หลังจากที่ใช้เวลาสัมภาษณ์กันนานเกือบสองชั่วโมงก็ถึงเวลาพักเบรกทานของว่าง ผลไม้และขนมที่เจ้าของห้องจัดเตรียมไว้ถูกยกออกวางเต็มโต๊ะ
“ทานขนมแล้วค่อยมาดูอีกทีว่าได้ข้อมูลครบหรือยัง แล้วนี่เป็นหนังสือวารสารตีพิมพ์ที่ต่างประเทศลองเอาไปศึกษาดูเผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม” หนังสือบทสัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดังที่ตีพิมพ์ลงในวารสารต่างประเทศสามสี่เล่มถูกวางลงตรงหน้ารดา
“ขอบคุณค่ะ”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังพักนั่งทานขนมกันอยู่นั้น รดารู้สึกปวดท้องจึงลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ เท้าเล็กเดินตรงไปยังห้องครัวที่ถัดจากห้องรับแขกไปอีกห้องเพราะคิดว่าห้องน้ำน่าจะอยู่แถวๆ นั้นแต่ก็ไม่เจอจึงเดินไปอีกห้องที่อยู่ถัดไปซึ่งเห็นประตูเปิดแง้มอยู่ไม่ได้ล็อก
“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ” ศีรษะเล็กชนเข้ากับอกแกร่งขณะกำลังเปิดประตูเข้าไปด้านใน
“มาทำอะไร”
“คือหนูอยากเข้าห้องน้ำค่ะ แต่ไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน”
“ไม่รู้ห้องน้ำอยู่ตรงไหน เลยเดินเข้าห้องผมงั้นเหรอ” กองทัพค่อยๆ ขยับเข้าหาเด็กสาวช้าๆ จนตอนนี้ทั้งสองยืนห่างกันไม่ถึง10 เซนติเมตร
“หนูไม่รู้ว่าห้องนี้ห้องคุณ หนูเห็นประตูมันเปิดอ้าอยู่หนูเลยเดินเข้ามาดูเฉยๆ ค่ะ” รดารีบปฏิเสธขึ้นทันควัน
“เข้ามาสิ”
“เข้าไปทำไมคะ”
“ก็จะเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ เข้ามาสิ” รดาเดินตามหลังกองทัพเข้ามาด้านในผ่านห้องนอนและห้องแต่งตัว
“รดา”
“อ๊ะ!” ร่างบางสะดุ้งเฮือกตกใจเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง รีบวางกรอบรูปที่อยู่ในมืออย่างเร็ว
“ดูเหมือนคุณจะชอบรูปนี้มากนะ ผมเห็นจ้องอยู่ตั้งนานที่โรงพยาบาลก็ด้วย มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ แค่วิวตึกด้านหลังสวยดี ขอโทษนะคะที่ถือวิสาสะหยิบจับของส่วนตัวของคุณหมอ” ปากสั่นระริกตอบกลับเสียงสั่นอย่างคนเสียอาการ ก่อนจะสาวเท้าเดินเลี่ยงออกจากห้องไป
บ่าย 3 โมงเย็น
“นั่งทำงานกันต่อที่นี่ก็ได้นะ ถ้าข้อมูลขาดตรงไหนก็ปรึกษาผมได้ผมนั่งทำงานอยู่ห้องถัดไปนี่เอง” ชายหนุ่มบอกออกไปเสียงเรียบ
รดาและกลุ่มเพื่อนนั่งทำงานกันต่อที่ห้องของพายัพจนถึง 5โมงเย็น ขนมและผลไม้รวมถึงอาหารทานเล่นช่วงบ่ายก็ได้รับการดูแลจากเจ้าของห้องเป็นอย่างดี ทุกคนขะมักเขม้นทำงานจนลืมดูนาฬิกาว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่
ติ๊ง..เสียงกริ่งหน้าประตูห้องดังขึ้น
{คุณนทีและคุณดินอยู่ที่หน้าประตู} เสียงเตือนระบบเอไอในห้องรับแขกดังขึ้น
[กองทัพเปิดประตูให้พวกกูด้วย] เสียงเครื่องสื่อสารดังขึ้นอีกครั้งแต่เป็นเสียงของคนปกติซึ่งเป็นเสียงของหนึ่งในผู้ที่มาใหม่
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าเดินผ่านห้องรับแขกไปยังทิศทางประตูหน้าห้อง
“พวกมึงมาทำเชี่ยอะไร” ชายหนุ่มถามขึ้นเสียงเรียบบ่งบอกว่าไม่ค่อยต้อนรับแขกผู้มาใหม่
“หลบ พวกกูจะเข้าไปข้างใน” ไร้คำตอบจากนทีและดิน ทั้งสองเดินผ่านหน้ากองทัพเข้ามาด้านใน
“เชี่ย! เดี๋ยวนี้มึงกลับไปสอนพิเศษเหมือนตอนนั้นแล้วเหรอวะ” นทีหันหน้าไปถามกองทัพเมื่อเดินเข้ามาเจอรดาและเพื่อนๆ นั่งทำรายงานกันอย่างเคร่งเครียด
"เสือก นี่มันเรื่องของกู” ชายหนุ่มที่เดินตามหลังมาติดๆ ด่าเพื่อนกลับไปแทนคำตอบ กองทัพเดินมาหยุดยืนข้างๆ นทีท่าทางฉุนเฉียวไม่พอใจ
รดาและกลุ่มเพื่อนต่างละสายตาจากงานตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่พึ่งมาใหม่ ซึ่งชายหนุ่มทั้งสองนั้นยืนจ้องมองพวกเธออยู่ก่อนแล้ว
“คนที่มึงพาไปกินข้าวด้วยเมื่อวาน นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยหรือเปล่า..แล้วคนไหนวะ” ดินถามขึ้นทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่กลุ่มของรดา เหตุผลที่ทั้งสองมาหากองทัพถึงคอนโดไม่ได้มีธุระอะไรสำคัญ นอกจากมาจับพิรุธเพื่อน
“มีธุระอะไรเข้าไปคุยในห้อง ตรงนี้รบกวนการทำงานของเด็กๆ”
“ไม่คิดจะแนะนำให้เพื่อนรู้จัก” ดินและนทียังไม่ยอมทำตามคำสั่งเจ้าของห้องทั้งสองยังยืนซุบซิบกันอยู่อีกสักพัก สีหน้ากองทัพเริ่มตึงเครียดขึ้นไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเขาจะรู้สึกประหม่าต่อหน้าเด็กสาว
“พวกมึงเช็กความเรียบร้อยเสร็จหมดแล้วเหรอ ถึงเสนอหน้ามาที่นี่ได้” เจ้าของห้องยังหาวิธีไล่เพื่อนกลับเพราะทราบวัตถุประสงค์ที่เพื่อนทั้งสองโผล่มาที่นี่เวลานี้ดี
“ไม่คิดจะเชิญพวกกูนั่ง”
“ไม่ได้เชิญให้มา เสือกมากันเอง”
“เฮ้! คุณหมอพวกผมเพื่อนคุณนะครับ มาหาเพื่อนต้องรอให้เพื่อนเชิญถึงมาได้เหรอครับ” นทีเล่นละครบทใหญ่เพื่อเรียกร้องความสนใจจนทุกคนในห้องต่างหันมอง
“ถ้าเขาไม่ได้เชิญ แสดงว่าเขาไม่ได้อยากให้มาเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปเขาทราบและปฏิบัติกัน”
“ด่าพวกกูได้ผู้ดีมาก แล้วมึงจะไปสนามกี่โมงธุระสำคัญที่บอกเมื่อวานทำเสร็จหรือยัง”
“ไปเมื่อไหร่ก็เจอเมื่อนั้น เสร็จธุระก็กลับได้แล้ว”
“ไหนๆ น้องๆ ก็มากันแล้ว คืนนี้ไปเที่ยวสนามแข่งกับพวกพี่ไหมครับ คืนนี้ไอ้หมอลงแข่งด้วยนะครับ” ดินหันไปถามกลุ่มของรดาที่นั่งเกร็งกันอยู่เพราะรู้ดีว่านี่คือจุดอ่อนของเพื่อนตนตอนนี้
“จะไปทำไม ยังเด็กอยู่ไม่ควรไปสถานที่แบบนั้น” เจ้าของห้องสวนขึ้นทันควันเพื่อตัดบท พร้อมกับส่งสายตาดุเชิงสั่งห้ามไปทางรดาที่นั่งมองมาทางกองทัพพอดี
“ดูแล้วน้องๆ น่าจะอายุเกิน20กันหมดแล้วใช่ไหมครับ” นทีเอ่ยเสริมขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
สงครามครั้งนี้ฝีมือของสองฝ่ายเรียกว่าสูสีกันมากเพราะฝั่งหมอหนุ่มเองถึงจะได้เปรียบเรื่องความฉลาดสามารถแก้ปัญหาและเอาตัวรอดได้ทุกเรื่องแต่ก็มีจุดอ่อนคือเด็กสาวน่ารักที่ตอนนี้เปรียบเสมือนตัวประกันคนสำคัญ และทางฝั่งของดินและนทีมีความโดดเด่นเรื่องความเจ้าเล่ห์ซึ่งตอนนี้อัพเลเวลขึ้นไปเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญแล้ว สงครามจึงยืดเยื้อกินเวลาออกไป
“พวกเราอายุ22ปีแล้วค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ปี4แล้วค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหมอที่รัก