ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง นิยาย บท 457

เดิมทีลู่จ้านเผิงยังเผยใบหน้าแต้มยิ้ม เพราะหมอเทวดาอย่างเจียงเฉิง หากได้สานสัมพันธ์ด้วยแล้วก็ย่อมเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ดังนั้นเขาเองก็คิดไว้แล้ว ว่าตราบใดที่ความต้องการของเจียงเฉิงไม่ได้ล้ำเส้นมากเกินไป งั้นเขาก็จะตอบตกลง

เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเจียงเฉิงต้องการให้เขายกเลิกสัญญาหมั้นของลูกสาวตัวเอง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันหายวับไปในทันที

“หมอเทวดาเจียง คุณรู้เรื่องสัญญาหมั้นของลูกสาวผมได้ยังไง?” ลู่จ้านเผิงหุบยิ้ม พลันเผยท่าทางเย็นชาเล็กน้อย

“เสวี่ยถิงมาระบายให้ผมฟัง เธอบอกว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายที่เมืองหลวง ผมเองก็รู้สึกว่าเรื่องแต่งงานควรให้ทั้งสองฝ่ายใจตรงกันจะดีกว่า” เจียงเฉิงเองก็ไม่ได้ปิดบัง กลับเอ่ยกับลู่จ้านเผิงอย่างจริงจัง

“หมอเทวดาเจียง แม้ผมจะขอบคุณคุณมากที่ช่วยชีวิตลูกสาวผมไว้ แต่ความต้องการของคุณ โปรดให้อภัยผมที่ไม่สามารถตอบตกลงได้” ลู่จ้านเผิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก

เดิมลู่จ้านเผิงก็คือผู้นำตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเขตอยู่แล้ว เขาย่อมชินกับการที่คนอื่นเชื่อฟังคำสั่งเขา ไม่ใช่เขาเชื่อฟังคนอื่น ที่ผ่านมาเขาดูแลเจียงเฉิงเป็นพิเศษ ก็เพียงเพราะต้องการดึงเจียงเฉิงมาเป็นพวกเท่านั้น

ทว่าหากอยากให้เขายกเลิกสัญญาหมั้นกับฝั่งเมืองหลวง แน่นอนว่าเขาไม่สามารถทำได้ เพราะหากให้ลูกสาวแต่งงานกับฝั่งเมืองหลวง งั้นตระกูลเขาก็จะสามารถขยายอิทธิพลออกจากเขตไปสู่เมืองหลวงได้ หากยกเลิกสัญญาหมั้นนี้ ก็เท่ากับละทิ้งอนาคตของตระกูล เขาจะตอบตกลงได้ยังไงกัน

“คุณลุงลู่ หรือคุณอยากจะทำเพื่ออนาคตของตระกูล แลกกับการที่ลูกสาวคุณไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ?” เจียงเฉิงขมวดคิ้วพูดกับลู่จ้านเผิง

“ลูกสาวผมมีหรือไม่มีความสุข ก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับหมอเทวดาเจียงหรอกมั้งครับ?” ลู่จ้านเผิงเอ่ยกับเจียงเฉิงอย่างเย็นชา ในสายตาเขา เจียงเฉิงไม่ใช่คนระดับเดียวกับเขา ไม่มีทางที่จะสนทนากันอย่างเท่าเทียมกันได้

“คุณลุง……”

“ผมยังมีธุระ ก็ขอตัวกลับก่อน ส่วนเรื่องที่หมอเทวดาเจียงช่วยลูกสาวผมไว้ ผมก็ขอขอบคุณอีกครั้ง” ลู่จ้านเผิงพูดแล้วก็หันตัวไปจากที่นี่ ไม่ว่ายังไงเขาไม่มีทางยอมอ่อนข้อเรื่องลูกสาวตัวเองเด็ดขาด

เจียงเฉิงเห็นท่าทางของลู่จ้านเผิงเองก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่มีหนทางแก้ไข เขาจึงทำได้เพียงกลับไปยังคลินิกของตัวเอง

ขณะเดียวกัน สวี่ฉางเซิงเองก็พาครอบครัวกลับมาถึงบ้านตระกูลสวี่แล้ว เพียงแต่ ณ ตอนนี้ เขากำลังนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะด้วยสีหน้าโกรธจัด ส่วนสวี่จื้อกั๋ว สวี่เหลียง และสวีหย่าก็ต่างก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไร

ปัง!

เป็นไปตามที่คาด ไม่นานโทรศัพท์ของสวี่ฉางเซิงก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล ผู้เฒ่าหลี่เหรอ คนที่ฉันให้นายไปสืบเป็นไงบ้าง?” สวี่ฉางเซิงยิ้มถามทางโทรศัพท์

อีกฝ่ายก็เริ่มเล่าให้สวี่ฉางเซิงฟัง ยิ่งฟังมากเท่าไหร่รอยยิ้มบนใบหน้าของสวี่ฉางเซิงก็ยิ่งหายไปทีละนิด กลับกลายเป็นสีหน้าเคร่งขรึมแทน พวกสวี่จื้อกั๋วกับสวี่เหลียงเองก็ต่างเบิกตาโพลง

สักพัก สวี่ฉางเซิงก็จึงจะวางสาย จากนั้นก็มองไปที่สวี่จื้อกั๋วด้วยแววตาโกรธจัด

“คุณปู่ เป็นไงบ้าง? เจียงเฉิงเป็นสวะไร้ประโยชน์ใช่หรือเปล่า?” สวี่เหลียงยังคงแอบคาดหวังในใจ หวังว่าเจียงเฉิงจะเป็นสวะไร้ประโยชน์ หากเป็นแบบนี้เขาก็จะได้อยู่อย่างสงบบ้าง

“เจียงเฉิง คือประธานของเจียงเย่ยูนิฝ่างของเมืองหลูหยาง เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของโรงงานผลิตยาที่ปี้หมิงจูลงทุนสร้าง ครองหุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลูหยาง ฟางเจี้ยนกั๋ว ประธานของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลูหยางเป็นเพื่อนกับเขา ไป๋เว่ยกั๋ว เจ้าของธุรกิจอสังหาฯที่ใหญ่ที่สุดของหลูหยางเคยมอบคฤหาสต์ให้เขาหลังหนึ่ง จ้าวฝูหลิน เจ้าของไนต์คลับที่ใหญ่ที่สุดก็เป็นเพื่อนกับเจียงเฉิง”

สวี่ฉางเซิงพูดไปพลาง ส่ายหัวอย่างจนใจไปพลาง ส่วนสวี่เหลียงเมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันยิ่งอยู่ยิ่งไม่สู้ดี สถานะมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าจะอันไหนก็ล้วนเป็นเป้าหมายที่เขาไม่มีวันไปถึงในชีวิตนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง