เหลียง
สวี่เหลียงพลันรู้สึกใจกระตุกวูบ เมื่อเห็นสายตาของทุกคนมองมาที่เขา ในใจเขาเองก็พลันรู้สึกตื่นตระหนก
“หม่าเฟย นายอย่าใส่ร้ายฉันนะ ฉันไม่เคยพูดกับนายแบบนี้” สวี่เหลียงรีบโต้ตอบอีกฝ่ายทันที
“สวี่เหลียง นายกล้าพูดเหรอว่านายไม่ได้วานให้ฉันมาหาเรื่องเจียงเฉิง? นายบอกว่าเขาเป็นบุรุษพยาบาลที่ไร้น้ำยา ซ้ำยังอยากจะครอบครองมรดกของตระกูลสวี่ นายให้ฉันยึดคลินิกของเขา ไล่เขาออกไป นายเป็นคนพูดกับฉันเอง” หม่าเฟยตะคอกใส่สวี่เหลียงอย่างโมโห
สวี่ฉางเซิงได้ยินดังนั้นก็พลันหันไปมองสวี่เหลียงอย่างโกรธจัด หลานเขาทำเกินไปแล้ว อิจฉาริษยาคนอื่นจนถึงกับใช้วิธีแบบนี้มาทำร้ายเจียงเฉิง
“สวี่เหลียง เพราะครั้งก่อนฉันตบหน้านาย ดังนั้นนายก็ยังคงแค้นฉันไม่หาย จึงหาคนมายึดคลินิกฉัน ใช่ไหม?” เจียงเฉิงเองก็มองไปที่สวี่เหลียง พลางถามเสียงเย็น
“ไม่ใช่ ไม่มีเรื่องพรรค์นั้นแน่นอน” ตอนนี้สวี่เหลียงนอกจากแก้ตัวอย่างเปล่าประโยชน์ ก็ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว
“หมอเทวดาเจียง ในเมื่อเป็นเรื่องในครอบครัวคุณ งั้นผมก็ไม่ควรจะสอดมือเข้าไปยุ่งแล้ว” ลู่จ้านเผิงเองก็ดูออกแล้วว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง เขาเองก็ไม่สะดวกจะจัดการแทน พลันรีบเอ่ยทันที
“คุณลุงลู่เกรงใจแล้ว ผมจัดการเองก็พอ” เจียงเฉิงเองก็เอ่ยกับลู่จ้านเผิงอย่างเกรงใจ
“ท่านประธานลู่ งั้นไม่เกี่ยวอะไรกับผมแล้วใช่ไหม? ผมถูกคนทำร้ายจริงๆ” หม่าเฟยรีบเอ่ยกับลู่จ้านเผิงด้วยสีหน้าอ้อนวอน
“ไสหัวไปซะ!” ลู่จ้านเผิงแค่นเสียงเย็น พลันสบถด่า
“ขอบคุณมากครับท่านประธานลู่ ขอบพระคุณมากครับ” หม่าเฟยพูดแล้วก็รีบลุกขึ้นอย่างลนลาน จากนั้นก็หันไปมองสวี่เหลียงอย่างเคียดแค้นครู่หนึ่ง แล้วจึงจะพาคนออกไปจากที่นี่
หม่าเฟยเสียใจภายหลังมากจริงๆ เดิมทีนึกว่าหากช่วยสวี่เหลียงแล้วก็จะสามารถแลกบุญคุณของตระกูลสวี่มาได้ กลับคิดไม่ถึงเลยว่าอีกนิดก็เกือบจะทำลายอนาคตตัวเองจนย่อยยับแล้ว
ณ ตอนนี้ สีหน้าของสวี่เหลียงเองก็ดูย่ำแย่ถึงขีดสุด เขาแทบจะนั่งอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เพราะทุกคนล้วนกำลังมองเขาด้วยสายตาประหลาด
“เจ้าเด็กเหลือขอ รอกลับไปเมื่อไหร่ฉันค่อยสั่งสอนแกอีกที” สวี่จื้อหาวด่าลูกชายตัวเองอย่างโมโห
พอด่าเสร็จเขาก็ถอนหายใจยาว ลูกชายเขาไม่ได้เรื่องเลยสักนิด อยู่สำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบอาหารและยามานานขนาดนั้นก็ยังเป็นได้แค่พนักงานต็อกต๋อย ไม่รู้จักพัฒนาตัวเองเลยสักนิด ซ้ำยังคิดจะลอบทำร้ายพี่น้องตัวเองอีกต่างหาก
“น้องสาม อย่าโกรธเลยนะ เรื่องนี้เป็นความผิดลูกชายฉันเอง” สวี่จื้อหาวเอ่ยกับสวี่จื้อจุนอย่างรู้สึกผิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง