คุณหมอที่รัก นิยาย บท 10

สรุปบท บทที่9 แกล้ง: คุณหมอที่รัก

บทที่9 แกล้ง – ตอนที่ต้องอ่านของ คุณหมอที่รัก

ตอนนี้ของ คุณหมอที่รัก โดย ดาวิเด ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่9 แกล้ง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หลังจากที่ใช้เวลาสัมภาษณ์กันนานเกือบสองชั่วโมงก็ถึงเวลาพักเบรกทานของว่าง ผลไม้และขนมที่เจ้าของห้องจัดเตรียมไว้ถูกยกออกวางเต็มโต๊ะ

“ทานขนมแล้วค่อยมาดูอีกทีว่าได้ข้อมูลครบหรือยัง แล้วนี่เป็นหนังสือวารสารตีพิมพ์ที่ต่างประเทศลองเอาไปศึกษาดูเผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม” หนังสือบทสัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดังที่ตีพิมพ์ลงในวารสารต่างประเทศสามสี่เล่มถูกวางลงตรงหน้ารดา

“ขอบคุณค่ะ”

ระหว่างที่ทุกคนกำลังพักนั่งทานขนมกันอยู่นั้น รดารู้สึกปวดท้องจึงลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ เท้าเล็กเดินตรงไปยังห้องครัวที่ถัดจากห้องรับแขกไปอีกห้องเพราะคิดว่าห้องน้ำน่าจะอยู่แถวๆ นั้นแต่ก็ไม่เจอจึงเดินไปอีกห้องที่อยู่ถัดไปซึ่งเห็นประตูเปิดแง้มอยู่ไม่ได้ล็อก

“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ” ศีรษะเล็กชนเข้ากับอกแกร่งขณะกำลังเปิดประตูเข้าไปด้านใน

“มาทำอะไร”

“คือหนูอยากเข้าห้องน้ำค่ะ แต่ไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน”

“ไม่รู้ห้องน้ำอยู่ตรงไหน เลยเดินเข้าห้องผมงั้นเหรอ” กองทัพค่อยๆ ขยับเข้าหาเด็กสาวช้าๆ จนตอนนี้ทั้งสองยืนห่างกันไม่ถึง10 เซนติเมตร

“หนูไม่รู้ว่าห้องนี้ห้องคุณ หนูเห็นประตูมันเปิดอ้าอยู่หนูเลยเดินเข้ามาดูเฉยๆ ค่ะ” รดารีบปฏิเสธขึ้นทันควัน

“เข้ามาสิ”

“เข้าไปทำไมคะ”

“ก็จะเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ เข้ามาสิ” รดาเดินตามหลังกองทัพเข้ามาด้านในผ่านห้องนอนและห้องแต่งตัว

“รดา”

“อ๊ะ!” ร่างบางสะดุ้งเฮือกตกใจเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง รีบวางกรอบรูปที่อยู่ในมืออย่างเร็ว

“ดูเหมือนคุณจะชอบรูปนี้มากนะ ผมเห็นจ้องอยู่ตั้งนานที่โรงพยาบาลก็ด้วย มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ แค่วิวตึกด้านหลังสวยดี ขอโทษนะคะที่ถือวิสาสะหยิบจับของส่วนตัวของคุณหมอ” ปากสั่นระริกตอบกลับเสียงสั่นอย่างคนเสียอาการ ก่อนจะสาวเท้าเดินเลี่ยงออกจากห้องไป

บ่าย 3 โมงเย็น

“นั่งทำงานกันต่อที่นี่ก็ได้นะ ถ้าข้อมูลขาดตรงไหนก็ปรึกษาผมได้ผมนั่งทำงานอยู่ห้องถัดไปนี่เอง” ชายหนุ่มบอกออกไปเสียงเรียบ

รดาและกลุ่มเพื่อนนั่งทำงานกันต่อที่ห้องของพายัพจนถึง 5โมงเย็น ขนมและผลไม้รวมถึงอาหารทานเล่นช่วงบ่ายก็ได้รับการดูแลจากเจ้าของห้องเป็นอย่างดี ทุกคนขะมักเขม้นทำงานจนลืมดูนาฬิกาว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่

ติ๊ง..เสียงกริ่งหน้าประตูห้องดังขึ้น

{คุณนทีและคุณดินอยู่ที่หน้าประตู} เสียงเตือนระบบเอไอในห้องรับแขกดังขึ้น

[กองทัพเปิดประตูให้พวกกูด้วย] เสียงเครื่องสื่อสารดังขึ้นอีกครั้งแต่เป็นเสียงของคนปกติซึ่งเป็นเสียงของหนึ่งในผู้ที่มาใหม่

ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าเดินผ่านห้องรับแขกไปยังทิศทางประตูหน้าห้อง

“พวกมึงมาทำเชี่ยอะไร” ชายหนุ่มถามขึ้นเสียงเรียบบ่งบอกว่าไม่ค่อยต้อนรับแขกผู้มาใหม่

“หลบ พวกกูจะเข้าไปข้างใน” ไร้คำตอบจากนทีและดิน ทั้งสองเดินผ่านหน้ากองทัพเข้ามาด้านใน

“เชี่ย! เดี๋ยวนี้มึงกลับไปสอนพิเศษเหมือนตอนนั้นแล้วเหรอวะ” นทีหันหน้าไปถามกองทัพเมื่อเดินเข้ามาเจอรดาและเพื่อนๆ นั่งทำรายงานกันอย่างเคร่งเครียด

"เสือก นี่มันเรื่องของกู” ชายหนุ่มที่เดินตามหลังมาติดๆ ด่าเพื่อนกลับไปแทนคำตอบ กองทัพเดินมาหยุดยืนข้างๆ นทีท่าทางฉุนเฉียวไม่พอใจ

รดาและกลุ่มเพื่อนต่างละสายตาจากงานตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่พึ่งมาใหม่ ซึ่งชายหนุ่มทั้งสองนั้นยืนจ้องมองพวกเธออยู่ก่อนแล้ว

“คนที่มึงพาไปกินข้าวด้วยเมื่อวาน นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยหรือเปล่า..แล้วคนไหนวะ” ดินถามขึ้นทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่กลุ่มของรดา เหตุผลที่ทั้งสองมาหากองทัพถึงคอนโดไม่ได้มีธุระอะไรสำคัญ นอกจากมาจับพิรุธเพื่อน

“มีธุระอะไรเข้าไปคุยในห้อง ตรงนี้รบกวนการทำงานของเด็กๆ”

“ไม่คิดจะแนะนำให้เพื่อนรู้จัก” ดินและนทียังไม่ยอมทำตามคำสั่งเจ้าของห้องทั้งสองยังยืนซุบซิบกันอยู่อีกสักพัก สีหน้ากองทัพเริ่มตึงเครียดขึ้นไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเขาจะรู้สึกประหม่าต่อหน้าเด็กสาว

“พวกมึงเช็กความเรียบร้อยเสร็จหมดแล้วเหรอ ถึงเสนอหน้ามาที่นี่ได้” เจ้าของห้องยังหาวิธีไล่เพื่อนกลับเพราะทราบวัตถุประสงค์ที่เพื่อนทั้งสองโผล่มาที่นี่เวลานี้ดี

“ไม่คิดจะเชิญพวกกูนั่ง”

“ไม่ได้เชิญให้มา เสือกมากันเอง”

“เฮ้! คุณหมอพวกผมเพื่อนคุณนะครับ มาหาเพื่อนต้องรอให้เพื่อนเชิญถึงมาได้เหรอครับ” นทีเล่นละครบทใหญ่เพื่อเรียกร้องความสนใจจนทุกคนในห้องต่างหันมอง

“ถ้าเขาไม่ได้เชิญ แสดงว่าเขาไม่ได้อยากให้มาเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปเขาทราบและปฏิบัติกัน”

“ด่าพวกกูได้ผู้ดีมาก แล้วมึงจะไปสนามกี่โมงธุระสำคัญที่บอกเมื่อวานทำเสร็จหรือยัง”

“ไปเมื่อไหร่ก็เจอเมื่อนั้น เสร็จธุระก็กลับได้แล้ว”

“ไหนๆ น้องๆ ก็มากันแล้ว คืนนี้ไปเที่ยวสนามแข่งกับพวกพี่ไหมครับ คืนนี้ไอ้หมอลงแข่งด้วยนะครับ” ดินหันไปถามกลุ่มของรดาที่นั่งเกร็งกันอยู่เพราะรู้ดีว่านี่คือจุดอ่อนของเพื่อนตนตอนนี้

“จะไปทำไม ยังเด็กอยู่ไม่ควรไปสถานที่แบบนั้น” เจ้าของห้องสวนขึ้นทันควันเพื่อตัดบท พร้อมกับส่งสายตาดุเชิงสั่งห้ามไปทางรดาที่นั่งมองมาทางกองทัพพอดี

“ดูแล้วน้องๆ น่าจะอายุเกิน20กันหมดแล้วใช่ไหมครับ” นทีเอ่ยเสริมขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้

สงครามครั้งนี้ฝีมือของสองฝ่ายเรียกว่าสูสีกันมากเพราะฝั่งหมอหนุ่มเองถึงจะได้เปรียบเรื่องความฉลาดสามารถแก้ปัญหาและเอาตัวรอดได้ทุกเรื่องแต่ก็มีจุดอ่อนคือเด็กสาวน่ารักที่ตอนนี้เปรียบเสมือนตัวประกันคนสำคัญ และทางฝั่งของดินและนทีมีความโดดเด่นเรื่องความเจ้าเล่ห์ซึ่งตอนนี้อัพเลเวลขึ้นไปเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญแล้ว สงครามจึงยืดเยื้อกินเวลาออกไป

“พวกเราอายุ22ปีแล้วค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ปี4แล้วค่ะ”

“น่าจะลงมาพร้อมไอ้กองทัพ เราล่วงหน้าไปก่อนแล้วกัน” อิงเอยและกิ่งแก้วนั่งรถไปกับนทีส่วนเชอรี่นั่งไปกับดิน

“อ้าว..แล้วทุกคนไปไหนกันหมดคะ” เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถก็ไม่เจอใครสักคนรดาจึงหันไปถามกองทัพที่ยืนขนาบอยู่ด้านข้าง

“น่าจะไปกันแล้ว ขึ้นรถ” เสียงทุ้มสั่งออกมาเสียงเรียบ สัญญาณรีโมตปลดล็อกประตูดังขึ้น

“ค่ะ”

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงเตือนข้อความโทรศัพท์กองทัพดังขึ้น

มือหนาล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดอ่าน เป็นข้อความจากดินที่ส่งเข้ามา

{อย่ามัวแต่กินอย่างอื่นจนลืมว่าต้องกินข้าว} พร้อมกับส่งโลเคชั่นร้านอาหารแนบมาด้วย

“ไอ้ห่า” กองทัพสบทคำหยาบออกมาทันทีที่เห็นข้อความที่เพื่อนส่งมาอย่างลืมตัว พร้อมโยนโทรศัพท์ในมือลงอย่างไม่ใส่ใจ

รดาหันขวับไปมองด้วยความตกใจเพราะเกิดเสียงดัง จังหวะเดียวกับที่หน้าจอโทรศัพท์กองทัพสว่างจ้าขึ้นอีกรอบ

{น้องมันยังเด็ก} ใบหน้าเรียวเล็กรีบเบนหน้าหนีมองออกนอกหน้าต่าง

ซูเปอร์คาร์คันหรูเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถด้วยความเร็ว การจราจรที่หนาแน่นในช่วงเย็นไม่สามารถชะลอความเร็วของรถคันนี้ลงได้เลย ลัมโบร์กินีสีดำคันใหญ่โลดแล่นอยู่บนถนนใจกลางกรุงเทพใช้เวลาไม่ถึง20นาทีก็เข้ามาจอดที่ร้านอาหารหรูที่กองทัพเคยพามาทานเมื่อวานเพราะร้านนี้เป็นร้านประจำของกองทัพและกลุ่มเพื่อน

กองทัพและรดาเดินเข้าไปภายในร้านตามหลังดินและนทีที่พึ่งมาถึงก่อนหน้าไม่ถึง5นาที

“ตีนผีจริงๆ” ดินพูดขึ้นลอยๆ โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือคุณหมอหนุ่มที่พึ่งเดินมาถึง

“ถ้าจะขับช้าจะซื้อมาทำไมคันตั้งหลายล้าน ซื้อจักรยานคันละหมื่นสองหมื่นมาปั่นไม่ดีกว่าเหรอถ้าจะอนุรักษ์พลังงานขนาดนั้น” กองทัพพูดสวนขึ้นทันที เดินไปกระแทกนั่งลงเก้าอี้ตัวที่ยังว่างอยู่2ตัว

“รดา มานั่งนี่” เชอรี่กวักมือเรียกเมื่อรดาเอาแต่ยืนงงอยู่

“พวกพี่สั่งอาหารไปบ้างแล้ว น้องรดาอยากทานอะไรสั่งได้เลยครับ นี่ครับเมนู” ดินส่งเมนูอาหารให้รดาเลือก

“หนูขอเป็นต้มยำซีฟู้ดกับข้าวผัดต้มยำ ซีฟู้ดลวกจิ้มค่ะ”

“มันเผ็ดเดี๋ยวแสบท้อง เอากุ้งทอดกระเทียมกับปลากะพงทอดน้ำปลา แซลม่อนย่างเกลือ กุ้งแม่น้ำอบชีส ส่วนข้าวผัดเปลี่ยนเป็นข้าวผัดปู ต้มยำรสไม่จัดมาก” เชอรี่ อิงเอย กิ่งแก้ว มองหน้ากองทัพสีหน้างุนงง ยกเว้นดินและนทีที่เข้าใจสถานการณ์เมื่อสักครู่นี้ดี

“ขอซีฟู้ดลวกจิ้มด้วยได้ไหมคะน้ำจิ้มเขาทำอร่อยมากเลย เมื่อวานหนูทานไปได้นิดเดียวเอง” ทุกคนหันขวับมองหน้ารดา ส่วนดินและนทีผุดยิ้มมุมปาก นั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายใจ

“ชะนี เมื่อวานนี้แกมากับใคร อย่าบอกนะว่าแกมากับคุณหมอ” เชอรี่กระซิบถามข้างหู รดาหน้าซีดเผือดราวกับทำความผิดแล้วโดนจับได้

“ไอ้หมอ เมื่อวานมึงก็มาทานร้านนี้ไม่ใช่เหรอ อาหารยังอร่อยเหมือนเดิมไหมวะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหมอที่รัก